เมื่อวันที่ 17 ก.พ. นายไพบูลย์ นิติตะวัน ในฐานะอดีตประธานปฏิรูปแนวทางและมาตรการพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวถึงกรณีการตรวจค้นวัดธรรมกายเพื่อหาตัวพระธัมมชโย ว่า ทั้งพระธัมมชโย ลูกศิษย์และพระในวัดธรรมกาย ล้วนแต่เชื่อมั่นว่าหากมีคดีขึ้น การหลบอยู่ที่บริเวณวัดธรรมกายเป็นสถานที่ปลอดภัยที่สุด เพราะมีพื้นที่กว้างถึง 2,000 กว่าไร่ มีกลุ่มอาคารมากมาย พื้นที่หลายล้านตารางเมตร มีห้องเป็นพันๆห้อง เป็นเมืองๆหนึ่ง

เห็นได้จากล่าสุดนายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกวัดธรรมกาย ซึ่งมีคดีโดนออกหมายจับ สังคมคาดว่าหนีออกนอกประเทศหรือหลบอยู่ต่างจังหวัด แต่ปรากฏว่าเมื่อมามอบตัวกับเจ้าที่ในดึกคืนวันที่ 15 ก.พ. ก่อนที่มีจะมีการประกาศใช้ มาตรา 44 ก็พบว่าหลบหนีซ่อนตัวอยู่ในวัดธรรมกาย เช่นเดียวกันกับภิกษุในวัดทุกรูปที่มีคดี ก็ไม่มีผู้ใดหลบหนีออกจากวัดธรรมกาย ดังนั้น พระธัมมชโยในฐานะเป็นผู้สร้างวัดมาด้วยตนเองและมีอายุสูงวัย ไม่มีพาสปอร์ต จึงยิ่งมั่นใจว่า ปัจจุบันยังคงหลบอยู่ในเขตวัดธรรมกายไม่จุดใดก็จุดหนึ่ง ในอาคารที่มีที่หลบซ่อนได้มากมาย

นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า ดังนั้นในการเข้าค้นวัดครั้งสุดท้ายโดยอาศัยอำนาจตามคำสั่ง คสช. มาตรา 44 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ต้องใช้เวลาค้นหาอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะกี่วัน กี่สัปดาห์หรือเป็นเดือน ถ้าค้นหายังไม่เจอก็ต้องวางกำลังค้นหาอยู่ในวัดจนกว่าจะเจอ แต่เป็นห่วงว่าถ้าประกาศไปเร็วว่าค้นจนทั่วแล้วพบว่าพระธัมมชโยไม่อยู่ในวัดธรรมกาย แล้วเจ้าหน้าที่รัฐถอนกำลังออกมาหมด หากต่อมามีคนออกมาเปิดเผยว่า จริงๆแล้วพระธัมมชโยยังแอบซ่อนอยู่ในวัดไม่ได้หลบไปอยู่ที่อื่น ก็จะทำให้การปฎิบัติการครั้งนี้เสียหายและกระทบต่อชื่อเสียงของ คสช.และรัฐบาลด้วย จึงขอให้ระมัดระวังอย่ารีบร้อน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน