เมื่อวันที่ 17 ก.พ. นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีมีผู้ร้องให้สอบจริยธรรม สนช. 7 ราย ที่ไม่มาแสดงตนเพื่อลงมติในการประชุม สนช.เกินจำนวนที่กำหนดว่า ในยุครัฐบาลคสช. ที่มีการจัดทำงบประมาณขาดดุล 4 ปีซ้อน ขาดดุลงบประมาณ 1,642,921.69 ล้านบาท เร่งรีบของบกลางปีอีก 1.9 แสนล้าน ทั้งที่ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2560 วงเงิน 2.73 ล้านล้านบาทถูกใช้ไปเพียงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ

ทุกภาคส่วนอยากเห็นรัฐบาลและเครือข่ายใช้จ่ายงบประมาณโดยคำนึงถึงประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ โดยเฉพาะในสถานการณ์วิกฤติเศรษฐกิจแบบนี้ คนในเครือข่ายแม่น้ำ 5 สายบนเรือแป๊ะต้องเสียสละ ทำงานเพื่อประเทศชาติให้มาก คิดถึงผลประโยชน์ตัวเองแต่น้อย ลำพังอ้างข้อกฎหมายสามารถลาได้ ไม่ผิดนั้นไม่พอ ต้องคำนึงถึงหลักคุณธรรม จริยธรรมประกอบด้วย

องค์กรเพื่อความโปร่งใส (ทีไอ) ได้เผยแพร่รายงานดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นทั่วโลก ประจำปี 2559 ว่า ประเทศไทย ตกจากอันดับที่ 76 มาอยู่ที่อันดับที่ 101 โดยมีคะแนนเพียง 35 จาก 100 คะแนน อยู่ในลำดับที่ 101 จาก 176 ประเทศทั่วโลก ที่ถือว่าตกต่ำลงอย่างมากนั้น กรณีไม่มาแสดงตนเพื่อลงมติในการประชุม สนช.เกินจำนวนที่กำหนด แต่รับค่าตอบแทนเต็มจำนวน ถือเป็นลักษณะพฤติกรรมหนึ่งของการทุจริตหรือไม่ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นปีนี้จะตกต่ำลงไปอีกมาก

โดยเฉพาะ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา น้องชายท่านผู้นำ สังคมจับตาในหลายพฤติกรรมของท่านและครอบครัวมาโดยตลอด ซึ่งท่านผู้นำจะชี้แจงว่าเป็นเรื่องส่วนตัวคงฟังไม่ขึ้น เพราะท่านตั้งน้องชายมารับตำแหน่ง สนช.กินเงินเดือนจากภาษีอากรของประชาชน สังคมแคลงใจ ทำไมท่านผู้นำมีเวลาเตะตะกร้อ เต้นแอโรบิคได้ แต่ทำไมน้องชายไม่มีเวลาแม้แต่จะไปประชุม ซึ่งหากไม่มีเวลาทำงานก็ให้ลาออกและคืนเงินเดือนให้ประชาชน เพื่อเปิดทางให้ผู้ที่มีความพร้อมเข้ามาทำงานแทน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน