สมคิดก็ช่วยแจง รัฐเปิดให้ลงอีก “ทะเบียนคนจน” พท.ยุตั้ง”ศุภชัย” คุมทีมเศรษฐกิจ

“บิ๊กตู่” ว้ากสื่อ โต้ลั่นขึ้น “แวต” แค่เปรียบเทียบ ชี้เศรษฐกิจดีขึ้น ฉุนเขียน “โม้-โว-ปัด” สมคิดยันไม่ได้ถังแตกรัฐบาลเปิดลงทะเบียนคนจนรอบใหม่ 3 เม.ย.-15 พ.ค. เพื่อไทยสวนคำขอเสียสละ แนะให้เสียสละชะลอซื้ออาวุธ งดรับเงินเดือนสองทาง ยุส่งตั้ง”ศุภชัย”คุมเศรษฐกิจ

บิ๊กตู่เปิดงาน”เอสเอ็มอี”

เมื่อวันที่ 10 มี.ค. ที่ศูนย์การประชุม แห่งชาติสิริกิติ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีเปิดงาน SMEs Revolution : เส้นทางสายโอกาสเอสเอ็มอี 4.0 ที่มีกระทรวงอุตสาหกรรมเป็น เจ้าภาพ โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม ให้การต้อนรับ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้ ต้องเข้าใจตรงกันว่าประเทศไทยเดินหน้าด้วยยุทธศาสตร์ตั้งแต่ปี 2557 ทั้ง 6 ด้าน ทุกคนต้องคำนึงถึงส่วนรวม ไม่ใช่คิดแต่เรื่องส่วนตัว ซึ่งรัฐบาลเข้ามาทำทุกอย่างโดยใช้หลักการเหตุผล และยุทธศาสตร์มาดำเนินการ โดยเฉพาะการบริหารจัดการระบบบริหารราชการทั้งภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจให้มีประสิทธิภาพ การเดินไปข้างหน้าต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และความเข้าใจ จึงขออย่าบิดเบือน ทั้งนี้รัฐบาลไม่เคยนิ่งนอนใจพยายามขับเคลื่อน ในทุกมิติ แต่มีหลายคนที่ยังดูถูกประเทศ ไม่เข้าใจว่าจะพูดทำไม ทำลายศักยภาพตัวเองทั้งสิ้น ขอร้องว่าอย่าเอาโอกาสมาเป็นวิกฤต และทำวิกฤตให้วิกฤตมากกว่าเดิม แต่ต้องใช้วิกฤตเป็นโอกาส

โต้วุ่นขึ้นภาษี

“เมื่อวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา ผมได้อธิบายเรื่องภาษีเพราะประชาชนเรียกร้อง ขอโน่น ขอนี่ ผมก็อยากให้ ก็อธิบายไป แต่สื่อกลับบอกว่าผมต้องการขึ้นภาษี ไม่เข้าใจกันหรืออย่างไร อะไรที่มีปัญหาความขัดแย้ง พาดหัวข่าวหน้าหนึ่งแต่ข้างในก็เขียนอย่างที่ผมพูด เนื้อข่าวไม่มีอะไร แต่ข้างหน้าขอให้ได้เขียน เพื่อให้คนซื้อหนังสือพิมพ์ ทำแบบนี้มันน่ารังเกียจ แต่คงไม่ใช่ทุกคน พวกที่ดีๆ กับผม ก็มี” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า สื่อต้องช่วยด้วย ไม่ใช่รัฐบาลพูดอะไรก็เขียนแต่ว่าโม้ โว ปัด เขียนวนกันอยู่แค่นี้ นอกจากนี้ยังมีบางสื่อไม่เข้าใจ ยังดูถูกประเทศตัวเองว่าจะเป็น 4.0 ได้อย่างไร เอาเรื่องมีปัญหากับเรื่องดีๆ มาปนกันหมด ทั้งเรื่องพระและเรื่องอื่นๆ อย่าเอาอะไรมาพันกันไปหมด เดี๋ยวก็ทุจริต คิดแต่จะทุจริต รัฐบาลไม่ต้องการให้เกิดขึ้น ขอให้ไปฟ้องและ ดำเนินการกันมา รัฐบาลคิดไปข้างหน้า ข้างหลัง มีหน่วยงานอื่นดูอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นจะตั้งหน่วยงานมาทำไม จะให้นายกฯสั่งคนเดียวหรือ ทุกเรื่องก็นายกฯ นายกฯ ตนก็ตายพอดี ตนได้ มอบให้ทุกหน่วยงานทำหน้าที่ วันนี้ช่อง 11 ปรับปรุงขึ้นมากแล้ว ขอให้ไปดูกันบ้าง ช่องนี้ มีทุกอย่างทั้งวิธีการ การประกอบการในเรื่องปฏิรูป ไปดูช่องละครแล้วจะรู้เรื่องการปฏิรูปกันหรือไม่

โวยบิดเบือนเศรษฐกิจไม่ดี

วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในรายการ ศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ว่า จากที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กเผยแพร่ผลการจัดอันดับ ตามดัชนีความทุกข์ยาก ประจำปี 2560 ว่าไทยมีระดับความทุกข์ยากต่ำที่สุดในโลกหรือมีความสุขที่สุดในโลก ต้องถือเป็นข่าวดี และขอชื่นชมหน่วยงานทุกฝ่ายของรัฐ ภาคเอกชน รวมทั้งเครือข่ายประชารัฐที่ร่วมกันสร้างความสุข รักษาอัตราการว่างงานและอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับต่ำมาเป็นปีที่ 3 ต่อเนื่องกัน แสดงว่าต่างประเทศเห็นว่าไทยมีพัฒนาการที่ดีขึ้นในหลายด้าน ซึ่งทุกมาตรการ ของรัฐบาล และคสช. ที่ทำอยู่ในช่วงเกือบ 3 ปีที่ผ่านมา มีความสอดคล้องเชื่อมโยงกัน และส่งผลให้เห็นผ่านตัวชี้วัดต่างๆ

“แต่ก็มีหลายคนบิดเบือนว่าไม่จริง เศรษฐกิจ ไม่เห็นจะดีขึ้น ประชาชนไม่มีความสุข ก็เป็นสิ่งที่ทุกคนคิดได้ ต้องช่วยกันพิจารณาคนที่ออกมาพูดด้วย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

สมคิดยันไม่ถังแตก-ไม่ขึ้นภาษี

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กล่าวถึงข่าวการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม 8 เปอร์ เซ็นต์ว่า ไม่ทราบว่าข่าวออกมาได้อย่างไร เพราะได้หารือกับพล.อ.ประยุทธ์ ก็ยืนยันว่าไม่ได้พูดสักคำว่าจะขึ้นแวต แค่เปรียบเทียบให้คนไทยว่ามีความพร้อมที่จะรับผิดชอบร่วมกันหรือไม่ อยู่ๆ มาเป็นข่าวใหญ่โต ที่ผ่านมารัฐบาลแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้ดี แต่พอมีข่าวว่าจะขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มก็สะดุดแย่ไปกันหมด การขึ้นภาษีจะกระชากให้เศรษฐกิจชะลอไปอีก เหมือนกรณีนโยบายธนู 3 ดอก ของนายชินโซะ อาเบะ นายกฯ ญี่ปุ่นที่ขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม 8 เปอร์เซ็นต์ จนถึงขนาดนี้เศรษฐกิจญี่ปุ่นก็ยังหัวทิ่มมา 3 ปีแล้ว

นายสมคิดกล่าวด้วยว่า ยืนยันว่ารัฐบาล ไม่ได้ถังแตก หนี้สาธารณะต่อจีดีพีอยู่ที่ 44 เปอร์เซ็นต์ ต่ำมากเมื่อเทียบกับญี่ปุ่นหรือสหรัฐที่มีระดับหนี้สาธารณะ 100 เปอร์เซ็นต์ และการปฏิรูปภาษีก็เป็นเรื่องที่กระทรวงการคลังดำเนินการอยู่ การจะปรับก็ต้องดูจังหวะเวลาที่เหมาะสม ว่าใครควรรับผิดชอบตอนไหน เช่น ภาษีมรดกที่ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งทั้งหมดไม่ใช่แค่เรื่องแวต แต่เป็นเรื่องภาษีทั้งระบบ ใครที่ควรเสียภาษีก็ต้องเสีย รวมทั้งการบริหารจัดการงบประมาณรายจ่ายให้มีประสิทธิภาพ ลดการซ้ำซ้อน และยืนยันว่ารัฐบาลยังไม่มีแนวคิดขึ้นแวต เพราะเศรษฐกิจไทยเพิ่งฟื้นตัว จึงยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะปรับขึ้น

“ป้อม-คสช.”แจงวุ่นปมภาษี

วันเดียวกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์เพียงเปรียบเทียบว่าถ้าขึ้นภาษีอีก 1 เปอร์เซ็นต์ รายได้ประเทศจะเข้ามาแสนกว่าล้านบาท โดยเงินดังกล่าวจะสามารถดำเนินการตามที่ประชาชนเรียกร้องได้ เกี่ยวกับสาธารณประโยชน์ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ขอย้ำว่านายกฯ ไม่ได้คิดจะขึ้นภาษี เป็นเพียงการยกตัวอย่างเท่านั้น ขอยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ถังแตก หรือตูดขาด

ด้านพ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคสช. กล่าวว่า นายกฯ ยังไม่มีนโยบายปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นเพียงการยกตัวอย่าง เพื่อชี้ให้เห็นว่ายังมีประชาชนเสนอขอความช่วยเหลือต่างๆ มายังรัฐบาลมาก ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องงบประมาณ ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2557 ภาพรวมของเศรษฐกิจโลกมีปัญหา ทุกประเทศได้รับผลกระทบ คสช.และรัฐบาลพยายามแก้ปัญหาด้วยความทุ่มเท ล่าสุดเริ่มเห็นถึงสัญญาณหลายอย่างมีแนวโน้มค่อยๆ ดีขึ้น แต่ที่ผ่านมามีบางบุคคลพยายามทำลายความน่าเชื่อถือ บิดเบือนสร้างวาทกรรมว่ารัฐบาลถังแตก ขอให้สังคมใช้วิจารณญาณในการบริโภคข่าวสารด้วยรู้เท่าทันในเจตนาที่มักแอบแฝงมาของบางบุคคลเพื่อทำสังคมสับสน

รัฐเปิดลงทะเบียนคนจนรอบใหม่

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจิรชัย มูลทองโร่ย ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลดำเนินมาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนในโครงการลงทะเบียน เพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ โดยช่วยเหลือผู้มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี รับเงินโอน 3,000 บาท ผู้มีรายได้เกิน 30,000 บาทต่อปี แต่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี รับเงินโอน 1,500 บาท โอนเงินเข้าบัญชีผู้มีสิทธิ์ผ่านธนาคารรัฐ 3 แห่งนั้น ผลการโอนเงินเมื่อวันสิ้นสุดมาตรการวันที่ 31 ม.ค. รัฐบาลโอนเงินให้แก่ผู้มีรายได้น้อย 7,525,363 คน คิดเป็นร้อยละ 97.5 แบ่งเป็นเกษตรกร 2,475,303 คน และไม่ใช่เกษตรกร 5,050,060 คน และไม่สามารถโอนเงินได้ 189,996 คน คิดเป็นร้อยละ 2.5

นายจิรชัยกล่าวต่อว่า ผู้ตรวจราชการสำนักนายกฯ ได้ติดตามปัญหาอุปสรรคในการดำเนิน มาตรการ ปัญหาที่พบคือประชาชนได้รับทราบข่าวสารการดำเนินมาตรการไม่ทั่วถึง ไม่ชัดเจนว่าลงทะเบียนเพื่ออะไร รวมถึงผู้ด้อยโอกาส ที่ไม่สามารถไปลงทะเบียนตามมาตรการได้ การบันทึกข้อมูลคลาดเคลื่อน ซึ่งจะรายงาน ให้คณะกรรมการติดตามการปฏิบัติงานตามนโยบายของรัฐบาล ที่มีพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกฯ เป็นประธานรับทราบปัญหาและปรับปรุงแก้ไขต่อไป สำหรับการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2560 รอบใหม่เริ่ม วันที่ 3 เม.ย.-15 พ.ค.นี้ โดยผู้มีรายได้น้อย ทั้งที่ไม่เคยลงทะเบียนและผู้ที่เคยลงทะเบียนในปีที่ผ่านมา จะต้องมาลงทะเบียนใหม่ทั้งหมด โดยลงทะเบียนได้ที่ ธ.ก.ส. ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย คลังจังหวัดทุกจังหวัด และสำนักงานเขตทุกเขตใน กทม.

พท.สวนเสียสละชะลอซื้ออาวุธ

ด้านนายสมคิด เชื้อคง อดีตส.ส.อุบลราช ธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงพล.อ.ประยุทธ์ระบุอยากให้ประชาชนเสียสละหากรัฐบาล จะขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 1 เปอร์เซ็นต์ รัฐบาลจะได้เงินอีก 1 แสนล้านบาทมาพัฒนาประเทศ ว่า แม้คนของรัฐบาลจะปฏิเสธว่ายังไม่มีแนวคิดนี้ แต่แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลไม่มีเงินจริงๆ สวนทางกับโพลทุกสำนักที่เชียร์ว่าดี เศรษฐกิจก็ดี การท่องเที่ยวก็ดี แต่กำลังโยนหินถามทางว่าจะขึ้นภาษี และยิ่งสวนทางหนักเมื่อรัฐบาลเก็บภาษี 5 เดือนที่ผ่านมาได้ต่ำกว่าเป้า 6,000 ล้านบาท เศรษฐกิจดีขึ้นอย่างไร รัฐบาลอธิบายด้วย และตั้งแต่รัฐบาลนี้บริหารประเทศ ได้จัดงบประมาณขาดดุลมาตั้งแต่ปี 2558-59-60 และกำลังจะทำงบฯปี 2561 รวมแล้วต้องกู้เงินมาใช้จ่าย 1.8 ล้านล้านบาท และยังไม่เห็นวี่แววว่าจะกู้มาเป็นภาระประเทศอีกเท่าไร หากรัฐบาลนี้ยังอยู่ต่อไป

“นายกฯ เรียกร้องให้ประชาชนเสียสละให้กับประเทศ ผมขอร้องให้ท่านเสียสละเหมือนกัน ให้ออกคำสั่งให้ข้าราชการที่ตั้งขึ้นมารับตำแหน่งต่างๆ อย่ารับเงินเดือนสองทาง ออกคำสั่งให้องค์กรอิสระงดไปดูงานเมืองนอก สั่งให้เหล่าทัพหยุดซื้ออาวุธก่อนจนกว่าฐานะการเงินของรัฐบาลจะดีขึ้น ที่สำคัญควรรีบพาประเทศเดินหน้าสู่ความเป็นประชาธิปไตยโดยเร็ว วันนี้ชาวบ้านเดือดร้อน การค้าขายเงียบเหงา คนตกงานมากขึ้น อย่าซ้ำเติมประชาชนเพราะไม่มีรัฐบาลไหนในโลกที่ขึ้นภาษีในภาวะประชาชนเดือดร้อน” นายสมคิดกล่าว

ชงให้”ศุภชัย”คุมเศรษฐกิจแทน

น.ส.วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ อดีตส.ส. เชียง ราย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลพิจารณาให้ดี การเพิ่มภาษีจะเพิ่มภาระให้ประชาชนมากขึ้น สินค้าจะมีราคาสูงขึ้น ทำให้การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจลดลง ซึ่งนายกฯ อาจคิดว่าคนไทยมีความทุกข์น้อยสุดจากรายงานของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก จึงคิดว่าจะทนความลำบากจากการขึ้นภาษีได้ แต่ความจริงคือประชาชนลำบากกันมาก การสำรวจของบลูมเบิร์กวัดจากการว่างงานของไทยที่มีระดับต่ำ เพราะวิธีคิดการว่างงานของไทยกำหนดไว้ในเกณฑ์ที่ต่ำมาก อีกทั้งการว่างงานก็เริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้จึงไม่เหมาะสมที่จะขึ้นภาษี

น.ส.วิสาระดีกล่าวว่า แม้นายสมคิดบอกว่าจ่ายเงินช่วยคนจนกว่า 9 แสนล้านบาท แต่ประชาชนที่มีรายได้น้อยกลับไม่รู้สึกว่าความเป็นอยู่ดีขึ้น อีกทั้งมีข้อกล่าวหาว่ามีทุจริตมากแต่ตรวจสอบไม่ได้เพราะไม่มีฝ่ายค้าน และยังใช้เงินซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมาก หากรัฐบาลยังแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ ก็ควรเชิญนายศุภชัย พานิชภักดิ์ เข้ามาบริหารเศรษฐกิจแทนทีมเศรษฐกิจปัจจุบัน เพราะนายศุภชัยตั้งใจเชียร์ยุทธศาสตร์ 20 ปีที่เปลี่ยนแปลง ไม่ได้ และไม่มีประเทศไหนที่เจริญเขาทำกัน อยากเห็นว่านายศุภชัย จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้หรือไม่ในภาวะการเมืองปัจจุบัน

อนุฯปรองดองนัด”กปปส.”ถก

ที่กระทรวงกลาโหม พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านการประชา สัมพันธ์เพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง แถลงข่าวภายหลัง 4 พรรค ประกอบด้วย พรรคประชาธิปไตยใหม่พรรคเพื่ออนาคต พรรคร่วมพัฒนาชาติไทย พรรคถิ่นกาขาว เข้าหารือพูดคุย เสนอความเห็นกับคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดห็นเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง ที่มีพล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ว่าบรรยากาศเป็นกันเอง ทุกพรรคมุ่งมั่นจะเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์และสร้างสรรค์ และเปิดกว้าง โดยมองเรื่องความปรองดองต้องใช้เวลาและหวังจะเห็นคนในสังคมอยู่ร่วมกันด้วยความสงบสันติสุข

พล.ต.คงชีพกล่าวว่า การรับฟังความคิดเห็นของกลุ่มพรรคการเมือง เดินหน้ามาถึงสัปดาห์ที่ 4 แล้ว ขณะนี้มี 39 พรรคที่เข้ามาแสดงความคิดเห็น หากรวมในสัปดาห์หน้าที่จะมีอีก 7 พรรค และ 2 กลุ่มการเมืองแล้ว จะมีทั้งหมด 46 พรรคกับ 2 กลุ่มการเมือง จากนั้นคณะอนุกรรมการรับฟังความเห็นฯ จะเดินหน้ารับฟังความคิดเห็นในส่วนของภาคประชาสังคม และพรรคอื่นๆ ที่ยังไม่ได้เข้ามาเสนอความคิดเห็นเนื่องจากยังไม่พร้อมทั้งข้อมูลและตัวบุคคล ทางเราจะเปิดกว้างเพื่อให้พรรคที่เหลือเข้ามาแสดงความคิดเห็น ประมาณเดือนเม.ย.นี้

ขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. ได้เผยแพร่ภาพสดผ่านเฟซบุ๊กของ ตัวเอง โดยระบุตอนหนึ่งว่า กปปส. ได้ตอบรับที่จะแสดงความคิดเห็นเรื่องการปฏิรูปที่กระทรวงกลาโหม ในวันที่ 17 มี.ค.นี้ ดังนั้นตั้งแต่วันที่ 11 มี.ค.เป็นต้นไป จะนำเรียนว่าจะไปแสดงความคิดเห็นในเรื่องอะไรบ้าง

โหวต”อุดม-วีรวิทย์”นั่งศาลปค.

ที่รัฐสภา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ประชุม และลงมติเลือกนายอุดม รัฐอมฤต กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ด้วยคะแนน 195 คะแนน นายวีรวิทย์ วีวัฒนวานิช ผอ. หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตร์มหาบัณฑิตวิทยาลัยรัฐกิจ ม.รังสิต ด้วยคะแนน 159 คะแนน เป็นกรรมการตุลาการศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ โดยผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อประกอบด้วย นายอุดม นายวีรวิทย์ พล.ท.ดิเรกพล วัฒนะโชติ อดีตกรรมการตุลาการศาลปกครอง และนายพิเชียร อำนาจวรประเสริฐ อดีตนักวิชาการ

จากนั้นที่ประชุม พิจารณาอนุสัญญาระหว่าง ประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการบังคับให้หายสาบสูญ ตามที่คณะรัฐมนตรีเสนอ เพื่อให้สนช.เห็นชอบหนังสือสัญญาระหว่างประเทศตามมาตรา 23 รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวพ.ศ.2557 โดยมีมติเห็นชอบเอกฉันท์ 205 คะแนน

วันเดียวกัน นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์ ถึงขั้นตอนดำเนินการเมื่อพบว่ามีพยาน หลักฐานในการจัดซื้อเครื่องบินและเครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ว่า ต้องตรวจสอบขั้นตอนการจัดซื้อตั้งแต่ต้นจนจบ ดังนั้นป.ป.ช.จึงแจ้งข้อกล่าวหาบุคคลที่มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องตาม ขั้นตอนและกระบวนการ มีพฤติการณ์เอื้อประโยชน์ ใช้อำนาจหน้าที่ในการทุจริต เป็นขั้นตอนกระบวนการที่ไม่ถูกต้อง หากไต่สวนพบว่ามีข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องเส้นทางทางการเงินก็อาจจะมีความผิดฐานเรียกรับสินบนอีกด้วย นั่นก็จะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม รวมทั้งผู้เกี่ยวข้อง คนกลาง ผู้สนับสนุน ก็จะได้พิจารณากันอีกส่วนหนึ่ง โดยจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด ทั้งนี้ยืนยันว่าข้อมูลข้อเท็จจริงที่ได้จากทาง การบินไทยนั้นมีความครบถ้วน จากนี้ต้องลงรายละเอียด สอบปากคำผู้เกี่ยวข้องทุกคน

เลื่อนอ่านฎีกา”กี้ร์”หมิ่น”มาร์ค”

วันเดียวกัน ที่ห้องพิจารณา 814 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลมีคำสั่งเลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.4177/2552 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง อดีตแกนนำ นปช. เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ผู้อื่นโดยการโฆษณา จากกรณีปราศรัยวันที่ 11 ต.ค. 2552 และวันที่ 17 ต.ค. 2552 ถึงการบริหารงานรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์

โดยศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาให้จำคุก 2 กระทง กระทงละ 6 เดือน รวมจำคุก 12 เดือน และไม่มีเหตุรอการลงโทษ ขณะที่ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.57 ยืนตามศาลชั้นต้น ซึ่งจำเลยยื่นฎีกาสู้คดี และได้รับการประกันตัววงเงิน 5 แสนบาทระหว่างฎีกา

โดยวันนี้นายอริสมันต์ ไม่ได้มาศาล แต่มีผู้แทนทนายความมายื่นคำร้องขอเลื่อนนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาออกไปก่อนเนื่องจากป่วยปวดท้องรักษาอาการที่โรงพยาบาล ทั้งนี้ศาลพิจารณาแล้ว เห็นว่า ความเจ็บป่วยถือเป็นเหตุจำเป็นที่ไม่อาจก้าวล่วง จึงเลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาอีกครั้งในวันที่ 28 มี.ค.นี้ เวลา 09.30 น.

สวีเดนชมไทยเอาจริงค้ามนุษย์

เมื่อวันที่ 10 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบอห่งชาติ (คสช.) ให้การต้อนรับนางเฮเลน คลาร์ก ผู้บริหารสูงสุดโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวแสดงความยินดีที่ได้พบกับนางเฮเลน และแสดงความชื่นชมที่ UNDP มีบทบาทแข็งขันในไทยและอาเซียนมาตลอด พร้อมแสดงความขอบคุณที่ไว้วางใจและเลือกใช้ไทยเป็นฐานสู่ภูมิภาค ซึ่งนับเป็นความเติบโตระหว่างกันอีกก้าวหนึ่ง ขอย้ำว่าไทยให้ความสำคัญกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยได้จัดทำยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (ระหว่างปี 2560-2564) ทั้งนี้ไทยยินดีที่จะแบ่งปันประสบการณ์และผลสำเร็จเชิงประจักษ์ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศให้แก่มิตรประเทศเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนร่วมกันโดยไม่ทอดทิ้งประเทศใดไว้เบื้องหลัง

นางเฮเลนกล่าวแสดงความเสียใจต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และแสดงความขอบคุณในมิตรภาพที่ประเทศไทยมีความร่วมมือที่ดีกับ UNDP มาโดยตลอด

ขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงนายฟิลลิป สเวน โซเรนแซน ที่ปรึกษาสมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 16 กุสตาฟแห่งสวีเดน เข้าพบในฐานะทำงานด้านเอ็นจีโอดูแลปัญหาการค้ามนุษย์และปัญหาการทำร้ายร่างกายเด็กว่า นายฟิลลิป นำความปรารถนาดีของสมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 16 กุสตาฟแห่งสวีเดนที่ทรงชื่นชมยินดีที่เรามีกฎหมายการปราบปรามการค้ามนุษย์และคุ้มครองเด็ก มีบทลงโทษบุคคลที่นำเด็กไปทรมานหรือนำเด็กไปใช้เป็นเหยื่อ ทำให้ไทยก้าวหน้ากว่าหลายประเทศ และเป็นแบบอย่างให้หลายประเทศ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน