ภูมิใจไทย ชูนโยบาย กรุงเทพสบาย สู้เลือกตั้ง ชี้ตัดโลโก้พรรคทำคนสับสน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภูมิใจไทย พร้อมด้วย พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ โฆษกพรรค นายจุลภาส เครือโสภณ คณะทำงานด้านยุทธศาสตร์พรรค และน.ส.ศุภมาส อิศรภักดี กรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งเขตกทม. ได้นำเสนอแนวคิดแก้ปัญหาให้กับกทม. โดยใช้สโลแกน “กรุงเทพ สะดวก สบาย” โดยมี ผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.เขตกรุงเทพฯ 30 เขต และอดีตส.ส.เขตปริมณฑล เข้าร่วมอย่างพร้อมเพียง

นายอนุทิน กล่าวว่า ปัจจุบันกทม.มีปัญหาใหญ่คือ การจราจรติดขัด ส่งผลต่อมลพิษ ปัญหาค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ปัญหาสุขภาพร่างกายจิตใจ โดยส่งผลต่อคุณภาพชีวิต

ดังนั้น พรรคภูมิใจไทย จึงจะมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาการจราจร ด้วยเทคโนโลยี คือ ให้ประชาชน เรียกรถผ่านแอพพลิเคชั่น อย่างถูกกฎหมายทุกคัน เป็นการเพิ่มทางเลือก สร้างงาน สร้างรายได้ ลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล ลดปริมาณการจราจร ลดการใช้พลังงาน และลดมลพิษ

นอกจากนั้น มีแนวคิด Home Office อยู่บ้านก็ทำงานได้ โดยจะเป็นการลดค่าใช้จ่าย ลดปัญหาการจราจร ลดการใช้พลังงาน ลดมลพิษ อย่างละ 25 % และหน่วยงานรัฐทำงานที่บ้านสัปดาห์ละ 1 วัน จากบุคลากรที่ทำงานในลักษณะที่เหมาะสม และสามารถใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาสนับสนุน ส่วนภาคเอกชน จะใช้มาตรการทางภาษี แก่บริษัทเอกชน ที่เข้าร่วมโครงการ

ทั้งนี้ พรรคภูมิใจไทยมีแนวคิดดำเนินการ Digital Home School อยู่บ้านก็เรียนได้ เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง โดยจะสนับสนุนการศึกษาผ่านออนไลน์ ตามโครงการ Thailand Sharing University เรียนฟรีตลอดชีวิต

พร้อมกันนี้ พรรคจะเสนอแนวนโยบาย Co-Working Space 1 แขวง 1 ออฟฟิต เพื่อลดการใช้พื้นที่สำนักงาน ด้วยการจัดสร้างสำนักงาน สำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระใช้ประโยชน์ร่วมกัน สนับสนุนให้เอกชน จัดสร้างสำนักงาน Co-Working Space บนที่ดินรัฐ

” พรรคภูมิใจไทยยังไม่เคยปักหลักใน กทม. แต่ครั้งนี้ ตั้งใจจะปักหลักใน กทม. จึงขอเป็นทางเลือกใหม่ เลือกผู้สมัครมีคุณภาพที่สุด ยอมรับว่า การเข้าสู่สนาม กทม. เป็นสิ่งที่ยากลำบาก ซึ่งเคยถอดใจหลายครั้ง แต่ไม่ท้อถอย จึงคิดนโยบายเหล่านี้มา เพื่อช่วยแก้ปัญหาสำคัญของชาว กทม. คือ เรื่องปัญหาการจราจร พร้อมต้องทำให้ทรัพย์สินของเรา อาทิ บ้าน คอนโด รถ ให้เกิดประโยชน์ด้วยข้อกฎหมาย เพราะจะเป็นอีกทางในการช่วยลดปัญหาปากท้องได้” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าว

นายอนุทิน ยังกล่าวถึงการตัดโลโก้พรรคการเมืองบนบัตรเลือกตั้งออก ว่าอาจทำให้เกิดความสับสน และเห็นว่าควรปฎิบัติตามสิ่งที่เคยดำเนินการมา ไม่เช่นนั้นอาจถูกครหาว่าเป็นเรื่องของการเอารัดเอาเปรียบ ซึ่งไม่เป็นผลดี พร้อมเห็นด้วยกับข้อเสนอแก้ไขมาตรา 48 ให้ทุกเขตใช้เบอร์เดียวกัน เพื่อง่าย และประหยัดค่าใช้จ่าย

ตลอดจนเพื่อความสะดวกของประชาชน แต่ส่วนตัวยังเชื่อมั่นวิจารณญาณของประชาชน และไม่อยากให้มองว่าการที่ผู้ใหญ่ในประเทศลงมาแข่งขันจะเป็นปัญหา เพราะสมัยก่อนการเลือกตั้งก็ต้องต่อสู้กับพรรคของนายกรัฐมนตรี โดยไม่มีอะไรแตกต่าง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน