วันที่ 9 มี.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะฯ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข เยี่ยมชมคลินิกหมอครอบครัว (Primary Care Cluster) ที่คลินิกหมอครอบครัว สาขาศาลาไทย อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ที่เกิดขึ้นด้วยแนวคิด “บริการทุกคน ทุกอย่าง ทุกที่ ทุกเวลาด้วยเทคโนโลยี”ดูแลประชากรทั้งสิ้น 30,076 คน โดยจัดบริการแพทย์ประจำที่ศาลาไทย แพทย์ออกปฏิบัติงานทุกวัน โดยคลินิกหมอครอบครัว สาขาศาลาไทยนี้ ประกอบด้วยคลินิกย่อย อาทิ คลินิกเบาหวานและความดัน คลินิกทันตกรรม คลินิกส่งเสริมพัฒนาการเด็ก และคลินิกแพทย์แผนไทย เป็นต้น

นายกฯกล่าวชื่นชมการดำเนินงานของคลินิกหมอครอบครัวที่ช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน ช่วยเพิ่มการเข้าถึงบริการและลดระยะเวลาการรอคอย ตามนโยบายปฏิรูปสาธารณสุขไทยที่รัฐบาลให้ความสำคัญ หวังให้มีการขยายส่วนผลิตยาแผนโบราณและพืชสมุนไพร เพื่อพัฒนาพืชสมุนไพรไทยให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และส่งเสริมการใช้สมุนไพรและยาแผนโบราณเพื่อรักษาโรคตามแนวทางการแพทย์แผนไทยต่อไป

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมคณะฯได้เข้าเยี่ยมชมนิทรรศการผลิตภัณฑ์ OTOP ที่นายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน (พช.) กระทรวงมหาดไทย นำผู้ประกอบการ OTOP ร่วมจัดแสดงการพัฒนาและความก้าวหน้าของผลิตภัณฑ์ โดยนายกรัฐมนตรีฯชื่นชมและได้ให้คำแนะนำการพัฒนาต่อยอดสินค้า OTOP พร้อมทั้งเชิญชวนรัฐมนตรี และคณะผู้ติดตามอุดหนุนสินค้าที่นำมาจัดแสดงด้วย ซึ่งสร้างความประทับใจให้ผู้ประกอบการเป็นอย่างยิ่ง

จากนั้นที่โรงเรียนปราจิณราษฎรอำรุง อ.เมือง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวระหว่างพบปะประชาชนประมาณ 3,000 คน ตอนหนึ่งว่า วันนี้ถือว่าได้มาเยี่ยมเยียนบ้านเดิม เพราะเคยอยู่ที่นี่มาหลายปี ซึ่งดีใจที่ได้เห็นความก้าวหน้าในการบริหารราชการที่เป็นไปตามแผนที่รัฐบาลวางไว้ วันนี้มาเพื่อวางแนวทางเรื่องการปฏิรูประบบด้านสาธารณสุข ทั้งเรื่องแพทย์ พยาบาล สถานที่ ยาและการรักษาพยาบาล เพราะรัฐบาลให้ความสำคัญกับงานด้านสาธารณสุขและพืชสมุนไพร และตั้งใจว่าภายใน 20 ปี จะทำให้ประเทศไทยมีศักยภาพด้านสมุนไพรดีที่สุดในโลก โดยใช้ปราจีนบุรีเป็นจังหวัดนำร่อง

“ยืนยันไม่เคยมีการยุบ ยกเลิก หรือตัดสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลของประชาชนอย่างที่มีการโจมตี ขออย่าหลงเชื่อคำบิดเบือน โดยรัฐบาลจะพัฒนาศักยภาพเพื่อให้บริการประชาชนให้ดียิ่งขึ้น” นายกฯกล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า วันนี้อยากให้ทุกคนภูมิใจที่มีการประกาศว่าประเทศไทยมีความทุกข์ยากน้อยที่สุดในโลกเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน ตั้งแต่ปี 2557-2559 จึงไม่อยากให้ฟังคำบิดเบือนต่างๆ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นการประเมินจากหน่วยงานภายนอก แสดงให้เห็นว่าหลายอย่างดีขึ้น ซึ่งรัฐบาลมองคนทุกกลุ่มตั้งแต่ประชาชนระดับฐานราก ขณะเดียวกันวันนี้ไม่ได้มาในฐานะนักการเมือง ไม่มาเพื่อให้ใครรัก แต่มาเพื่อต้องการให้ทุกคนร่วมมือ

นายกฯ กล่าวว่า ตลอด 2 ปี รัฐบาลพยายามทำทุกเรื่องอย่างเต็มที่ แต่อาจยังมีความไม่เข้าใจและการต่อต้านอยู่บ้าง แต่ขออย่าบิดเบือนและออกนอกกรอบ อย่าให้ใครมาบิดเบือนนำรัฐธรรมนูญมาอ้างว่ารัฐบาลและคสช.ละเมิดสิทธิมนุษยชน และขอย้ำว่าวันหน้าเราก็ต้องเป็นประชาธิปไตย แต่ที่ผ่านมามีความวุ่นวาย ปล่อยปละละเลยและไม่เคารพกฎหมาย จึงเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไข โดยต้องร่วมมือกัน ซึ่งถ้าเกิดปัญหาแบบเดิม เราก็จะหมดโอกาสอีกแล้ว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ขาดเงินและไม่ได้รีดภาษีอย่างที่มีการกล่าวอ้าง แต่ต้องควบคุมการเสียภาษีให้ถูกต้อง เพราะที่ผ่านมาละเลยและไม่สุจริต จึงต้องไล่เรื่องนี้ให้หมด เพื่อมาชดเชยสิ่งที่ขาด เพราะขณะนี้รายจ่ายสูงกว่ารายรับ หากไม่ทำเช่นนี้ก็จะล้มละลายทั้งประเทศ อย่างไรก็ตาม หากมีความจริงใจไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนก็เชื่อว่าสามารถทำอะไรได้หมด นอกจากนี้ขอคนไทยอย่าคิดเพียงเรื่องอยากมีอำนาจและให้คนนับถือ แต่ต้องคิดว่าอำนาจนั้นมาจากประชาชน ไม่ใช่ได้อำนาจแล้วทำอะไรก็ได้ แต่ต้องมีธรรมาภิบาลด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน