“บิ๊กแดง” นำผบ.คุมกำลังปฏิญาณตน กระหึ่ม ทบ. ขอรักษาสถาบันกษัตริย์ ป้องเกียรติ-ศักดิ์ศรีทหาร ลั่นหนุนรัฐบาลที่ยึดระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข / มอบรางวัลเชิดชู เกียรติทหารถูก“เสรีพิศุทธิ์”ตะเพิด / ทบ.แจกคู่มือ7 ข้อสร้างความเข้าใจการทำงาน

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 7 มี.ค. ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นประธานการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (นขต.ทบ.) ครั้งที่ 2/2562 วาระพิเศษ

โดยมีผู้บังคับหน่วยระดับกองพัน ระดับผู้บังคับการกรม ผู้บัญชาการกองพล ผู้บัญชาการกองพลทหารบก พร้อมนายทหารระดับสูงทั่วประเทศกว่า 796 นาย โดยการประชุมได้มีการรวมตัวกันบริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 หน้าหอประชุมกิติขจร ในท่าคุกเข่า โดยพล.อ.อภิรัชต์ ได้นำกล่าวปฏิญาณตนว่า “ข้าพุทธเจ้าจะรักษามรดกของพระองค์เท่าชีวิต” จำนวน 3 ครั้ง

จากนั้นพล.อ. อภิรัชต์ ได้นำกล่าวคำปฏิญาณตนเพื่อแสดงออกถึงการทำหน้าที่ทหารในการรักษากองทัพบก ที่รัชกาลที่ 5 ทรงเป็นผู้ก่อตั้ง ที่บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรี รัชกาลที่ 5 หน้าหอประชุมกิติขจร ว่า

“ข้าพเจ้า จักรักษามรดกของพระองค์ท่าน ไว้ด้วยชีวิต , ข้าพเจ้า จักรักษาไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพ แห่งพระมหากษัตริย์เจ้า เกียรติยศ และศักดิ์ศรีของทหาร , ข้าพเจ้า ในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐ จะสนับสนุนรัฐบาล ที่ยึดมั่น ในการปกครอง ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข มีความจงรักภักดี เคารพกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม และมีการบริหารราชการ อย่างมีธรรมาภิบาล ,ข้าพเจ้า จะดูแลช่วยเหลือ เป็นที่พึ่งของประชาชน ในทุกโอกาส และจะปกครองดูแล ผู้ใต้บังคับบัญชาและครอบครัว ด้วยความเมตตา และเป็นธรรม”

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

จากนั้นได้ถวายบังคม 3 ครั้ง ทั้งนี้ก่อนการประชุม นขต.วาระพิเศษ พล.อ.อภิรัชต์ ได้มอบประกาศนียบัตรให้ พ.ท.ปกิจ ผลฟัก รองหัวหน้ากองยุทธการมณฑลทหารบกที่ 12 ในฐานะผบ.ร้อย.รส.กกล.รส. จ.ปราจีนบุรี

พร้อมกล่าวชื่นชมว่า ที่มีความอดทนอดกลั้น สามารถควบคุมอารมณ์ได้เป็นอย่างดี จากการถูกยั่วยุที่ถูกหมิ่นประมาท ขณะปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งตนเองได้พูดไว้หลายครั้งแล้ว ก่อนจะมีการหาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆ ว่าทหารจะยืนอยู่ตรงไหน เราทำหน้าที่ตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา ให้ดูแลความสงบเรียบร้อย ตนได้พูดล่วงหน้าก่อนหน้านี้ไว้หลายครั้ง ในงานรักษาความสงบ เพียงงานเดียวเท่านั้นที่ทหารเข้าไปมีส่วนร่วมและทหารเข้าไปอยู่กับประชาชน

โอกาสที่ทหารจะสัมผัสกับประชาชนด้วยหน้าที่แล้วน้อยมาก ทหารจะสัมผัสกับประชาชน ก็ต่อเมื่อประชาชนเดือดร้อน มีภัยพิบัติ บ้านเมืองมีศึกสงคราม นั้นคือหน้าที่หลักของทหาร ในห้วงที่บ้านเมืองอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อมีการเปลี่ยนแปลง มีการเลือกตั้ง ทหารต้องทำหน้าที่ของตัวเองด้วยความอดทน อดกลั้นเป็นกลาง ดำเนินทุกอย่างตามระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

“เพราะฉะนั้นการปฏิบัติหน้าที่ของ พ.ท.ปกิจนั้น ถือเป็นตัวอย่างหนึ่ง ก็ขอให้ผู้บังคับบัญชาทุกท่านชี้แจงให้ผู้ใต้บังคับบัญชาฟัง เรามีสมบัติผู้ดี เราถูกฝึกอบรมสั่งสอนมา เราเป็นหนึ่งเดียวกัน อยู่ในเบ้าหลอมเดียวกัน

จากนี้ไปยิ่งต้องมีความระมัดระวัง ที่สำคัญเราต้องรักษาเกียรติความเป็นทหารอาชีพของเราให้ดี เมื่อใดที่เราแตกกัน ไม่รัก ไม่สามัคคีกัน ประเทศชาติอยู่ไม่ได้ และคงจะมีเหตุการณ์ลักษณะนี้อีก ก็ต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกันให้ผ่านพ้นอุปสรรคไปได้ ให้ประชาชนเห็นว่าเราเป็นทหารอาชีพ เรามีความอดทนอดกลั้น “ พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ถือเป็นครั้งแรกที่ผู้บัญชาการบก นำกำลังพลคุมกำลังรบปฏิญาณตน ก่อนการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก วาระพิเศษ ภายหลังกองทัพ ถูกหยิบยกมาโจมตีในช่วงระหว่างการหาเสียงของพรรคการเมือง รวมทั้งการหมิ่นเกียรติทหาร โดยการประชุม นขต.ทบ.ครั้งนี้ยังไม่อนุญาตให้นำโทรศัพท์มือถือเข้าห้องประชุม

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในที่ประชุมได้มีการแจกเอกสาร ข้อมูลเรื่องการสร้างความเข้าใจในภาพรวมเกี่ยวกับการดำเนินงานต่างๆ ของกองทัพบก ให้กับผู้ร่วมประชุม โดยแบ่งเป็น 7 ข้อ ไล่ตั้งแต่ที่มาของการมีกำลังทหาร อำนาจหน้าที่ของกระทรวงกลาโหม และหน้าที่กองทัพบก ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551 การใช้กำลัง การเตรียมกำลัง ซึ่งในส่วนนี้ได้ระบุว่า ถึงแม้ในการเตรียมกำลังนั้น มีความจำเป็นต้องใช้กำลังพลจำนวยมากและเป็นการจัดหน่วยที่มีความสมบูรณ์สูง แต่กองทัพบกยังมีความพยายามในการลดขนาดลงแต่ต้องการพัฒนาความรู้ และเทคโนโลยีเข้ามาแทน หรือใช้คนน้อยลง ในลักษณะคนคุมเครื่องมือและยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย แต่ต้องมีประสิทธิภาพเท่าเดิมหรือดีกว่าเดิม

ในส่วนของงบประมาณ ได้ระบุว่า ในปีงบประมาณปี 2545 เป็นต้นมา กระทรวงกลาโหมได้รับการจัดสรรงบประมาณโดยเฉลี่ยร้อยยะ 1.29 ของ จีดีพี ซึ่งตามหลักสากลทั่วไป กระทรวงกลาโหมควรต้องได้รับการจัดสรรไม่น้อยกว่า 2 %ของจีดีพี ซึ่งตามหลักสากลทั่วไปกระทรวงกลาโหมควรต้องได้รับการจัดสรรไม่น้อยร้อยละ2 ของ จีดีพี อีกทั้งกระทรวงกลาโหมได้รับงบประมาณเพิ่มตามสัดส่วนเฉลี่ยร้อยละ 3 ต่อปี เช่นเดียวกับกระทรวงกลาโหม

นอกจากนั้น ยังมีข้อมูลเรื่องการรับราชการทหารกองประจำการโดยสมัครใจ ( ระบบทหารกองประจำการอาสาสมัคร) ซึ่งกำหนดไว้ในแผนยุทธศาสตร์กองทัพยก ระยะเวลา 20 ปี พ.ศ2560-2579 โดยมีทหารกองประจำการอาสาสมัครได้ ร้อยละ100 โดยปี 2561 ที่ผ่านมากระทรวงกลาโหมมีความต้องการทหารกองประจำการสัดส่วนประมาณ ร้อยละ 20 ของชายไทยที่ต้องเข้ารับการตรวจเลือก ซึ่งมีประมาณ 5 แสนคน อย

ในส่วนสุดท้าย ได้ระบุถึงความจำเป็นที่ประเทศต้องมีทหารว่า ทหารหรือที่เรียกว่ารั้วของชาติ มีบทบาทสำคัญมากมายแก่ชาติไทย ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งประเทศชาติ ในการปกป้องเอกราช และทหารยังทำหน้าที่ในการช่วเยหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน เช่นเมื่อปี 2554 ที่เกิดอุทกภัยใหญ่ของประเทศ ในอนาคตทหารจำเป็นต้องมีส่วนสนับสนุนส่วนราชการอื่นในการช่วยเหลือประชาชนมากขึ้น เนื่องจากทหารมีความพร้อมมากกว่า ทั้งในแง่การจัดองค์กร กำลังพล และยุทโธปกรณ์ ทั้งนี้ทหารทำงานด้วยแรงศรัทธา อุดมการณ์ ไม่ได้จ้างด้วยเงิน เพราะเงินซื้อสิ่งเหล่านี้ไม่ได้


ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน