เสี่ยแฮงค์ เดือดจัด! ซัดคนบางกลุ่มจ้องให้ร้าย “สามมิตร” ขู่ยังไม่หยุดโดนแฉเป็นข่าวดังระดับประเทศแน่ เชื่อ ‘บิ๊กตู่’ รักษาสัจจะชายชาติทหาร วอนยกเก้าอี้ รมว.พลังงานให้ ‘สุริยะ’ ตามที่รับปาก แล้วจะยอมกราบเท้า

วันที่ 29 มิ.ย. ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งภาคกลางของพรรคพปชร. เปิดแถลงข่าวภายหลังมีกระแสข่าวหลุดจากเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ว่า ก่อนอื่นตนขอบอกก่อนว่าในฐานะที่เคยเป็นอดีตผู้จัดการฟุตบอลทีมชาติไทยชุดใหญ่ เพราะเป็นคนไม่ชอบเด่นดัง ทำงานเพื่อส่วนรวม นั่นคือชีวิตจิตใจของตน และเป็นนักเสียสละด้วยซ้ำ และทุกครั้งที่แถลงข่าว ขอให้มั่นใจว่าสิ่งที่ตนพูดออกไปมาจากตัวเอง ไม่มีใครมาแต่งเติมให้ และออกมาจากความรู้สึกจากจิตใจของตนจริง ๆ

“ผมกราบขอบคุณนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ที่ได้จัดโผครม.เมื่อวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา และได้บอกกับหัวหน้าว่าจบแล้ว ห้ามมีการเปลี่ยนแปลงเด็ดขาด และโผนั้นก็มีชื่อผมเป็นรมช.คลัง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นรมว.พลังงาน ผมคิดว่านายกฯทราบดีเรื่องการทำงานของพวกผมที่ได้ทุ่มเททำงานหามรุ่งหามค่ำตั้งแต่เริ่มตั้งพรรคพปชร.จนถึงวันเลือกตั้ง เพื่อหวังว่าให้ส.ส.ทุกคนประสบความสำเร็จ และเพื่อความสำเร็จของพรรค และที่สำคัญสูงสุดคือ ได้นายกฯที่พปชร.และประชาชนต้องการคือพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯอีกรอบหนึ่ง และเราก็ทำจนประสบความสำเร็จ” นายอนุชา กล่าว

นายอนุชา กล่าวว่า ซึ่งผลสำเร็จดังกล่าวมาจากองค์ประกอบสำคัญ 5 ข้อ ได้แก่ 1.พรรคเสนอผู้นำที่ดีในการชิงตำแหน่งนายกฯ 2.การเงินของพรรค 3.การมีบุคลากรที่ดีในการเป็นผู้สมัครส.ส. 4.มีนโยบายที่ดี มียุทธศาสตร์ที่ดีในการรณรงค์หาเสียง และ 5.การจัดการบริหารงานของพรรคที่ดี ซึ่งข้อ 1 กับข้อ 2 นั้น พวกตนไม่สามารถเข้าไปเกี่ยวข้องได้มากนัก แต่ก่อนเข้าพปชร.ก็คิดกันถี่ถ้วนแล้วว่า ต้องการให้พล.อ.ประยุทธ์เป็นายกฯอีกสมัย ส่วนข้อ 3-5 นั้น พวกตนมีส่วนเกี่ยวข้องในการดำเนินงานร่วมกับเพื่อพี่น้องและผู้บริหารในพปชร.ทุกคนจนประสบความสำเร็จ

นายอนุชา กล่าวต่อว่า ซึ่งสื่อมวลชนในพรรคก็ทราบดีว่า ตนทำงานในพรรคหนักขนาดไหน แต่ไม่เคยคิดว่าเป็นสาระสำคัญ เพราะสิ่งที่หวังไว้คือพปชร.สามารถรวบรวมคะแนนเสียงข้างมากได้ และจัดตั้งรัฐบาลได้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯอีกหนึ่งสมัย และถึงวันนี้ตนก็ภูมิใจที่ได้ทำงานกับทุกคน

นายอนุชา กล่าวอีกว่า ในพรรคหากใครมีปัญหาอะไรที่ทำไม่ได้ ก็มาใช้หรือวานตน หัวหน้า เลขาฯ ผอ.พรรค ที่ชื่อ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ต่างก็ทราบดี แต่ตอนนี้กลับมีกระแสข่าวหนาหูว่ามีการปรับเปลี่ยนชื่อคนเป็นรัฐมนตรี เช่น ตน นายอัครา นายสุชาติ ชมกลิ่น ที่ตามข่าวว่าหลุดจากโผ หรือแม้แต่ชื่อนายสุริยะ ต้องถูกเปลี่ยนเก้าอี้จากรมว.พลังงานไปรมว.อุตสาหกรรม แต่เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตนก็ย้ำไปแล้วว่า นายกฯเคยบอกหัวหน้าพรรคไว้แล้วว่าโผไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพราะนายกฯเป็นชายชาติทหาร เป็นนายกฯของประเทศไทย และจะเป็นผู้นำพาประเทศชาติไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง

นายอนุชา กล่าวว่า พวกเราจึงมั่นใจในคำพูด และเชื่อถือคำพูดของพล.อ.ประยุทธ์ แต่ถ้าเป็นไปตามกระแสข่าวจริง ตนคงเสียใจเป็นอย่างยิ่งต่อพี่น้องที่ต้องหลุดโผหรือถูกเปลี่ยนตำแหน่ง ส่วนตัวตนเอง ถ้าจะถูกปรับออกก็ยินดี แต่ขอนายกฯว่าอย่าเปลี่ยนตำแหน่งอื่นเลย โดยเฉพาะนายสุริยะ เพราะตนทำงานร่วมกันมานาน นายสุริยะเป็นคนที่มีคุณค่า มีความสามารถ จึงขอฝากนายกฯว่า ถ้านายกฯได้ใช้นายสุริยะ คิดว่าจะเป็นประโยชน์ ต่อเพื่อนร่วมงานและประชาชนมาก เพราะนายสุริยะเป็นคนเก่งจริง ๆ ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติได้มากมาย “ถ้านายกฯจำเป็น ผมขอออกคนเดียว”

นายอนุชา กล่าวด้วยว่า การนำพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) ที่มีเพียง 3 คนมาร่วมรับตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งแต่เดิมเป็นคู่แข่งทางการเมืองตอนเลือกตั้ง คิดว่าไม่น่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องอย่างยิ่งที่จะเอามาแทนตำแหน่งของตนหรือของคนอื่นตามที่เป็นข่าว

“เสมือนหนึ่งว่าพวกผมไปรบจนชนะ พอกลับบ้านถูกแม่ทัพนำศัตรูที่ไปต่อสู้มาจนชนะ มาตัดหัวพวกผมทิ้ง แต่ก็ไม่เป็นไรถ้าเป็นเช่นนั้น อาจเพราะด้วยความจำเป็นของนายกฯ แต่ผมไม่เชื่อว่า นายกฯเคยรับปากพรรคชพน.ไว้ แต่อาจเป็นบุคคลบางกลุ่มในพรรคพปชร.ที่ไม่อยากให้ผมเป็นรัฐมนตรี แล้วไปเสนอนายกฯ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ผมขอกราบเท้านายกฯว่าผมไม่ขอรับตำแหน่งก็ได้ แต่ผมขอให้ท่านสุริยะได้เป็นรมว.พลังงานตามที่นายกฯเคยลั่นวาจาไว้ แล้วผมจะไปกราบแทบเท้านายกฯเลยครับ” นายอนุชา กล่าว

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

นายอนุชา กล่าวว่า เนื่องจากมีกลุ่มการเมืองบางกลุ่มในพปชร.เป็นผู้บริหารพรคเช่นเดียวกับตน แต่คอยรังแกพวกตนอยู่ตลอดเวลา “ที่พวกคุณเรียกพวกเราว่ากลุ่มสามมิตร ทั้ง ๆ ที่พวกผมเป็นคนของพปชร. เป็นลูกน้องของนายกฯเหมือนพวกคุณ และผมยังคอยรับใช้พวกคุณ ทำงานให้พวกคุณในทุกเรื่องที่พวกคุณต้องการ จนประสบความสำเร็จให้พวกคุณเสวยสุข แต่พวกคุณก็ยังรังแกพวกผม ไปให้ร้ายโจมตีพวกผมต่อผู้ใหญ่ ใช้สื่อโจมตีพวกผม เสนอแต่เรื่องไม่ดีไม่จริงของพวกผม ให้นายกฯและผู้ใหญ่ที่น่านับถือฟังเสียจนพวกผมเป็นคนที่น่ารังเกียจ”

นายอนุชา กล่าวอีกว่า “ผมคิดว่าถ้าพวกคุณรักนายกฯหรือผู้ใหญ่ที่น่านับถือจริง ก็ขอได้โปรดหยุดการกระทำเหล่านั้นนับตั้งแต่บัดนี้ พวกคุณอาจลืมว่าเคยใช้อะไรผมไว้บ้าง ทิ้งอะไรไว้ที่ผมบ้าง และถ้าผมโดนรังแกจนทนไม่ได้ พวกผมก็จะให้พวกคุณมีข่าวดังระดับชาติเป็นแน่แท้ ผมเอาแน่ถ้ายังรังแกพวกผมอีก พวกผมจะไม่ทน และตอนนี้จะทนไม่ไหวแล้ว พวกผมทำงานให้ประเทศชาติ ไม่เคยให้ร้ายคนอื่น มีแต่จะสนับสนุน และขอเตือนด้วยความหวังดีว่ายังมีโอกาสที่เราจะทำงานร่วมกัน ภายใต้เจ้านายคนเดียวกันคือพล.อ.ประยุทธ์ เพื่อเดินไปข้างหน้า ทำงานรับใช้ประชาชน นำพาพปชร.เดินไปข้างหน้า นำนโยบายดีๆไปรับใช้ประชาชนให้สงบรุ่งเรือง นำพาประเทศไปสู่ความสำเร็จตามที่หวัง”

“ผมกราบขอโทษนายกฯเป็นอย่างสูงด้วยความเคารพที่ลูกน้องของท่านทะเลาะเบาะแว้งกันเอง ผมอยากให้นายกฯลงมาดูแลพวกเรา ให้ความเป็นธรรม และผมจะไม่เสียใจสักนิดถ้านายกฯและพี่น้องของผมได้ตำแหน่งภายในพรรคตามที่นายกฯรับปากไว้ ส่วนผมไม่เป็นไร ผมเป็นผู้เสียสละมาตลอดตั้งแต่สมัครเป็นส.ส. ถ้าจะลงบัญชีรายชื่อ ก็กลัวจะไปแก่งแย่ง มาเป็นส.ส.เขต ลงพื้นที่หาเสียงในพื้นที่ตัวเองไม่กี่ชั่วโมง แต่ก็มาทำงานให้กับพรรค นายกฯเป็นคนมีเมตตา ขอให้มีต่อนายสุริยะที่ผมเคารพนับถือ เพราะเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะช่วยนายกฯนำพาประเทศชาติและประชาชนไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองได้” นายอนุชา กล่าว

นายอนุชา กล่าวว่า มีหลายเรื่องที่ตนอยากพูด แต่เอาไว้วันหน้า โดยเฉพาะในเรื่องสื่อที่ให้ร้ายโจมตีพวกตน แม้กระทั่งเจ้าของสื่อที่เป็นบุคลากรอยู่ในพปชร. ซึ่งตนคงมีโอกาสได้แถลงข่าวอีกครั้งหนึ่ง เพราะคนอย่างตนไม่เคยให้ร้ายหรือให้ข่าวทำร้ายผู้ใด แต่กลับโดนทำร้ายและรังแกมาตลอด หลายเรื่องเป็นเท็จเหลือเกินที่จะรับ แต่ถ้าพวกท่านยังไม่หยุด ตนจะเปิดโต๊ะแถลงข่าวทุกวัน เพื่อนำข้อมูลมาให้ประชาชนและสื่อทั้งประเทศได้ทราบ ว่าเรามีผู้บริหารเป็นเจ้าของสื่อ แต่กลับมาทำร้ายคนในพรรคเดียวกัน มันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องอย่างยิ่งในสังคมไทย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน