‘ปารีณา’จ๋อย ผู้ใหญ่พปชร.เรียกอบรม มาดามเดียร์ ชี้เป็นเรื่องปัจเจกบุคคล เชื่อไม่กระทบงานในสภา วอนสังคมให้ความเป็นธรรม ปมได้นั่งส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ยันไม่ได้ถือหุ้นสื่อแล้ว
- อ่านข่าว – ปารีณา ลั่นอย่ากินปูนร้อนท้อง โอดเป็นเหยื่อโซเชียล ขู่ฟ้องชาวเน็ต ปัดไม่สู้คน!
- อ่านข่าว – ส.ส.หญิง พลังประชารัฐ ท้า ‘ช่อ’ เจอในไลฟ์ จะสอนมารยาทในสภา เตือนสติติ่งส้ม!?
- อ่านข่าว – อาจารย์ม.สารคาม เตือน ‘ปารีณา’ เพื่อนเก่า อย่าลืม ส.ส.เป็นตัวแทนประชาชน
มาดามเดียร์ – เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 30 พ.ค. ที่อาคารรัฐสภาใหม่ น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี หรือมาดามเดียร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์หลังเข้ารายงานตัวเป็นส.ส.ต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กรณีนางปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ วิจารณ์การทำงานของน.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ด้วยถ้อยคำไม่เหมาะสมว่า ผู้ใหญ่ของพรรคได้เรียกนางปารีณา เข้าหารือ แต่ตนไม่ทราบว่ารายละเอียดการพูดคุยมีประเด็นใดบ้าง
ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องของปัจเจกบุคคลและเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับพรรค ดังนั้น เชื่อว่าการทำงานในสภาจะไม่เป็นปัญหา ทั้งนี้ ส.ส.ทุกคนพึงศึกษาข้อบังคับและระเบียบที่ใช้ในการประชุมสภา โดยมั่นใจว่าส.ส.จะปฏิบัติตามกติกาดังกล่าว
“เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนบุคคล อย่าเหมารวม หรือตีความว่าจะกระทบต่อภาพลักษณ์การทำงานของส.ส.หญิงคนอื่นๆ” น.ส.วทันยา กล่าว
น.ส.วทันยา กล่าวถึงกรณีถูกวิจารณ์การเข้ารับตำแหน่งส.ส.ว่า ขอเรียกร้องความเป็นธรรมจากสังคมเพราะการคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อเป็นไปตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญ รวมถึงสูตรคำนวณจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยกกต.ได้อธิบายวิธีคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อชัดเจนแล้ว การวิจารณ์ที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากความเข้าใจคลาดเคลื่อน
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
ทั้งนี้ การคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ ไม่ได้นำคะแนนเฉพาะการเลือกตั้งใหม่ที่เขต 8 จ.เชียงใหม่เท่านั้น แต่นำคะแนนเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมาของทั่วประเทศมาพิจารณา ซึ่งขณะนั้นพรรคพลังประชารัฐควรได้ส.ส.บัญชีรายชื่อ 19 คน แต่ติดปัญหาเลือกตั้งใหม่ที่ จ.เชียงใหม่ ทำให้ กกต.รับรองส.ส.บัญชีรายชื่อไม่ครบ 150 คน อย่างไรก็ตามเมื่อ กกต.ประกาศรับรองส.ส.ครบ 150 คน ต้องน้อมรับสิ่งที่ กกต. ประกาศ
น.ส.วทันยา กล่าวว่า ตนไม่กังวลที่ถูกตั้งข้อสังเกตถึงการถือหุ้นในกิจการสื่อมวลชน ซึ่งเป็นลักษณะต้องห้ามการลงสมัครส.ส. เนื่องจากก่อนเลือกตั้ง ตนทยอยขายหุ้นในกิจการสื่อที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์เป็นระยะ และกระทำเปิดเผยต่อสาธารณะ ไม่ได้เป็นความลับ ทุกขั้นตอนตรวจสอบได้
ส่วนที่สังคมตั้งข้อสังเกตต่อกรณีนายฉาย บุนนาค สามี เป็นเจ้าของกิจการสื่อมวลชนนั้น ยืนยันว่าสามีและครอบครัวปฏิบัติตามระเบียบ ส่วนตนไม่ได้เป็นเจ้าของหรือถือหุ้นในกิจการสื่อใดๆ