‘ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ’ เผยวินาทีรัฐประหาร ดุเดือด ตัวแทนรัฐบาลทุบโต๊ะสู้ ถูกคลุมหัว มัดมือ ชี้ถูกหลอกไปเจรจา แต่แท้ที่จริง เขาจะยึดอำนาจ

ผ่านมาแล้วกว่า 5 ปี สำหรับการรัฐประหาร ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ซึ่งนำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะ ผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ช่วงบ่ายของวันนั้น

“ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช.” หนึ่งในผู้อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งเป็นวินาทีรัฐประหาร ได้ถ่ายทอดเหตุการณ์ในวันนั้น ผ่านตัวอักษร บนเฟซบุ๊กแฟนเพจ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โดยได้เล่าความทรงจำของตนเองในวันนั้น อย่างละเอียด ทั้งก่อนหน้ารัฐประหาร ขณะทำรัฐประหาร และหลังจากรัฐประหารสำเร็จแล้ว โดยนายณัฐวุฒิ เล่าว่า

5 ปีผ่านไป ไวเหมือนคำโกหกของผู้มีอำนา

22 พฤษภาคม 2557 ผมออกจากเวทีถนนอักษะพร้อมเพื่อนแกนนำนปช. เพื่อเตรียมตัวไปเจรจาร่วมกับทุกฝ่ายที่สโมสรทหารบกอีกครั้ง ก่อนถึงเวลานัดหมายเราแวะกินข้าวที่ร้านอาหารแถวเกษตร-นวมินทร์ ระหว่างนั้นผมได้รับการติดต่อจากข้าราชการผู้ใหญ่คนหนึ่ง บอกว่ามีคำสั่งเตรียมเฮลิคอปเตอร์ ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องจะยึดอำนาจและควบคุมตัวทันที

ทุกคนบนโต๊ะอาหารเห็นตรงกันว่าการเจรจาคือการหาทางออกจากความขัดแย้งโดยสันติวิธี การต่อสู้ของประชาชนเป็นเรื่องที่มีเกียรติ เราปฏิเสธวิถีทางนี้ไม่ได้ และเชื่อว่าทุกฝ่ายก็ควรมีเกียรติที่จะรักษาสัจจะในวงเจรจา

ไปถึงสโมสรทหารบกพบบรรยากาศแปลกแปร่งกว่าวันแรก มีการเรียกเก็บอุปกรณ์สื่อสาร กำลังทหารก็ดูคึกคักแข็งขันเหมือนเตรียมการจะทำศึกใหญ่

ในใจรู้สึกแต่ทุกอย่างเดินหน้าต่อไป

ในห้องประชุมยังหาข้อสรุปไม่ได้ แยกวงเจรจาเฉพาะนปช.กับกปปส. เจอข้อเสนอของนายสุเทพซึ่งพูดอย่างชัดเจนตรงไปตรงมา ผมเป็นคนตอบไปว่าเรารับไม่ได้ สิ่งนั้นไม่เป็นไปตามหลักการประชาธิปไตย

กลับเข้าที่ประชุมใหญ่ เมื่อนายชัยเกษม ตัวแทนรัฐบาลตอบคำถามว่า “โดยกฎหมายลาออกไม่ได้” พล.อ.ประยุทธ์ก็ประกาศยึดอำนาจทันที แล้วลุกออกจากห้องสวนกับกำลังทหารอาวุธครบมือที่กรูกันเข้ามาควบคุมตัวทุกคน ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีการวางแผนไว้แล้วว่าชุดไหนประกบใค

“ชัยเกษม นิติสิริ” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อดีตอัยการสูงสุด แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย (ขอบคุณภาพจาก Voice Online)

แกนนำนปช.ถูกพาตัวไปขึ้นรถ มัดมือเอาผ้าคลุมหัวแล่นออกไปไม่นานนักก็จอด แล้วฉุดดึงเราไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ซึ่งบินไปอีกพักใหญ่ เมื่อลงจอดก็ถูกฉุดมือเดิน ผมพยายามเอาเท้าลากพื้นสัมผัสได้ว่าเป็นสนามหญ้า ฝนตกพรำๆจนเปียกตามตัว

“เต้น” “ตู่” เสียงพี่วีระร้องเรียกเมื่อเราถูกดันตัวขึ้นรถอีกคัน ฟังเสียงพออนุมานได้ว่าเป็นรถบรรทุกทหาร “ครับ” พวกผมขานรับแล้วเสียงรถก็กลบทุกเสียงไป พอรถจอดได้ยินเสียงคนเดินลง ผมยังถูกนั่งกระหนาบไม่ได้ขยับไปไหน

รถเคลื่อนตัวอีกครั้ง ครู่เดียวก็จอด ผมถูกพาตัวลงเดินจนได้ยินเสียงเปิดประตูแล้วดันตัวผมเข้าไป เท้าเหยียบพื้นรู้สึกได้ว่าเป็นน้ำแฉะๆ เขาบอกว่าถึงที่พักแล้ว จากนั้นแก้มัดแล้วถอดผ้าคลุมหัวให้

ภาพที่เห็นคือห้องทึบขนาด 3 คูณ 3 เมตร ตรงกลางมีท่อประปาขนาดใหญ่ทะลุเพดานขึ้นไป ที่พื้นมีน้ำขังอยู่เป็นจุดๆ รู้ได้ทันทีว่าเป็นห้องเก็บเครื่องมือของแทงค์ประปา

ผมนั่งคนเดียวบนเตียงสนาม มีพัดลมเก่าจนสั่นส่งเสียงโกรกกรากเวลาหมุนวางอยู่ด้านข้าง ไม่มีหน้าต่าง ไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน บอกตัวเองว่าอาจต้องอยู่ในนี้เป็นปี เริ่มวัดระยะพบว่าวิดพื้นและซอยเท้าวิ่งอยู่กับที่ได้

ต้องออกกำลังเพื่อรักษาสภาพร่างกาย เพราะไม่ห่วงเรื่องสภาพจิตใ

สักพักเขาเอาข้าวกล่องมาส่ง แล้วคลุมหัวอีกครั้งเพื่อจูงมือไปอาบน้ำในห้องน้ำที่ไม่มีประตู พื้นเป็นดิน ฝาสังกะสีผุๆ มีถังพลาสติกแตกบิ่นรองน้ำกับขันซึ่งน่าจะเก่าที่สุดในค่ายไว้ตักอาบ

เสร็จแล้วคลุมหัวอีกทีเพื่อจูงกลับมาที่ห้องสูท ให้ผมนอนสบตากับเพดาน ฟังเสียงพัดลมร้องคร่ำครวญจนหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย รุ่งเช้าอากาศร้อนขึ้นตลอดเวลา ผมถอดเสื้อผ้านุ่งกางเกงในตัวเดียวนั่งจมเหงื่ออยู่ในนั้น จนราว 11.00 น. ได้ยินเสียงไขกุญแจ

“เชิญครับ จะพาไปอยู่ที่ใหม่ น่าจะดีกว่านี้” …

นี่คือเรื่องราวของผมเมื่อ 5 ปีก่อน

เขาบอกผมว่าไปเจรจา แท้จริงคือการวางแผนยึดอำนาจ 5 ปีมาแล้วเช่นกันที่เขาบอกว่าจะอยู่ไม่นาน และตั้งใจมาปฏิรูปด้วยความซื่อสัตย์สุจริต แต่แท้จริงเป็นเช่นไร?

ผ้าคลุมหัวผมถูกเปิดแล้วตั้งแต่กลางดึกคืนนั้น แต่ประชาธิปไตยและอนาคตของประเทศไทยยังถูกคลุมหัวมัดมืออยู่หรือไม่?

22 พฤษภาคม 2557 เกิดขึ้นด้วยคำลวง และมีแต่เปล่งวาจาหลอกลวงจนถึงที่สุด จึงจะทำให้เจ้าของคำลวงดำรงอยู่ต่อไปได้

แต่จะทำอย่างไรล่ะ ในเมื่อคนจำนวนหนึ่งยังเชื่ออยู่จนถึงวันนี้


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน