เมื่อวันที่ 19 มี.ค. ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ท่าพระจันทร์ ฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มธ. ศูนย์วิจัยและพัฒนากฎหมาย คณะนิติศาสตร์ มช. เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง(คนส.) หลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตกฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มธ. จัดเสวนา หัวข้อ “คดีขัดคำสั่งคสช. และคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116”

นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บ.ก.ลายจุด แกนนอนกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง กล่าวว่า อย่างที่ใครๆมักบอกว่าตนเป็นคนที่พูดไม่รู้เรื่อง และชอบคิดเขียนบทละคร ซึ่งวันนี้ก็คิดถึงบทเรื่องปล้นธนาคาร ซึ่งความเป็นจริงโจรมักบอกว่า ทุกคนอยู่ในความสงบ แล้วยกมือขึ้น แล้วคนที่วางแผนปล้นคือรปภ.ในธนาคารนั่นเอง แต่จุดพลิกผันของเรื่องคือ แทนที่ปล้นเสร็จจะรีบออกไป แต่เกิดอาการเคลิ้ม จากที่ดูหนังมาหลายเรื่องก็เห็นผู้ที่รอดในทุกเรื่องคือต้องทำท่าแบ 10 นิ้วชู 2 มือขึ้นนี่รอดทุกราย ดังนั้น ถ้าใครแสดงท่าชู 3 นิ้วจะไม่รอด เหมือนคนที่ชู 3 นิ้วแล้วติดคุกอยู่ที่ขอนแก่น

นายสมบัติ กล่าวว่า การที่มีกลุ่มบุคคลมายึดอำนาจออกคำสั่งออกกฎหมาย ตนไม่ได้รู้สึกว่าไม่ใช่กฎหมาย แต่เป็นเพียงประกาศเท่านั้น ดังนั้นเมื่อครั้งถูกเรียกรายงานตัวจึงไม่ได้ไป จนถูกอายัดบัญชีไม่ให้ทำธุรกรรม ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่บุกจับตัว และก็ได้สู้คดีขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน และศาลระบุว่าคำสั่งคสช.มีสถานะเป็นกฎหมาย จึงถูกสั่งปรับไป และกล่าวหาว่าตนบังอาจโพสต์เฟซบุกต่อต้าน ยุยงปลุกปั่น

“ถ้าผมอยู่ในกระบวนการยุติธรรม ผมจะยอมรับกระบวนการยุติธรรมเพราะผมทำผิดกฎหมาย แต่ถ้าผมติดคุก เพราะเขายึดอำนาจสำเร็จ ผมเห็นว่าไม่เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม ผมจึงไม่เข้าใจ ด้วยความด้อยปัญญาว่ายุติธรรมอย่างไร ผมไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ผมไม่ผิด” นายสมบัติ กล่าว

ด้าน นายปิยบุตร แสงกนกกุล คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ นักวิชาการคณะนิติราษฎร์ กล่าวว่า ศาลไทยกับรัฐประหารอยู่คู่กันมาตลอด ดังนั้นแนวคำพิพากษาก็จะเขียนคล้ายกันหมด ดังนั้นเราควรออกนอกประเทศไปมองประเทศอื่นดีกว่า และจะเห็นว่าพอยึดอำนาจเสร็จคนทำก็จะไปลงเลือกตั้ง แต่ของไทยยังอยู่ในอำนาจ อยู่ยาวกำลังจะครบ 3 ปี ประเทศฟิจิเป็นประเทศต้นแบบของการรัฐประหารแล้วผู้นำยึดอำนาจก็มาลงเลือกตั้ง แต่ในปากีสถานพออยู่ในอำนาจนานๆก็พยายามยัดเรื่องคอรัปชั่นให้คู่แข่งถูกดำเนินคดี

นายปิยบุตร กล่าวว่า ซึ่งศาลควรมีเทคนิคในการคลี่คลายคดี ไม่ใช่เห็นชอบกับแนวทางอำนาจคสช.ไปเสียหมด อย่าทำแบบที่ผ่านมาที่มักจะระบุว่า ยึดอำนาจเสร็จแล้วเขียนกฎหมายใหม่ ดังนั้นจะพูดได้อย่างไรว่าสังคมยอมรับรัฐประหาร แล้ววัดอย่างไรว่ายึดสำเร็จ เมื่อคณะรัฐประหารยึดอำนาจแล้วก็ต้องพยายามทำให้อาวุธแปลเป็นกฎหมาย โดยดึงนักกฎหมายกลุ่มหนึ่งเข้ามาช่วย เพื่อนำกฎหมายมัดอีกฝ่ายหนึ่ง และมักย้ำว่าได้ทำตามกฎหมาย เพื่อให้เกิดความชอบธรรม ดังนั้นเราต้องเปรียบเทียบเอาระหว่างประเทศอื่นกับประเทศไทย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน