ตำรวจเป็นผู้ร้าย?

ใบตองแห้ง

“พวกคุณจะไม่ยอมให้ปากคำก็ได้ จะรอทนายก็ได้ ดูสิว่าคืนนี้ผมจะเอาคุณเข้าคุกได้มั้ย”

แมน ปกรณ์ ประชาธิปไตยใหม่ รำลึกความหลังครั้ง ผกก.สภ.บ้านโป่ง พูดกับเขาตอนโดนจับ เพียงเพราะมีเอกสารความเห็นแย้งร่างรัฐธรรมนูญในรถ ตำรวจตั้งข้อหา “น่าเชื่อว่าจะ” แจกเอกสารต่อต้านการลงประชามติ

แมนกับเพื่อนอีก 3 คน และนักข่าวประชาไท ถูกขัง 1 คืน นายกฯ กล่าวว่า ต้องทำตามกฎหมาย ตั้งแต่รัฐประหารมามีใครตายไหม แล้วพูดไปถึงการปฏิรูปตำรวจว่า ก็ปลดตำรวจทั้งหมดทีเดียวจะเอาไหม ถอดยศให้หมด แล้วตั้งใหม่สตาร์ตสิบตรี

6 เดือนผ่านไป ผกก.บ้านโป่งกลายเป็นผู้ต้องหาอุ้มฆ่า แม้แน่ละ ผบ.ตร.กับ ผบช.น.ที่ปรึกษาไทยเบฟ เป็นพระเอก แต่กระแสเรียกร้อง “ปฏิรูปตำรวจ” ก็ดังเซ็งแซ่ จากหลายข่าวอื้อฉาว รวมทั้ง “ครูจอมทรัพย์” (ซึ่งอัยการห้ามเรียก “ครูแพะ” จะมีความผิดฐานหมิ่นศาล)

อันที่จริงคดีนี้แม้ครูไม่ผิด ก็ย้อนไปเอาผิดตำรวจยาก ตำรวจสอบพยานเห็นทะเบียนรถ ตามไปดูรถครูมีรอยชน ตำรวจก็ส่งอัยการ โดยไม่ได้กลั่นแกล้งรีดไถ ฉะนั้นถ้าตั้งข้อหา 157 ตำรวจก็รอดสบายๆ แต่อาจกระทบภาพลักษณ์เรื่องความรอบคอบถี่ถ้วนไง

ในการพิจารณา เมื่อจับไม่ได้คาหนังคาเขา ก็ต้องใช้ดุลพินิจชั่งน้ำหนัก ซึ่งศาลชั้นต้น ศาลฎีกา เห็นว่าพยานหลักฐานเพียงพอ (พยานเห็นชัด ไม่มีเหตุโกรธเคือง) ศาลอุทธรณ์เห็นว่ายังมีข้อสงสัย (รถกระบะแซงมอเตอร์ไซค์กินเลนไปทางขวา ชนจักรยานสวนมา ก็ควรจะมีรอยชนทางขวาไม่ใช่หรือ ทำไมรถครูมีรอยครูดทางซ้าย ป้ายทะเบียนก็ไม่บุบ) แต่ศาลฎีกาเป็นที่สุด ครูจึงติดคุก จะรื้อคดีได้ไหม ก็มีเงื่อนไขทางกฎหมายอีกเยอะ

แต่นั่นละครับ ท่านผู้ชม ในทางสังคมก็มีความเห็นหลากหลาย ทำให้ตำรวจก้นร้อนเพราะพักนี้โดนเยอะเหลือเกิน จึงตั้งทีมหาหลักฐานมายืนยันว่าครูเป็นแกะ แถมแฉขบวน การดิสเครดิต ทำท่าจะบานปลายเป็นเรื่องระหว่างหลายองค์กร โดยครูอยู่ตรงกลาง

ไม่เป็นไร สังคมก็ต้องฟังให้รอบข้าง เพียงแต่ระหว่างนี้ปัญหาภาพลักษณ์ประดังก็ทำให้มีกระแส “ปฏิรูปตำรวจเสียที” โดยคนส่วนใหญ่เห็นด้วยเสียด้วยสิ

อ๊ะอ๊ะ “ปฏิรูปตำรวจ” นี่มันข้อเรียกร้องของ กปปส.ไม่ใช่หรือ ยังจำได้ไหม ม็อบปิดเมืองขัดขวางเลือกตั้งไม่พอใจผู้รักษากฎหมาย จนไปปลดป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แล้วเหิม เกริมขนาดพ่นสีด่าทอหยามหยัน ซ้ำเมื่อตำรวจเข้าเคลียร์พื้นที่ผ่านฟ้าฯ ก็ถูกขว้างระเบิดใส่ จนเกิดวีรกรรม “ตำรวจเตะระเบิด” (แต่อีกฝ่ายกลับหาว่าตำรวจขว้างระเบิดเอง)

ใช่สิครับ ไม่มีใครลืมหรอกว่าตำรวจถูกกระทำอย่างเจ็บช้ำ (ซ้ำคนผิดยังลอยนวล) แต่ความเห็นว่าควรปฏิรูปตำรวจก็ไม่ใช่เพียงเห็นตำรวจเป็นผู้ร้าย เป็นทาสรับใช้นักการเมือง แบบที่ม็อบปิดเมืองเหมารวมหมด เพราะตำรวจดีๆ มีเยอะไป ตำรวจที่น่าเห็นใจก็ไม่ใช่น้อย หากแต่เราควรปฏิรูปตำรวจ ทั้งเพื่อความเป็นธรรมกับประชาชน และกับตำรวจเองอีกต่างหาก

ทัศนะประชาธิปไตยต่างกับอีกฝ่าย ตรงที่ไม่ได้ตีปี๊บแค่ปฏิรูปตำรวจ แต่เห็นว่าปฏิรูปทั้งกระบวนการยุติธรรม ให้สามารถใช้ดุลพินิจอย่างอิสระ ไม่ใช่วินิจฉัยสำนวนตามคำสั่งบังคับบัญชา แต่ขณะเดียวกันก็ต้องตรวจสอบได้ และยึดโยงประชาชน

ไม่ใช่อะไรๆ ก็อิสระ จนไม่รู้ยึดโยงกับใคร เหมือนรัฐธรรมนูญ 2550 แยกอัยการเป็นอิสระ ทั้งที่เป็นอำนาจบริหาร แต่อิสระจากรัฐบาลซึ่งต้องรับผิดชอบความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินประชาชน

การปฏิรูปตำรวจยังต้องเกิดในระบอบประชาธิปไตย ข้อนี้ กปปส.ก็เห็น 3 ปีผ่านไป คสช.ปฏิรูปตำรวจไหม เห็นแต่ออกประกาศ คสช. ม.44 เพิ่มอำนาจให้ ผบ.ตร. ไม่เกิดการกระจาย อำนาจอย่างที่เรียกร้องกัน อย่างที่สังศิต พิริยะรังสรรค์ พร่ำพูดให้เป็นตำรวจจังหวัด ไม่ใช่ย้ายจากเชียงใหม่ไปนราธิวาสได้ในวันเดียว

ก็ไม่ต่างกับที่ กปปส.เคยเรียกร้องเลือกตั้งผู้ว่าฯ (ยังจำได้ไหม) ตอนนี้กลายเป็นจะยุบ อปท. ก็คุณเรียกหาระบอบคนดีรวมศูนย์อำนาจรัฐราชการมาเอง

3 ปีผ่านไป ตำรวจอยู่ใต้วงจรเดิม ขั้วอำนาจไหนมาก็โยกย้าย ซ้ำร้ายภายใต้บรรยากาศที่ไม่มีประชาธิปไตย รัฐราชการเป็นใหญ่ ประชาชนไม่มีปากเสียง ตำรวจยิ่งใช้อำนาจได้มากขึ้น ตั้งแต่คดีการเมือง เรื่องเรียกร้องประชาธิปไตย คดีใหญ่ๆ อย่างใครเอ่ย อุ้มนายทุนเงินกู้ ไปจนคดีเล็กๆ เรื่องชาวบ้าน ตั้งด่านตรวจ ใครโพสต์ด่าตำรวจโดนข้อหาหนักอีกต่างหาก

นั่นละครับ สังคมจึงเกิดฉันทามติ ถึงเวลาปฏิรูปตำรวจเสียที เพียงแต่ไม่รู้ท่านผู้นำจะยินดีหรือเปล่า

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน