‘เพื่อไทย’ แจงทิศทางทางการเมือง พร้อมนำฝ่ายค้าน ยัน เข้มข้น ฐานข้อมูลแน่น ปลุกประชาชน แก้ไขรัฐธรรมนูญ

เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า ภารกิจและความรับผิดชอบของพรรคเพื่อไทยในสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่เพียงต้องให้ความสำคัญกับบทบาทการต่อสู้ เป็นปากเสียงให้พี่น้องประชาชนในระบบรัฐสภาเท่านั้น หากยังมีภารกิจในการทำงานในด้านต่างๆ อีกมากมาย เพื่อให้การคัดค้านการสืบทอดอำนาจ คสช.ภายใต้ รูปลักษณ์ของ รัฐบาลประยุทธ์ 2 สามารถสร้างแนวร่วมและการตระหนักรู้ใหม่ ที่เชื่อมโยงไปถึงปัญหาโครงสร้างประชาธิปไตยของประเทศ และการยึดครองอำนาจเพื่อผลประโยชน์พวกพ้องตน

การรับรู้ในคุณภาพใหม่จะมีส่วนให้เกิดการตรวจสอบจากพลังประชาชนนอกสภา เครือข่ายภาคประชาชนต่าง ๆ และทำให้อำนาจเก่าถูกสั่นคลอนแน่นอนในอนาคตอันใกล้ ในส่วนพรรคเพื่อไทย มีภารกิจที่ต้องร่วมมือกันในหลายด้าน ด้านแรก​การทำหน้าที่ตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจรัฐบาลในสภาฯ การต่อสู้ในสภาฯ ครั้งนี้มีความยากลำบากกว่าเดิม เพราะกฎเกณฑ์กติกาที่บิดเบี้ยว

ดังนั้นภารกิจในการสร้างความเข้มแข็งของการทำงานในสภาฯ จึงเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็น การพัฒนาระบบตรวจสอบที่เข้มข้น มีฐานข้อมูลที่ชัดเจน ผ่านการอภิปรายที่มีเหตุผล มีน้ำหนักในการนำเสนอ โดยการทำงานเป็นทีมของ ส.ส.และผู้มีประสบการณ์ทั้งหลายจะเป็นหลักประกันว่าพรรคเพื่อไทยเข้าใจปัญหาประชาชนในเชิงลึก รับฟังประชาชนอย่างมีคุณภาพ และใส่ใจกับการผลักดันให้มีการแก้ไขปัญหาของประชาชนอย่างจริงจัง เร่งด่วน ทั้งนี้เพื่อความโปร่งใส เชื่อถือได้ในการปฏิบัติหน้าที่ ตามที่ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน

นายภูมิธรรม ระบุว่า ด้านที่สอง​การสร้างการมีส่วนร่วมของเครือข่าย องค์กรภาคประชาชน และประชาชนที่มีหัวใจรักประชาธิปไตย เป้าหมายการร่วมมือกันเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ส่งผลเสียหายระยะยาวของประเทศ จำเป็นต้องเดินหน้าคู่ขนานกันไปกับการทำงานในสภาฯ แต่ต้องมุ่งเป้าหมายไปที่การประสาน สร้างความเข้าใจและทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายหลายภาคส่วน เพื่อให้ยกระดับความเข้าใจไปสู่คุณภาพใหม่ มองเห็นการแก้รัฐธรรมนูญไม่ใช่ในมิติกฎหมายเพียงด้านเดียว แต่เห็นครอบคลุมถึงมิติการละเมิดสิทธิ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

การใช้กลไกรัฐในการทำลายผู้เห็นต่างอย่างไร้คุณธรรม เลือกปฏิบัติอย่างไร้มาตรฐาน ไม่เท่าเทียม การใช้อำนาจจากรัฐธรรมนูญดังกล่าวไม่เพียงก่อผลกระทบต่อมิติทางการเมือง แต่ที่สำคัญมากกว่านั้นคือกระทบต่อความเป็นธรรมทางสังคมและคุณภาพชีวิตของประชาชนที่ยิ่งตกต่ำ ไม่มีใครสนใจดูแลอย่างแท้จริงเป็นเวลานาน

ดังนั้นการทำงานกับเครือข่ายภาคประชาชนและประชาชนที่รักความเสมอภาค เข้าใจผลร้ายจากความอยุติธรรมที่เกิดขึ้น จึงเป็นการระดมความคิด สร้างทางเลือกใหม่ๆ ในการแก้ปัญหาทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับจังหวัด ภูมิภาคและระดับชาติ ซึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมาองค์กรเหล่านี้มีการขยายตัวเติบโต แก้ปัญหาในพื้นที่ของตนอย่างสร้างสรรค์ในระดับหนึ่ง นับเป็นต้นทุนที่มีคุณค่าอยู่แล้วในการทำงานร่วมแก้ปัญหาให้ประเทศ ดังนั้นจึงเป็นทิศทางที่พรรคเพื่อไทยต้องสร้างการมีส่วนร่วมอันจะนำไปสู่การร่วมกันยกระดับความรับรู้ใหม่ เพื่อจัดการปัญหาในระดับคุณภาพใหม่ต่อไป

นายภูมิธรรม ระบุต่อว่า ด้านที่สาม​ การสร้างพรรคเพื่อไทยให้เป็นสถาบันการเมืองที่เข้มแข็ง เจตนารมณ์ของพรรคเพื่อไทย คือการสร้างพรรคการเมืองนี้ให้เป็นสถาบันการเมืองที่มั่นคง เข้มแข็ง สามารถทำงานการเมืองเพื่อตอบสนองประโยชน์ของประชาชนได้อย่างต่อเนื่องระยะยาว ไม่ใช่เป็นพรรคการเมืองที่จะมีชีวิตในช่วงการเลือกตั้งและเปิดสภาฯเท่านั้น การที่พรรคการเมืองจะเข้มแข็งและอยู่ในใจประชาชนได้ ต้องผ่านการพิสูจน์มาแล้วอย่างยาวนาน ร่วมทุกข์กับประชาชนและผลักดันแก้ไขปัญหาให้ประชาชนอย่างจริงจัง

พรรคการเมืองต้องไม่ใช่พรรคที่มีชีวิตชั่วครั้งคราว แต่เป็นพรรคที่ประชาชนนึกถึงและมอบความไว้วางใจให้จากรุ่นสู่รุ่น การสร้างพรรคเพื่อไทย ให้เป็นสถาบันทางการเมืองที่เข้มแข็งจึงต้องให้ความสำคัญกับการทำงานของกลไกพรรคและบุคลากรทุกระดับ รวมไปถึงการทำให้ผู้แทนราษฎรในนามพรรคเพื่อไทยมีเกียรติและศักดิ์ศรีในสายตาของประชาชน ขณะเดียวกันการเร่งรัดทำงานกับประชาชน ชุมชนในพื้นที่อย่างเคารพ ยอมรับในความปรารถนาดีของกันและกัน ก็จะเป็นการสร้างพลังหล่อเลี้ยงให้พรรคเพื่อไทยมีความเข้มแข็งที่เป็นจริงเพิ่มขึ้น ผู้แทนราษฎรเองก็มีความสุขและความเชื่อมั่นในพรรคเพื่อไทยตลอดไป

ด้านที่สี่​​ การสร้างฐานมวลชนที่มั่นคงและเข้มแข็ง พรรคเพื่อไทยมีต้นทุนการยอมรับจากฐานมวลชนอย่างมั่นคงมาเป็นเวลายาวนาน นับเป็นเกียรติยศที่พรรคได้รับความไว้วางใจมากขึ้น การสร้างฐานมวลชนทั้งในเมืองและชนบทมีธรรมชาติที่ต่างกัน รวมไปถึงฐานมวลชนในชุมชนสื่อสังคมออนไลน์ที่มีอิทธิพลมากขึ้นและพร้อมจะเป็นปากเสียงของความถูกต้องชอบธรรมในรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น

“สถานการณ์เช่นนี้นับเป็นโอกาสการสร้างการเรียนรู้ใหม่ให้บุคลากรและกลไกทุกระดับของพรรคเพื่อไทย การขยายทิศทางการทำงานจึงเป็นการแสวงหาคุณค่าประสบการณ์จากทรัพยากรของพรรค ผู้อาวุโสมากประสบการณ์ ได้รับการยอมรับอย่างสูง สมาชิกพรรคและผู้แทนราษฎรที่ต่างมีฐานมวลชนของท่านเอง สมาชิกรุ่นใหม่ของพรรค ที่อุดมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาระบบงานต่างๆ คุณค่าที่จะได้จากต้นทุนทุกระดับย่อมจะนำไปสู่การเป็นผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงให้พรรคได้ทั้งสิ้น

ทิศทางการสร้างฐานมวลชน ผู้ร่วมกำหนดนโยบาย คนทำงาน คนสื่อสาร คนลงมือปฏิบัติ จึงเป็นองคาพยพร่วมกันที่จะทำให้พรรคเพื่อไทยมีความเข้มแข็ง และเป็นพรรคที่น้อมตัวรับใช้และอยู่ในใจประชาชนไปอีกนานเท่านาน” นายภูมิธรรม ระบุ


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน