‘ภูมิธรรม เวชยชัย’ ปลุกปชต.สู้-กา ‘พท.’ ชนะขาด

 

รายงานพิเศษ ‘ภูมิธรรม เวชยชัย’ ปลุกปชต. สู้ – หมายเหตุ : นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย แถลงถึงการดำเนินการช่วง โค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง ที่พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 21 มี.ค.

  • ถ้าเลือกตั้งยุติธรรม-‘ลุงตู่’จบแน่

แคมเปญเลือกตั้งไม่ปล่อยให้ประเทศล้าหลัง ล้มเหลว ถดถอย สิ้นหวัง เพราะเข้าใจสิ่งที่พี่น้องประชาชนเผชิญอยู่ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ล้าหลัง ล้มเหลวและสิ้นหวัง จึงเป็นแคมเปญแรกไม่ใช่การปลุกระดม กิจการค้าขายต่างๆในเอสเอ็มอี โรงแรม ธุรกิจท่องเที่ยว รวยกระจุก จนกระจาย ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำทุกตัว บรรยากาศเหล่านี้ไม่ใช่มาปลุกระดมหรือเสแสร้งกันได้ ชีวิตแบบนี้ต้องได้รับการเปลี่ยนแปลง ถ้ากระบวนการเลือกตั้งยุติธรรมพอตนไม่เชื่อว่าพล.อ.ประยุทธ์จะได้กลับมาบริ หารประเทศ

ผมอยากเห็นการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม ฝากความหวังไว้ที่พี่น้องประชาชนได้เท่านั้น เพราะองค์กรอิสระต่างๆ ก็ไม่มีความมั่นใจเท่าไรว่าจะทำหน้าที่ได้อย่างเที่ยงธรรมและเต็มที่ เพราะวันนี้กลไกขององค์กรอิสระที่ทำหน้าที่จัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ ยุติธรรมยังไม่เห็นอะไรที่แอ๊กทีฟ

มีคนมาลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้ากว่า 2 ล้านคน แต่บอกว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบไม่มีการคาดการณ์ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจากกระบวนการที่บกพร่อง ล้มเหลวขององค์กรอิสระ หรือเกิดจากความตั้งใจเพื่อให้เมื่อพรรคฝ่ายประชาธิปไตยชนะแล้วใช้ เป็นข้ออ้างล้ม ให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะหรือไม่

หรือจะปล่อยให้เกิดกระบวนการที่เป็นแบบนี้ เพื่อให้เกิดความสับสน เพราะดูแล้วไม่ใช่เหตุบังเอิญ มีวิธีคิดหลายอย่างที่ จะทำให้กระบวนการต่างๆ ทำได้ง่ายกว่านี้ ทำให้เกิดความ คล่องตัวกว่านี้ หรือทำให้เกิดความเข้าใจได้ง่ายกว่านี้ ก็ถูกบิดเบือนไป แล้วทำให้เกิดความยุ่งยากซับซ้อน

ไปพบกกต.สอบถามว่าจะรับมือกับสิ่งเหล่านี้ อย่างไรได้รับ คำตอบคือทุกอย่างเป็นความลับ ต้องปกปิดเพราะกลัวจะเกิดเหตุการณ์ล้อมหน่วยเลือกตั้งเหมือนอย่างในอดีต เป็นการนำเหตุการณ์ในอดีตมาอ้างเพื่อลดความโปร่งใสที่ควรจะเป็น ทั้งที่รัฐธรรมนูญก็ระบุให้คุณต้องประกาศให้สังคมรับรู้และเข้าใจ

ดังนั้น กระบวนการทุกอย่างเกือบทั้งระบบทำให้เกิดความ ไม่สบายใจและเกิดความคลางแคลงใจทั้งหมด

ที่มาอ้างว่าหากให้ทุกอย่างสงบต้องจบที่ “ลุงตู่” นั้นผิด ผมว่า “ลุงตู่” ที่ควรจะจบ แล้วกลับบ้านไปพร้อมกับ “ลุงป้อม” เพื่อให้ประเทศหลุดพ้นจากสภาวะที่เป็นอยู่

  • อ้อนเลือกเพื่อไทยชนะถล่มทลาย

วันนี้กระบวนการต่างๆที่เกิดขึ้นเหมือน ทำให้เป็นเพียงพิธีกรรมเท่านั้น จะทำให้การเลือกตั้งไม่ตอบโจทย์ในการแก้ปัญหา และไม่ใช่ทางออกของประเทศ ต้องหยุดกระบวนการต่อท่ออำนาจของเผด็จการให้ได้ ถ้ายังหยุดไม่ได้จะเป็นปัญหาต่อสังคมไทย

ปีค.ศ. 2020 นักวิเคราะห์ระบุว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกำลัง จะมา วันนี้ทางออกของสังคมไทยต้องทำให้ประเทศเป็นประชาธิปไตยที่โลกยอมรับ เพื่อสร้างความมั่นใจ และความไว้เนื้อเชื่อใจ

เราต้องเปลี่ยนแปลง แก้ไข หากเปลี่ยนแปลงไม่ได้ต้องอยู่ แบบเดิมไปอีกนาน ทั้งวิธีคิดแบบเดิมๆ ยุทธศาสตร์ 20 ปี รวมถึงกลไกต่างๆเข้ามาควบคุมมากมาย จึงต้องตัดสินใจด้วยวิจารณญาณอย่างเต็มที่ เพื่อเอาชนะกลไกอำนาจมากมายที่กดทับ ประชาชนต้องตัดสินใจสู้กับการเตรียมพร้อมของระบบอำนาจเดิมที่มีผู้แทนเป็น ส.ว. 250 คน ที่รอตัดสินใจไปตามที่เขาต้องการ

ดังนั้น การตัดสินใจของประชาชนต้องเบ็ดเสร็จ เด็ดขาด เพียงพอ และมากที่จะไปเปลี่ยนแปลงอำนาจที่วางโครงสร้างและครอบคลุมสังคมไทยอยู่

เราเป็นพรรคที่มีความพร้อมมากที่สุดในการ ทำงาน ดังนั้น ต้องเลือกเราให้เป็นแกนนำต่อสู้กับ 250 ส.ว. จึงเป็นเหตุผลที่เราเสนอตัวให้ประชาชนเลือกเราอย่างถล่มทลาย ใช้พลังเสียงของ พี่น้องประชาชนให้มากที่สุด ให้พลังฝ่ายประชาธิปไตยสู้กับพลังอำนาจเดิมให้ได้ นี่คือหัวใจสำคัญของการเลือกตั้งครั้งนี้

  • ชู 4 ข้อพาไทยพ้นวิกฤต

หัวใจสำคัญของการเลือกตั้งครั้งนี้คือการออกจากวิกฤต 5 ปีที่เผชิญกันมา ออกจากสภาพเดิมๆ ดังนั้น ที่พรรคเพื่อไทยต้องทำ คือ

1.ปรับโครงสร้างหนี้ครั้งใหญ่ของประเทศ เพื่อปลดเปลื้องพลังการผลิตและเศรษฐกิจฐานรากให้เติบโตขึ้น จะจัดการโครงสร้างหนี้ทั้งระบบตั้งแต่หนี้เกษตรกร กลุ่มเอสเอ็มอี เพิ่มกำลังซื้อให้เกษตรกรและเศรษฐกิจฐานรากทั้งหมด

2.เติมเงินเข้าระบบเพื่อสร้างกำลังการผลิตของทุกคน ถ้ากำลังซื้อฐานรากเติบโตก็จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งระบบได้

3.ปลดพันธนาการอุปสรรคต่างๆ พบว่ากลไกที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจ การเติบโตของภาคประชาชน การเติบโตของกลไกระบบทุนนิยมต้องถูกปลดเปลื้อง การใช้รัฐกึ่งรัฐทหารไม่เอื้อต่อการเติบโตของเศรษฐกิจที่เป็นอยู่

4.ปรับโครงสร้างพื้นฐานทั้งระบบ ทุกอย่างอยู่ที่วิธีคิดโดยกลไกที่มีอยู่ ทรัพยากร งบประมาณมีเท่ากัน แต่ขึ้นอยู่กับคนที่บริหารและวิธีคิดในการมองปัญหา อย่างเช่น หวยบำเหน็จ ถ้าคุณมองแบบเดิมก็แค่การเสี่ยงโชค เล่นหวย

แต่เราหยิบวัฒนธรรมไทยที่ชอบเสี่ยง ชอบลุ้นมาทำร่วมกับการออมของคนสูงวัย เปลี่ยนมุมมองวิธีคิดนิดเดียว คุณสามารถ ครีเอทออกมาได้ โครงการนี้จึงเป็นเหมือนกลไกหนึ่งในการระดมเงินออมของประชาชน เพื่อดูแลสวัสดิการของตัวเองในอนาคต

ที่เรากล้าทำเพราะกลไกสลากกินแบ่งได้กำไร ทั้งนั้น เพราะคนส่วนใหญ่คือคนที่ไม่ถูกรางวัล แทนที่จะให้งบไปถูกใช้แบบ อีลุ่ยฉุยแฉกกับกลุ่มเจ้ามือหวยใต้ดินหรือกับหน่วยงานรัฐต่างๆ ก็นำมาใช้พัฒนาเป็นเงินออม

หรือเรื่องรถไฟฟ้าความเร็ว ที่เคยคิดว่าต้องให้ถนนลูกรังหมดไปก่อนนั้นเป็นวิธีคิดแบบเก่า รถไฟฟ้าคือการเข้าถึงติดต่อสื่อสารด้วยความเร็วในเวลาจำกัด เมื่อความเร็วมาถึง ระยะทางไม่ใช่สิ่งที่เป็นปัญหา คุณภาพชีวิตก็ดีขึ้น

  • พร้อมเป็นรัฐบาล-แนวร่วมปชต.

ดังนั้น สิ่งสำคัญในสังคมไทยคือการปรับระบบวิธีคิดในการจัดการวิถีชีวิต เราเชื่อว่าต้องลงทุนกับระบบใหญ่ๆ เช่น ระบบน้ำ ระบบเครือข่ายคมนาคม ระบบฟีดเดอร์ ระบบการผลิต เป็นต้น

ถึงเวลาแล้วที่ประเทศต้องลงทุนกับระบบ โครงสร้างใหญ่ทั้งระบบ จัดความสัมพันธ์ทั้งระบบโครงสร้างการผลิต ระบบคมนาคมขนส่งเครือข่ายทั้งระบบ ทั้งหมดอยู่ในแผนที่เราจะทำ

การเลือกตั้งครั้งนี้จะไม่เห็นว่าเพื่อไทย เสนอโครงการยิบย่อยเหมือนคนอื่นๆ เลย แต่เสนอระบบคิดทั้งระบบที่ต้องเปลี่ยนแปลง จึงเสนอให้เลือกเรา เพราะเราเคยมีประสบการณ์ทำงานให้ประสบความสำเร็จมาแล้ว เลือกเราเพราะเรามีความพร้อมทุกๆ ด้าน เลือกเราเพราะเรายึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย

และจำเป็นต้องเลือกเราเพราะเราคิดว่าเราจะ ได้อันดับ 1 แต่จะยังไม่มากเพียงพอในการต่อสู้กับกลไกสืบทอดอำนาจผ่าน 250 ส.ว. ดังนั้นเราต้องการให้ประชาชนตัดสินใจทางยุทธศาสตร์ที่จะต่อสู้เพื่อการ เปลี่ยนแปลงของประเทศ เพื่อรวมกำลังของฝ่ายประชาธิปไตยเอาชนะให้ได้

ดังนั้น การได้ที่นั่งในสภาที่มีพรรคฝ่ายประชาธิปไตยเป็นพรรคนำ และสามารถรวบรวมเสียงฝ่ายประชาธิปไตยเพื่อเอาชนะการเลือกตั้ง จึงเป็นหัวใจของยุทธศาสตร์การเลือกตั้งครั้งนี้

เรากำลังเสนอสิ่งที่เป็นปัญหาต่อสังคมไทย ว่าจะเอาระบบเดิมที่ลุงๆ ทั้งหลายทำงานมา หรือจะเอาลุงๆ กลับบ้านแล้ว ให้เรามาทำงาน วันนี้เราประกาศตัวว่าเราพร้อมเป็นรัฐบาล และพร้อมจัดตั้งแนวร่วมฝ่ายประชาธิปไตยเพื่อให้รัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยฝ่า วิกฤตไปได้

  • ได้สส.เกิน 250-สว.ต้องถอย

ถ้าฝ่ายประชาธิปไตยได้เสียงเกิน 250 ฝ่ายที่เป็นส.ว.250 คนต้องพิจารณา ถ้าตัดสินใจเป็นอย่างอื่นเท่ากับว่าผู้มีอำนาจกำลังตัดสินใจสวนทางกับ เจตจำนงของประชาชนทั้งประเทศ ถ้าฝ่ายผู้มีอำนาจได้คะแนนเสียงน้อย ลุงๆ ทั้งหลายไม่มีสิทธิและความชอบธรรมในการเดินหน้าต่อ

ไม่เชื่อว่าฝ่ายของลุงจะได้คะแนนเกิน 100 เสียง ไม่เชื่อว่าพรรคที่ทำตัวไม่ชัดเจนประกาศตัวคลุมเครือ เดี๋ยวบอกไม่เอา ลุงตู่ แต่ยังเอาพรรคพลังประชารัฐ ความไม่ชัดเจนแบบนี้ก็จะได้ ไม่ถึง 100 เสียง

ทั้งนี้ แม้ว่าฝ่ายลุงได้เสียงเกิน 125 เสียง แต่ถ้าในสภาฝั่งของประชาธิปไตยได้เกิน 250 เสียง มองว่าฝ่ายลุงก็บริหารประเทศยาก สังคมไทยต้องพ้นวิกฤตแบบลุงๆ ไปได้แล้ว ลุงควรกลับบ้านไปได้แล้ว

แต่ถ้าฝ่ายลุงได้ไม่ถึง 100 เสียง แต่ประชาธิปัตย์ได้เกิน 100 เสียง พรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องตัดสินใจว่าจะสนับสนุนให้ลุงสืบทอดอำนาจต่อไปหรือไม่ วันนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ไม่กล้าตัดสินใจต้องไปจัดการความชัดเจนภายในพรรคว่าจะยืนอยู่ฟากไหนเพื่อให้ ประชาชนได้ตัดสินใจ

ส่วนพรรคเพื่อไทยชัดเจนเราไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ เราไม่สนับสนุนพรรคลุงตู่ เราอยากให้ลุงตู่กลับบ้าน

ถามว่าจับมือกับประชาธิปัตย์ได้หรือไม่ พรรคนี้มีเงื่อนไขเยอะ แต่เพื่อไทยมีธงชัดเจนว่าเราจับมือกับฝ่ายประชาธิปไตย และใช้เจตนารมณ์ประชาชนหาทางออกของประเทศ ถ้าประชาธิปัตย์จะไปร่วมฝั่งลุงเพื่อเป็นรัฐบาลก็เชิญเป็นรัฐบาลภายใต้อุ้งมือของ ทหารให้เต็มที่ เราไม่พร้อมจับมือร่วม

  • ประชาธิปไตยเป็นตัวแปร

พรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่เงื่อนไขของเรา แต่ประชาธิปไตย เป็นตัวแปรของเรา เราต้องเอาประชาธิปไตยให้ได้ สังคมไทย จึงจะพ้นวิกฤต ผมเชื่อว่าวันนี้ฝ่ายประชาธิปไตยจะจับมือกัน ได้เกิน 250 เสียงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ผมเชื่อมั่นถ้าการเลือกตั้งไม่มีกลไกพิเศษเข้าไปจัดการ

และต่อให้ฝั่งนั้นฝืนตั้งรัฐบาลก็จะเป็น รัฐบาลที่ไม่มีอำนาจตามมาตรา 44 เป็นรัฐบาลเผชิญกับกลไกปกติในระบบรัฐธรรมนูญ ต้องอยู่บนพื้นฐานที่มีการตรวจสอบอย่างเข้มข้น ไม่เชื่อว่าเขาจะบริหารประเทศได้ง่าย

แต่ถ้าจะใช้กลไกแบบในอดีต ใช้วิธีการซื้อเสียง มีงูเห่าใน ทุกขั้นตอนเขาก็จะถูกสังคมไทยตราหน้าว่าทำให้ระบบการเมืองไทยเสื่อมทรุด ทำลายระบอบประชาธิปไตยอย่างถึงราก ดังนั้น เขาต้องเลือก ผมไม่เชื่อว่าเขาจะเข้าสู่อำนาจได้ง่ายอย่างที่ตั้งใจและปรารถนา วันนี้เขาหวั่นไหวดูจากกระบวนการที่เขาใช้กดดันในพื้นที่ต่างๆ

ส่วนคนที่ออกแบบรัฐธรรมนูญคราวนี้ต้องถูก จดจำไว้หากสังคมไทยต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจขั้นรุนแรงในอนาคต มีผลกระทบกับชีวิตของผู้คน ผู้ที่ออกแบบรัฐธรรมนูญฉบับนี้ต้องรับผิดชอบ ไม่ต้องมาใช้วาทกรรมสวยหรู ทำตัวแบบศรีธนญชัยปลิ้นไปปลิ้นมา แล้วคิดว่าจะได้รับการยกย่องจากสังคมหมดสมัยไปแล้ว คนที่ไม่ตรงไปตรงมา คนที่ใช้วาทกรรมเจ้าเล่ห์เพทุบาย พยายามทำเพื่อการสืบทอดอำนาจต้องถูกประณามจากสังคม

เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะมาเป็นอันดับ 1 และสามารถจับมือกับฝ่ายประชาธิปไตยได้เกิน 250 เสียง ถ้าเขาจะจัดตั้งรัฐบาลโดย ที่ได้ไม่ถึง 250 เสียง เขาจะบริหารประเทศไปได้อย่างไร

….อ่าน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน