ล้อมรั้วขวางทางเท้า สกัดม็อบ 5 ปีคสช. ดีอาร์จีปลุกต้าน “ประยุทธ์” สืบทอดอำนาจ

5 ปีคสช. / เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 22 พ.ค. บริเวณแยกราชประสงค์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย หรือ ดีอาร์จี จัดกิจกรรม “RIP-NCPO : Respect Intention of People : เคารพเจตนารมณ์ของประชาชน” เนื่องในวันครบรอบ 5 ปีการรัฐประหารของคสช. นำโดยน.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์

โดยมีประชาชนจำนวนหนึ่งกว่า 50 คนทยอยเข้าร่วม ชูป้ายโจมตีความล้มเหลวของรัฐบาลคสช. และการสืบทอดอำนาจหลังการเลือกตั้ง โดยมุ่งโจมตีไปที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. นายกฯ และแคนดิเดตนายกฯพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เช่น “เคารพเจตนารมณณ์ของประชาชน” “หยุดสืบทอดอำนาจ” “หยุดใช้กฎหมายปิดปากประชาชน”

และร่วมเขียนไปรษณียบัตรไปถึง 250 ส.ว.จากการแต่งตั้งของคสช.ให้เคารพประชาชนในการลงมติเลือกนายกฯร่วมกับส.ส.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศเป็นไปอย่างขลุกขลัก เนื่องจากเจ้าของศูนย์การค้าย่านราชประสงค์นำรั้วมาปิดกั้น ไม่อนุญาตให้ใช้พื้นที่

เช่นช่วงหนึ่งนพ.ทศพร เสรีรักษ์ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่เข้าร่วมกิจกรรม จัดนิทรรศการริมถนน “คนไม่ทนคสช.” นำรูปวาดนักกิจกรรมและนักเคลื่อนไหวที่ต่อต้านคสช.ตลอด 5 ปี กว่า 20 คน มาจัดแสดง เพื่อเป็นการให้กำลังใจคนที่เสียสละต่อสู้ทางการเมืองเพื่อระบอบประชาธิปไตย

ถูกเจ้าหน้าที่เชิญออกจากพื้นที่ เมื่อย้ายมายังแยกราชประสงค์ก็ต้องเผชิญกับ กระถางต้นมาที่เจ้าหน้าที่นำมาวางขวางทางเท้า ตั้งแต่การรำลึก 9 ปีสลายการชุมนุนมกลุ่มนปช. เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา ประกอบกับศูนย์การค้าก็นำรั้วมาขวาง ทำให้บรรยากาศค่อนข้างอึดอัด ผู้สัญจรผ่านไปมาก็ติดขัด จากการปิดล้อมพื้นที่

แถลงการณ์ 5 ปีรัฐประหาร

ต่อมาเวลา 18.30 น. มีการอ่านแถลงการณ์แถลงการณ์ เรื่อง ครบรอบ 5 ปี รัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

22 พฤษภาคม 2557 ท่ามกลางสถานการณ์ความวุ่นวายในประเทศจากการชุมนุมขัดขวางการเลือกตั้งและเรียกร้องอำนาจนอกระบบ นายทหารกลุ่มหนึ่งในนามคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้สนองความต้องการของผู้ชุมนุมด้วยการทำรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลเลือกตั้ง

โดยอ้างวัตถุประสงค์ต่างๆ นานา ทั้งการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน การปฏิรูปประเทศ การคืนความสุขให้คนในชาติ และจะขอเวลาเพียงไม่นาน

นับแต่นั้นมาประชาชนชาวไทยทั้งประเทศก็ได้สักขีพยานในความประพฤติมิชอบของ คสช. และพวกพ้องนับครั้งไม่ถ้วน ทั้งการทุจริตคอร์รัปชันที่พวกเขาเคยอ้างว่าจะเข้ามาปราบปรามแต่กลับกระทำเสียเอง การละเมิดสิทธิมนุษยชนและคุกคามผู้เห็นต่างทางการเมืองถึงขั้นมีผู้เสียชีวิต การเอื้อประโยชน์แก่กลุ่มทุนเพื่อให้เป็นฐานสนับสนุนพวกตน

หรือการแต่งตั้งพวกพ้องและญาติมิตรเข้าไปดำรงตำแหน่งในองค์กรของรัฐหรือคณะกรรมการต่างๆ รับรายได้จากภาษีประชาชนรวมทั้งหมดเป็นจำนวนหลักพันล้านบาท

ที่เลวร้ายที่สุด คสช. ได้วางแผนตระเตรียมการเพื่อสืบทอดอำนาจทางการเมืองของพวกตนไปอีกอย่างยาวนาน โดยการร่างรัฐธรรมนูญกำหนดให้องค์กรที่มาจากการแต่งตั้งโดยพวกตน เช่น วุฒิสภา, ศาลรัฐธรรมนูญ, คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

มีอำนาจครอบงำสภาผู้แทนราษฎรและรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน มียุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศเป็นเสมือนธรรมนูญแอบแฝงให้อำนาจแก่องค์กรแต่งตั้งเหล่านี้เพื่อหนุนเสริมการดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่เป็นฝ่ายตน หรือขัดขวางการดำเนินนโยบายหากรัฐบาลมาจากฝ่ายตรงข้าม ออกแบบกติกาการเลือกตั้งที่เอื้อให้สามารถตั้งพรรคการเมืองของพวกตนเข้าแข่งขันโดยได้เปรียบที่สุด

โดยละเลยปัญหาการสะท้อนเจตนารมณ์ที่แท้จริงของประชาชนของตัวระบบการเลือกตั้งเอง ตั้งพรรคการเมืองโดยกวาดต้อนนักการเมืองหน้าเดิมที่พวกตนเคยประณามหยามเหยียดเพียงเพราะหวังคะแนนเสียงเป็นสำคัญ ไม่ยอมยกเลิกคำสั่งห้ามพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรม

ในขณะที่พวกตนหาเสียงได้แต่เพียงผู้เดียวภายใต้ข้ออ้างว่าปฏิบัติภารกิจในฐานะรัฐบาล โดยใช้ทั้งเงินภาษีประชาชนและบุคลากรของหน่วยงานราชการเป็นเครื่องมือ สมคบกับคณะกรรมการการเลือกตั้งที่พวกตนแต่งตั้งขึ้นมาเพื่อจัดการเลือกตั้งให้ออกมาในสภาพที่เป็นประโยชน์แก่พวกตน

เล่นแร่แปรธาตุกับผลการลงคะแนนเสียงจนทำให้มีพรรคการเมืองที่คะแนนเสียงไม่ถึงคะแนนขั้นต่ำของการได้รับจำนวน ส.ส. พึงมี 1 คน เข้ามาในสภาถึง 11 พรรค

สร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นประโยชน์ต่อการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลโดยพรรคการเมืองของ คสช. รวมถึงแต่งตั้งพวกพ้องและญาติมิตรเข้าไปดำรงตำแหน่ง ส.ว. เพื่อให้ช่วยลงมติเลือกหัวหน้า คสช. เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป

สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่ายุคสมัยของ คสช. จะยังไม่จบสิ้นลงง่ายๆ พวกเขาจะยังคงแทรกซึมอยู่ในแทบทุกองค์กรของรัฐ และจะยังมีบทบาทครอบงำการเมืองไทยต่อไปไม่มากก็น้อย แต่สิ่งที่พวกเขาจะไม่มีวันมีคือความชอบธรรมในทางประชาธิปไตย

พวกเขาล้มเหลวในการชุบตัวผ่านการเลือกตั้งในครั้งนี้ แม้จะเข้ามาในสภาก็ไม่อาจเรียกตัวเองว่าเป็นผู้แทนราษฎรได้ หรือแม้จะจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จก็จะเป็นรัฐบาลที่ขาดความชอบธรรม สมควรแก่การถูกขับไล่อยู่เสมอ

เราจะเดินหน้าต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช. ต่อไป และขอให้ประชาชนชาวไทยทุกคนมาร่วมแรงร่วมใจกัน ถอนรากถอนโคนเผด็จการ คสช. ให้หมดไปจากการเมืองไทยโดยถาวร ให้ 1 ปีนับจากนี้เป็นปีสุดท้ายของพวกเขา และเปลี่ยนวันรำลึกครบรอบรัฐประหารในปีหน้าให้เป็นวันฉลองชัยชนะของประชาชน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน