เช็กความพร้อม‘ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ’

….สัมภาษณ์พิเศษ….

หมายเหตุ : สัมภาษณ์พิเศษ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ถึงสภาพการณ์ทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะนโยบายสร้างความนิยมของรัฐบาลผ่านการแจกเงิน ตลอดจนแง่มุมทางการเมือง ความพร้อมต่อช่วงหาเสียงการเลือกตั้งต้นปี 2562 ทั้งการระดมทุนและสร้างมิติใหม่ทางการเมือง ด้วยการส่งคนธรรมดาหน้าใหม่ลงชิงชัยส.ส. รวมถึงอุปสรรคจากข้อห้ามและคดีความ

  • เดินหน้าสู่ถนนทางการเมืองกว่า 10 เดือน แล้วชินกับบทบาทใหม่หรือยัง

ยังไม่ค่อยชิน ยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ ตอนที่ผมมาทำงานธุรกิจ ผมใช้เวลาหลายปีในการหาทีมงานที่ลงตัว หารูปแบบการจัดผังองค์กรที่ลงตัว ผมใช้เวลาสร้างตรงนี้ 10 ปีกว่าจะตกผลึกถึงวิธีการบริหารว่าสูตรอะไรดีที่สุด ลองผิดลองถูกกว่าจะได้ทีมที่ดี การบริหารที่ดี ผังองค์กรที่ดี ที่ทำให้องค์กรทะยานไปข้างหน้าได้

ตอนนี้ถ้านับตั้งแต่ผมลาออกมาจากไทยซัมมิท กลางเดือนพ.ค. ก็ยังหาไม่เจอ คงต้องให้เวลากับมันอีกนิด แต่ก็แทบไม่มีการปรับตัวเยอะ เพราะเราเป็นเรา อยู่ที่พรรคการเมือง สิ่งที่เปลี่ยนไปเยอะที่สุดคือ การฟังความเห็นของคนอื่นในที่ประชุม จึงต้องให้เวลาแลกเปลี่ยนถกเถียงกันมากขึ้นก่อนตัดสินใจ

  • มองปัญหาภายในพรรคเล็กน้อยที่เกิดขึ้นอย่างไร

เป็นเรื่องปกติธรรมดาขององค์กร ในฐานะต้องบริหารองค์กร ต้องดูภาพรวมตลอดเวลา ปัญหาเจอจุดนี้ก็ต้องแก้ แต่ถามว่าใหญ่โตหรือไม่ ตั้งแต่วันที่ 27 พ.ค.จนถึงวันนี้ เราตั้งคณะกรรมการ มีสำนักงาน ทำงานได้ 77 จังหวัดแล้ว เราสร้างสิ่งนี้ภายใน 5 เดือน เฉลี่ย 3 วัน 1 สำนักงาน

ในประวัติศาสตร์ผมยังไม่เห็นพรรคไหน ตั้งสำนักงาน 77 จังหวัดได้ภายใน 5 เดือน มีอาสาสมัครที่อาสาเข้ามาบริหารด้วยจิตใจที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงเหมือน กัน จากทีมนโยบายที่มี 4 คน 3 คนเป็นเด็กอายุไม่ถึง 26 ปีเพิ่งจบ แต่นักวิชาการระดับประเทศไม่ต่ำกว่า 50 คนมาช่วยเราทำนโยบายฟรี มาด้วยจิตใจอาสา มาด้วยศรัทธาที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงด้วยกัน

การส่งผู้สมัคร 350 เขตเลือกตั้งทั่วประเทศ อาจมีไม่ถึง 5 พรรค แต่มีพรรคเราเป็นพรรคเดียวที่มีคนเดินเข้ามาสมัครส.ส.เอง ไม่ได้ซื้อเขามา ไม่ได้มาเพราะเงิน และไม่มีเงินหาเสียงให้ด้วย ต่างจากพรรคอื่นมีเงินหาเสียงให้ด้วยหลายล้านบาท

จึงไม่แปลกเลย ถ้าวันหนึ่งจะมีคนออก 2 คน แล้วเดินเข้าอีก 10 คน การบริหารองค์กรใหญ่ขนาดนี้ โตเร็วขนาดนี้ โดยที่คนไม่ใช่ลูกจ้างแล้วบริหารโดยไม่มีปัญหาได้ก็มาลองทำดู ไม่มีทางทำได้ ดังนั้น ผมว่าเรื่องปกติมาก มันมีคนพยายามจะดิสเครดิตพรรคเรา จ้องไว้อยู่แล้ว เอาพวกนี้ไปเล่น แต่เราขอบอกว่าไม่เป็นไร

เลือกตั้งครั้งนี้ เป็นเพียงสมรภูมิหนึ่งเท่านั้น เรามองระยะยาว ไม่ได้ตั้งพรรคมาเพื่อทะเลาะกับใคร แต่ตั้งพรรคมาเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศ ให้เวลาพิสูจน์พวกเรา ผมไม่ได้ซีเรียสกับอะไรที่มันเกิดขึ้น เราจะยืนยันแบบนั้น ถ้าไม่ใช่เรื่องอะไรที่มันเสียหายจริงๆ ผมจะไม่ตอบโต้ จะให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์มากกว่า

  • มองการสร้างความนิยมของรัฐบาล คสช. ผ่านการแจกเงินบัตรคนจน อ้างเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้การใช้จ่ายอย่างไร

ไม่ใช่การใช้จ่าย เพราะมีการบอกเสร็จสรรพว่าใช้อะไรได้บ้าง ไอเดียของธงฟ้าประชารัฐ เป็นการเอาเงินไปจากกรุงเทพฯให้ประชาชนเดินไปยังร้านธงฟ้า เพื่อซื้อของ เงินก็หมุนเข้ากรุงเทพฯ กลับไปในกระเป๋าของกลุ่มทุนใหญ่ ดังนั้น ไม่ว่าจะโครงการอะไร วัตถุประสงค์ไม่ใช่การกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่คือการซื้อเสียง จึงไม่ส่งผลกับเศรษฐกิจในระยะยาว

ขณะนี้ทุกอย่างถูกขนไปเพื่อระดมกำลังเพื่อ ชนะการเลือกตั้ง ทั้งนายกฯ รองนายกฯทุกคน มีเป้าหมายเดียวคือการเลือกตั้ง ทั้งเวลา ทั้งทรัพยากร ไม่ได้ถูกใช้ถูกคิดไปเพื่อวางรากฐานของประเทศ หรือเพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศไทย ดังนั้น งบช่วยชาติ หรืองบที่ออกมาในช่วงนี้ นอกจากมีปัญหาแล้ว ยังแสดงให้เห็นว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าเดิมพันมันสูงมาก เขาต้องการกลับมา จะด้วยวิธีอะไรก็ได้

  • ความพร้อมของพรรคที่ตั้งเป้าระดมทุนไว้ 350 ล้านบาท คืบหน้าแค่ไหนแล้ว

นี่เป็นเรื่องที่เราภูมิใจ เราเริ่มระดมทุนตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. รวมกว่า 70 วัน ระดมทุนได้ 47 ล้าน หมายความว่าทุกวันที่เราเดิน ระดมทุนได้วันละ 6 แสนบาท มันวิเศษมาก คนอยากจะสนับสนุนเรา อยากเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางของเรา

  • งบที่มีอาจจะไม่เพียงพอต่อการหาเสียงเลือกตั้งหรือไม่

ใช่ เพราะ 47 ล้านบาท ในเดือนพ.ย. เราใช้ไปประมาณ 20 ล้านบาทแล้ว เดือนธ.ค.ก็น่าจะใช้ 20 กว่าล้านบาท แล้วเดือนม.ค.-ก.พ. น่าจะเดือนละ 100 ล้านบาท บวกลบนิดหน่อย แต่ไม่ต้องห่วง เราเป็นพรรคแรกในประเทศไทยที่เปิดเผยเรื่องนี้กับสาธารณะ นี่คือมิติใหม่การเมืองไทย

ถ้าผมทำได้ ก็ต้องถามพรรคอื่นแล้วใช้เท่าไร ผมว่าน่าสนใจมาก อยากให้ถึงต้นเดือนม.ค.2562 มาก เพราะเราปิดงบไตรมาสแรกของพรรค ซึ่งก็คือไตรมาสที่ 4 ของปี 2561 เราจะเปิดเผยต่อสาธารณะทุกไตรมาสในเรื่องผลการดำเนินการทางการเงินของพรรค ทุกคนจะเห็นว่าเราใช้จ่ายเงินอย่างไร ไปเพื่ออะไรบ้าง

  • แต่การระดมทุนทางออนไลน์ยังคงถูกกกต.ห้ามเหมือนเดิม

ใช่ เขาไม่ให้เราค้าขายออนไลน์ ก็ไม่มีสิทธิ์ทำอะไร ทุกวันนี้ผมนึกว่าผมเป็นราชการ กฎหมายมันยิบย่อยไปหมด พรรคการเมืองไม่ใช่หน่วยงานราชการ มาควบคุมพรรคอย่างนี้ไม่ได้ แทบจะไม่มีอิสระในการทำอะไรเลย ต้องทำตามที่กกต.บอกทุกอย่าง ทำตามที่กฎหมายเขียนทุกอย่าง

ไม่มีพรรคการเมืองประเทศไหนเขาทำแบบนี้ เขียนจนทำงานลำบาก แต่ไม่ว่ากฎกติกาจะเป็นอย่างไร เราพร้อมเล่นในกติกา

  • คดีพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ไปถึงไหนแล้ว

ตอนนี้อยู่ในชั้นศาล เราเพิ่งส่งคำชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร ก็รอดำเนินการตามที่ศาลสั่ง เรื่องนี้เป็นคดีการเมืองมากกว่าเป็นคดีความผิดทางกฎหมายอาญา ผมเข้าใจว่าคสช.สั่งฟ้องพวกเรา เพื่อให้มีชนักติดหลังไว้ ถ้าวันใดต้องใช้ขึ้นมา กดปุ่มปุ๊บ เอาพวกผมเข้าคุกได้ทันที หรือจะในเชิงขู่ให้พวกเรากลัว หยุดวิจารณ์คสช.มากกว่า ไม่ได้เกี่ยวกับตัวบทกฎหมาย

  • การเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใช้สิทธิครั้งแรกกว่า 7 ล้านเสียง คืบหน้าแค่ไหน

เราเจาะเรื่อยๆ มีแกนนำ มีสมาชิกรวมถึงตัวผม เข้าไปพูดคุยในมหาวิทยาลัย ประมาณ 20-30 แห่งแล้วและยังไปพูดคุยอย่างต่อเนื่อง ต้องบอกว่ากลุ่มคนทั่วไปหรือกลุ่มนักศึกษาที่สนใจการเมือง รู้จักเราหมดแล้ว และตัดสินใจไปหมดแล้ว

ส่วนคนที่ไม่สนใจการเมือง จะเริ่มสนใจอีกครั้งก็เดือนสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งจากโพลของเราพบว่า อีก 50 เปอร์เซ็นต์ ยังไม่ตัดสินใจ การจะเข้าถึงกลุ่มคนเหล่านี้ ก็ต้องขายนโยบายที่เรานำเสนอ คนบางกลุ่มเราต้องเสนอนโยบายประชาธิปไตย คนอีกกลุ่มต้องขายด้วยนโยบายอื่น

  • นโยบายแก้ไขรัฐธรรมนูญ หลายคนตอบรับรวมถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯด้วย

ยินดี เราอยากเห็นทุกคนพูดเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ เพราะเอาเข้าจริงๆ นอกจากนายมีชัย ฤชุพันธุ์ แล้ว ผมไม่รู้ว่ามีใครอยากรักษารัฐธรรมนูญฉบับนี้ อยากให้ทุกพรรคออกมาพูดให้เป็นปกติ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ช้าหรือเร็วก็ต้องแก้ มันอยู่ไม่ได้ เนื้อหามันแย่มาก ไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่ได้เขียนโดยประชาชน เพื่อประชาชน ชัดเจนว่าเขียนขึ้นมาเพื่อสืบทอดอำนาจ คสช.

คำถามคือ เอาหรือเปล่า ถ้าไม่เอาก็ต้องแก้ นี่เป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับสังคมไทย แต่ทุกคนไม่กล้าพูดความจริงกัน เพราะอยากเข้าไปมีอำนาจบ้าง อายุขนาดนี้แล้วขอเป็นนายกฯอีกสมัยแล้วกัน เพราะคิดกันแบบนี้ ตอนนี้มันหมดเวลาแล้ว

  • อนาคตใหม่ยังยืนยันนโยบายการแก้รัฐธรรมนูญ แม้หลายฝ่ายประเมินว่าทำได้ยากมาก

ยากแน่ แต่นโยบายทุกตัวเราออกแบบมาให้ร้อยรัดรวมกันแล้วพลิกประเทศ ผมคิดว่านั่นคือสิ่งที่สังคมไทยต้องการ ไม่ได้ต้องการนโยบายตัวนี้แก้ปัญหาที่นี่ นโยบายตัวนึงแก้ปัญหาอีกจุดนึง มันไม่พอแล้ว สังคมไทยรากมันลึกเกินไป ดังนั้น ปัญหาที่ลึกขนาดนี้ จำเป็นต้องมีกระบวนการจัดการถึงรากถึงโคน

ปัญหาคือพรรคอื่นไม่กล้าพูดว่า มันมีโครงสร้างหนึ่งกดทับสังคมไทยอยู่ ซึ่งโครงสร้างนี้ ได้แก่ ทุนผูกขาด ระบบราชการที่มันเก่าคร่ำครึ กดทับศักยภาพของประชาชนไว้ ได้แก่ ขุนทหาร ที่กุมอำนาจและพร้อมใช้มันถ้าเกิดว่าประชาธิปไตยก้าวหน้าไป โครงสร้างแบบนี้ไม่มีใครพูด

ดังนั้น ถ้าไม่แตะต้องโครงการแบบนี้ ไปแก้ทีละปัญหา ประเทศไทยแก้ปัญหาไม่ได้ เราต้องมองในเชิงโครงสร้าง มองมันกว้างกว่า

  • กลยุทธ์ผลักดันคนหน้าใหม่ลงส.ส. จะต่อกรกับนักการเมืองหน้าเก่าอย่างไร

เอาความคิด เอาพรรค เอาอุดมการณ์ที่ถูกต้อง ถ้าคนเก่าทำให้สังคมไทยมันเฮงซวยมาถึงขนาดนี้ ยังจะไว้ใจคนพวกนี้ให้เข้ามาเป็นตัวแทนอีกหรือ แล้วรู้สึกว่าสังคมเรามันดีไหม ผมไม่รู้สึกว่ามันดี ถ้าผมรู้สึกว่ามันดี ผมคงไม่มาทำงานการเมือง ผมรู้สึกว่าเราทนไม่ไหวแล้ว

สิ่งที่เราเห็นคือคนพวกนี้ไม่ใช่หรือ พอจะนึกหน้าการเมืองคนสุดท้ายออกหรือไม่ คนที่มีอำนาจบทบาททางการเมืองจริงๆ คนสุดท้ายที่ผมนึกออกคือ นายทักษิณ ชินวัตร ไม่มีนักการเมืองหน้าใหม่เลยในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา อย่างน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั้นไม่นับ แต่อยู่ในกลุ่มก้อนเดียวกัน ที่หมายความถึงพลังใหม่ๆ ความคิดใหม่ๆ ที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมนั้น ไม่มีเลย

ถามว่า ทำไมเราไม่มีนักการเมืองเก่าๆ จะไปสู้เขาได้เหรอ จะเอานักการเมืองเก่าๆ ที่ทำให้ประเทศไทยมันเละเทะขนาดนี้ ขอโทษ ผมไม่เอา เราจะสร้างใหม่ เริ่มใหม่ อยากได้วัฒนธรรมทางการเมืองแบบใหม่ อยากได้พรรคที่ไม่มีระบบอุปถัมภ์ ร้อยรัดกันด้วยอุดมการณ์ ต้องสร้างใหม่ เริ่มจากการเซ็ตซีโร่ ก่ออิฐทีละก้อน

ดังนั้น ผมภูมิใจมาก ที่สำคัญ 350 คนของผม คือคนที่เราไม่ได้จ่ายเงินสักบาทเพื่อซื้อใครมา ทุกคนเป็นคนธรรมดา ทิ้งชีวิตตัวเอง เดินเข้ามาสมัครเอง เมื่อเห็นอุดมการณ์ของพรรค ผมคิดว่า นี่คือความแจ๋วของพรรค

  • กระแสตอบรับจากการลงพื้นที่ดี หรือไม่

ดีมากจริงๆ ไม่ว่าจะกรุงเทพฯหรือต่างจังหวัด ซึ่งผลโพลของพรรคก็บอกไว้ชัดเจนว่าคน 19 เปอร์เซ็นต์ พูดไว้ชัดว่าจะไม่เลือกคนเก่า จะไม่เลือก ส.ส.คนเดิม ดังนั้น ต้องบอกว่าเรามีความหวังและสัมผัสได้ถึงความต้องการที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลง ในประเทศไทย ทุกคนต้องการหลุดออกจากวงจรความขัดแย้งครั้งนี้ เราสัมผัสมันได้

  • สมมติว่าได้เป็นนายกฯ จะเป็นคนแบบไหน

ก็เป็นคนแบบที่ผมเป็น คือเป็นคนที่พลิกประเทศไทย เปลี่ยนประเทศไทย นำประชาธิปไตยกลับคืนมาให้สังคมไทย หยุดยั้งการทำรัฐประหาร ไม่ให้มีขึ้นอีกในอนาคต ส่งผ่านสังคมที่ดีกว่านี้ให้กับคนรุ่นต่อไป

…อ่านข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้ที่…

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน