‘สมคิด’ บ่น “คันหู” หลังพรรคการเมืองอัดเศรษฐกิจแย่! ทำต่างชาติงงไทยมีกี่ประเทศแน่ โว! ตัวเลขดีวันดีคืน ยันจะมีชื่อหรือไม่ในรัฐบาลใหม่ไม่สำคัญ แนะใกล้เลือกตั้ง ขอให้เลือกพรรคที่ดีที่สุด คนที่ดีที่สุด จะได้ไม่ต้องโทษใคร

เมื่อเวลา 10.20 น. วันที่ 15 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กับนายกรัฐมนตรี ถึงข้อห่วงใยการเปิดประมูลพื้นที่ร้านค้าปลอดอากร (ดิวตี้ฟรี) ที่มีข้อครหาผูกขาดเอกชน พร้อมหาแนวทางที่เหมาะสมเป็นการด่วน ว่า เรื่องนี้ได้กำชับกระทรวงคมนาคมไปแล้ว ว่าทุกอย่างต้องโปร่งใส ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้าไปดู โดยเฉพาะคมนาคมได้เข้าไปดูในรายละเอียดแล้ว

นายสมคิด กล่าวต่อว่า รัฐบาลต้องการให้การประมูลโปร่งใสมากที่สุด และเป็นธรรม ตนกำชับไปเรียบร้อยแล้ว ยอมรับว่าเมื่อมีข่าวลักษณะนี้ออกมาทุกฝ่ายก็เป็นห่วง โดยเฉพาะพื้นที่ดิวตี้ฟรี เราจึงต้องย้ำว่าทุกอย่างต้องโปร่งใส และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด มหาชน (ทอท.) ก็ต้องการให้โปร่งใสอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นอย่างไร นายสมคิด กล่าวว่า เชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบอะไร ต่างประเทศรู้จักประเทศไทยดี ว่าการเลือกตั้งของไทยเป็นอย่างไร ซึ่งก็เหมือนกับทุกประเทศ

“อย่าลืมว่าโค้งสุดท้ายก็มีหลายโค้ง อย่างไรมันก็ต้องถึงป้าย ไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ ทุกคนต้องถึงป้าย ช่วงนี้ก็เป็นอย่างนี้ ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนความอ่อนไหวที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบตัวเลขในตลาดหุ้นนั้น เราในฐานะรัฐบาล ก็ต้องดูแลทุกอย่างให้ไปได้ด้วยดี ใครจะหาเสียงอย่างไร มีนโยบายอย่างไร ก็เป็นเรื่องของเขา ถึงวันหนึ่งเมื่อมีรัฐบาลขึ้นมา รัฐบาลนั้นก็ต้องดูแลไม่ต้องไปกังวลอะไรทั้งสิ้น” นายสมคิด กล่าว

นายสมคิด กล่าวว่า ในส่วนของภาคเศรษฐกิจก็ต้องดูแลกันอย่างต่อเนื่อง เป็นหน้าที่ของรัฐบาลใหม่ ไม่ว่าจะได้รัฐบาลเร็วหรือช้า ก็ต้องมีความรับผิดชอบ แต่เป็นเรื่องธรรมดาว่าช่วงนี้มีการต่อสู้แข่งขันกันทางการเมือง นำเสนอว่าใครมีนโยบายที่ดีกว่ากัน แต่ขอร้องว่าบางครั้งอย่าไปประชานิยมกันมากนัก ทุกอย่างต้องมีเหตุและผล ท้ายสุดทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับรัฐบาล ว่าจะมีนโยบายอะไรในการบริหารราชการแผ่นดิน รัฐบาลอาจมาจากพรรคเดียวหรือหลายพรรค แต่ต้องเป็นความร่วมมือของแต่ละพรรคที่มาร่วมรัฐบาล และไม่มีรัฐบาลไหนทำทุกอย่างโดยไม่มีเหตุผล

เกาะติดข่าวการเมืองข่าวเลือกตั้ง แค่กดเป็นเพื่อนกับไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ถามต่อว่า รัฐบาลหน้ายังจะมีชื่อนายสมคิด เป็นหัวหน้าทีมดูแลงานเศรษฐกิจอยู่หรือไม่ เพราะขณะนี้ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีชื่อเป็นเต็งหนึ่งในการจัดตั้งรัฐบาล นายสมคิด กล่าวว่า “จะมีผมหรือไม่มีผมไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่ว่าคนที่จะเข้ามาจะต้องดูแลรับผิดชอบประเทศให้ดีขึ้น การสร้างประเทศให้แข็งแรงไม่ใช่เรื่องง่าย การส่งไม้ต่อกัน คนที่จะมารับไม้ต่อต้องดูแลให้ดี ไม่ต้องสนใจว่าเป็นพรรคไหน แต่เมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลมีหน้าที่ดูแลบ้านเมือง ส่วนนโยบายที่แตกต่างกันระหว่างการหาเสียงในขณะนี้ก็มีมาตั้งแต่โบราณแล้ว แต่ถึงเวลาเป็นรัฐบาลก็ต้องมีจุดร่วม ที่ทุกพรรคจะต้องเห็นตรงกัน”

เมื่อถามว่า การเป็นรัฐบาลผสมจะสร้างความเชื่อมั่นได้ดีกว่ารัฐบาลพรรคเดียวหรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า วันนี้มันช่วยไม่ได้ เมื่อรัฐธรรมนูญเป็นอย่างนี้ออกมาแล้ว ทำให้มีพรรคใหญ่ได้ไม่กี่พรรค ก็ต้องออมชอมพูดจากัน วันนี้อย่าเพิ่งเป็นห่วงมากเกินไป อีกไม่กี่วันจะเลือกตั้งแล้ว ขอให้เลือกพรรคที่ดีที่สุด และคนที่ดีที่สุด หลังจากนั้นไม่ต้องโทษใครเพราะพวกท่านไปเลือกกันเอง วันนี้ขอให้ทำจิตใจให้ผ่องแผ้วมองโลกในทางที่ดี ประเทศไทยมาถึงจุดนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เศรษฐกิจก็ดีวันดีคืน ต่างชาติยอมรับ ว่าไทยมีเศรษฐกิจที่ดีที่สุด

“แต่ที่ผมฟังแล้วคันหู ก็คือหาว่าเศรษฐกิจเสียหายต้องรับเข้ามาฟื้นฟู ผมก็งงเหมือนกัน เพราะเมื่อถามรัฐมนตรีคลังว่าที่รายงานเข้ามารายงานไม่หมดหรืออย่างไร ขอร้องว่าเวลาจะพูดอะไรให้ระมัดระวังด้วย เพราะต่างชาติฟังอยู่เดี๋ยวจะงงว่าตกลงประเทศไทยมีกี่ประเทศกันแน่ ยืนยันเศรษฐกิจของเรายังดีวันดีคืนขอให้ไปดูตัวเลขให้ดีๆ ไปดูว่าฝรั่งมองไทยอย่างไร ผมไม่ได้ว่าอะไรใคร เลือกตั้งก็ว่ากันไป แต่ช่วงนี้กำลังเข้าใกล้การเลือกตั้ง งานหลายอย่างไม่ค่อยเดินหน้า เพราะข้าราชการเองก็รอรัฐบาลใหม่กันแล้ว ผมก็ได้ไปขอความกรุณาสานต่อและทำให้ดี อย่ารอเพียงรัฐบาลใหม่ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกก็ไม่ค่อยดี อย่าทำให้ทุกอย่างชะงัก วันนี้ยังไม่ต้องรอ ทำงานให้เต็มที เมื่อรัฐบาลใหม่เข้ามาก็สานต่อ ประเทศก็จะไปได้ ช่วงนี้ก็ต้องประคับประคองกันไป” นายสมคิด กล่าว

ถามอีกว่า เหตุใดถึงเป็นห่วงการใช้นโยบายประชานิยม นายสมคิด กล่าวว่า เอาเป็นว่าวันนี้อย่าแข่งกันเบิ้ลกันมากเกินไป สุดท้ายมันไม่มีประโยชน์ ขอให้ทำในสิ่งที่มีเหตุและผล ตนไม่ได้ว่า ถ้าแต่ละพรรคจะเบิ้ล แต่อย่าเบิ้ลกันมากนัก การที่แต่ละพรรคแข่งกันนั้นตนเข้าใจเพื่อแย่งชิงฐานเสีย แต่สุดท้ายก็จะกลับมาอยู่ที่เดิมคือรัฐบาล นายกฯ และครม. ซึ่งไม่ได้ทำเพื่อพรรคการเมือง แต่ทำเพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน