“เจ๊เบียบ” แจ้ง ปอท.เอาผิด 2 ผู้ใช้เฟซบุ๊ก โพสต์ข้อความหมิ่นตัวเอง-ลูกชาย โยงไทยรักษาชาติ กล่าวหา “พรรคชายกระโปรง” ลั่นเหยียดเพศรับไม่ได้

เจ๊เบียบ ปอท. – จากกรณีนางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น หลังผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “เสาวนิต การสุทธิ์” โพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา อ้างถึงรายการโทรทัศน์ที่ รศ.สุขุม นวลสกุล กล่าวตอนหนึ่งในรายการว่า ได้พูดคุยกับนางระเบียบรัตน์ ระบุว่าไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในนามพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) โดยมีการพูดด้วยถ้อยคำเชิงหมิ่นประมาทกับครอบครัวพงษ์พานิชนั้น

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 14 ก.พ. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) นางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.นิติพัฒน์ วุฒิบุณยสิทธิ์ ผกก.(สอบสวน) บก.ปอท. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ 2 ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่โพสต์ข้อความหมิ่นประมาทโดยพาดพิงถึงตนเอง และร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) บุตรชาย สร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของพรรคและครอบครัว

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แอดไลน์ @ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

นางระเบียบรัตน์ กล่าวว่า ภายหลังได้รับแจ้งจากนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช สามีว่าพบโพสต์จากผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ เสาวนิต การสุทธิ์ และ Paul PK โพสต์ข้อความในทำนองตำหนิตนเองที่เอาแต่ต่อว่าผู้อื่น แต่เมื่อเป็นลูกชายตนกระทำไม่เหมาะสม กลับไม่อบรมสั่งสอน ทั้งยังกล่าวหาพาดพิงพรรคไทยรักษาชาติ เป็นพรรคชายกระโปรง เป็นการเหยียดหยามทางเพศซึ่งตนเองรับไม่ได้ ขณะที่โพสต์ของผู้ใช้ที่ชื่อ เสาวนิต กล่างอ้างถึง รศ.สุขุม ซึ่งหลังเกิดเหตุ ตนยังไม่ได้พูดคุยกันกับรศ.สุขุม ถึงกรณีดังกล่าว แต่ถ้าหากมีอะไรคงต้องพูดคุยกันก่อนแล้ว เพราะอาจารย์เป็นรุ่นพี่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

เมื่อถามว่า หากในวันนี้ศาลรัฐธรรมวินิจฉัยยุบพรรค และตัดสิทธิการเมือง ร.ท.ปรีชาพล จะดำเนินการอย่างไรต่อ นางระเบียบรัตน์ กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า

“ทุกอย่างมีลิขิตมาแล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ครอบครัวดิฉันพร้อมยอมรับ แต่ทั้งนี้อยากขอความเมตตา เพราะเชื่อว่าลูกชายนั้นมีความรู้ความสามารถที่จะมุ่งมั่นตั้งใจทำงานเพื่อบ้านเมือง ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนก็พร้อมทำงานเพื่อประเทศชาติ ดิฉันมีความภูมิใจในตัวลูกชายอย่างมาก”

พ.ต.อ.นิติพัฒน์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นประมาทตามกฎหมายอาญา และหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เนื่องจากมีการเผยแพร่บนเฟซบุ๊ก ส่วนความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯนั้น ยังต้องตรวจสอบพยานหลักฐานที่ผู้เสียหายนำมาร้องเรียน พร้อมขยายผลเพิ่มเติมต่อไป

“จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กทั้งสองรายได้ลบโพสต์ดังกล่าวทิ้งไปแล้ว ส่วนความผิดตามกฎหมายจะเข้าข่ายการกระทำฐานหมิ่นประมาท และหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เนื่องจากมีการเผยแพร่บนเฟซบุ๊ก ส่วนความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ นั้น ยังต้องตรวจสอบพยานหลักฐานที่ผู้เสียหายนำมาร้องเรียน พร้อมขยายผลเพิ่มเติมต่อไป” ผกก.บก.ปอท.กล่าว


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน