เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 30 ม.ค. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปรับโครงสร้างคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติและการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ปยป.) ว่า

นายกฯคงพิจารณาดูจากภาพรวมว่าใครเหมาะสมกับงานส่วนไหน แต่งานทั้งหมดยังคงเดินหน้าปกติตามเดิม สำหรับเรื่องการสร้างความปรองดองนั้น ขณะนี้ยังไม่มีอะไร ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาจจะมีการต่อรองกับทางนักการเมือง ตนก็เพิ่งเห็นข่าวในหนังสือพิมพ์บางฉบับ ที่เขียนในลักษณะว่าผู้มีอำนาจในรัฐบาลไปพูดคุยประสานงานติดต่อกับพรรคการเมืองให้เกิดความปรองดอง และเกิดรัฐบาลแห่งชาตินั้น ตนในฐานะทำงานด้านการสร้างความปรองดองยืนยันว่าไม่มีแน่นอน และใครจะไปทำอย่างนั้น อีกทั้งตนยังไม่ทราบว่าจะไปเจอกับใครและที่ไหนอย่างไร รวมถึงไม่รู้จะไปเจอเพราะอะไร ไม่ว่าใครทั้งนั้น ตนไม่เคยเจอ ดังนั้น มาพูดอย่างนี้ทำให้เกิดความเสียหายต่อรัฐบาลและในภาพรวม

“อย่ามาเพ้อเจ้อ เพราะมันเลยคำว่ามโนไปแล้ว นำไปเขียนแล้วไม่รับผิดชอบ คนที่ทำเรื่องปรองดองมาได้ฟังแบบนี้เขาก็จะเสียใจ เพราะเขาตั้งใจทำทุกอย่าง คนที่อ่านแล้วเชื่อก็มีเยอะ ผมไม่ได้โกรธหรือเกลียดอะไร แต่มันเป็นไปไม่ได้ ถ้ารัฐบาลจะให้ใครไปดีลกับพรรคการเมือง จะไปดีลอย่างไรผมมองไม่ออก เพราะไม่รู้ว่าแต่ละคนจะแสดงความคิดเห็นและเสนอแนะอย่างไร เขียนกันไปเรื่อยจนทำให้เกิดความเสียหายในภาพรวมของประเทศ เพราะไปเขียนในทางที่ไม่ดีว่าคสช.ไปคุม ไม่ให้มีอิสระ มันไม่ใช่แบบนั้น รัฐบาลนี้ตั้งใจทำให้เกิดความปรองดอง และมีอิสระในการแสดงความเห็นของทุกภาคส่วน เพราะเรื่องในอนาคตก็ไม่มีใครรู้ว่าจะมีความปรองดองได้หรือไม่ แต่หากมีกติกาที่ชัดเจน ทุกฝ่ายมาร่วมกันก็อาจจะมีแนวทางที่เกิดขึ้นต่อไปในอนาคต เราไม่มั่นใจว่าตลอด 3 เดือนการพูดคุยนั้นจะเป็นอย่างไร เพราะทุกคนตอบรับว่าจะมา ผมขอท้าคนที่เห็นผมไปพูดคุยหรือดีลกับพรรคการเมืองใดๆ ขอให้ออกมาพูด คนที่เข้ามาเป็นคณะกรรมการสร้างความสามัคคีปรองดองเป็นผู้ที่มีความรู้และความสามารถ” พล.อ.ประวิตร กล่าว

เมื่อถามว่า อาจจะมีเพื่อนร่วมรุ่นหรือมีคนไปอ้างชื่อพล.อ.ประวิตร พูดคุยกับพรรคการเมืองหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มีแน่นอน เพราะตนไม่เคยใช้ใคร แล้วจะมีปัญญาอะไรไปประสานงานกับเขาได้ทุกคน ถ้าไปคุยแล้วจะไปตกลงอย่างไรก็ยังไม่มีใครรู้ และไม่ได้ตกลงอะไรให้คสช. เพราะไม่เกี่ยวกัน การทำแบบนี้เป็นการบั่นทอนกำลังใจกัน ถือว่าเป็นการดิสเครดิตลดความน่าเชื่อถือของสื่อด้วยกันเอง บางคนก็เขียนดีและเขียนเป็นกลาง แต่มาเจออย่างนี้ทำให้ลดความน่าเชื่อถือจากประชาชนไปมาก ใครเขียนข่าวมาอย่างนี้ต้องรับผิดชอบด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน