แม่จ่านิว บุก ตร. จี้ล่าตัวคนร้าย ขอ จนท.ดูแลความปลอดภัย หลังถูกคุกคาม

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 2 ก.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นางพัฒน์นรี ชาญกิจ มารดาของนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่ถูกคนร้ายรุมทำร้ายบาดเจ็บสาหัส เดินทางมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องให้ตำรวจเร่งรัดติดตามคนร้ายที่รุมทำร้ายจ่านิว ซึ่งขณะนี้ยังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี

นางพัฒน์นรี กล่าวว่า ตนและลูกไม่เคยกู้เงินนอกระบบจนเป็นเหตุให้แก๊งทวงหนี้มารุมทำร้าย ส่วนตัวยังให้น้ำหนักเรื่องการเคลื่อนไหวทางการเมืองของลูกชาย เพราะเกือบทั้งชีวิตก็มีแค่เรื่องนี้ จึงอยากให้ตำรวจเร่งรัดติดตามตัวคนร้ายมาสอบสวน เพื่อหาข้อเท็จจริงว่าเป็นกลุ่มใด ที่ผ่านมามองว่าการทำงานของตำรวจเป็นที่น่าพอใจ เพราะพบพยานหลักฐานต่อเนื่อง ทั้งกล้องวงจรปิดในจุดต่างๆ

ส่วนเรื่องที่มีกระแสว่าเป็นกลุ่มคนที่มีแนวคิดเดียวกับลูกมาทำร้ายร่างกาย เพื่อสร้างกระแสดิสเครดิตฝ่ายรัฐบาลนั้น ตนมองว่าต่อให้เป็นฝ่ายใดอยู่เบื้องหลังการทำร้าย ก็มองว่าไม่คุ้ม เพราะลูกไม่ได้เป็นบุคคลทั่วไป แต่เป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่มีคนรู้จัก พร้อมปฏิเสธกรณีมีกระแสข่าวก่อนหน้านี้ว่าลูกจำใบหน้าคนร้ายได้ ยืนยันวันที่มีข่าวออกมา ลูกยังรักษาตัวและยังให้การอะไรไม่ได้

ทั้งนี้ แม่จ่านิว ยังร้องขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความปลอดภัยของตัวเอง เพราะตอนนี้หลังเกิดเรื่องก็รู้สึกว่าถูกคุกคาม อีกทั้งมีผู้สื่อข่าวติดตามไปทำข่าวที่บ้านจนรู้สึกว่าจะไม่ปลอดภัย จึงขอร้องให้สื่อมวลชนโทรศัพท์นัดหมายการสัมภาษณ์ และให้ข้อมูลนอกบ้าน ส่วนอาการจ่านิว แพทย์บอกว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่ส่วนตัวยังกังวลเรื่องบาดแผลบริเวณดวงตาของลูกอยู่

ด้านนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และตัวแทนสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาก่อนจ่านิวถูกทำร้าย มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งบอกว่ามีคนจ้องเพกวิน กับจ่านิวอยู่ แต่ตนไม่ได้คิดอะไร กระทั่งจ่านิวถูกทำร้าย จากนั้นก็มีโทรศัพท์ข่มขู่หากยังจัดกิจกรรมเคลื่อนไหว

นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการยกระดับความขัดแย้งในสังคมไทย ตนทำกิจกรรมทางการเมืองมา 4 ปี เลวร้ายที่สุดแค่ถูกตั้งข้อกล่าวหาดำเนินคดี แต่ตอนนี้ใครที่ออกมาต่อต้านแสดงความเห็นต่าง ไม่ใช่ถูกดำเนินคดีเท่านั้น แต่กลับถูกความรุนแรงนอกกฎหมายทำร้าย และสักวันอาจรุนแรงถึงขั้นเอาชีวิตก็ได้ ส่วนตัวไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำร้ายจ่านิว หรืออยู่เบื้องหลัง แต่ขอให้หยุดการกระทำเพื่อนำความปกติความสงบสุขกลับคืนสู่สังคมไทย

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน








Advertisement

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 11.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด และนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน พร้อมกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตยร่วมกับสหภาพนักเรียนนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย จัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ในชื่อ “ร่วมไว้อาลัย ยุติธรรมไทยไม่คุ้มครองผู้เห็นต่าง” เพื่อไว้อาลัยแก่กระบวนการยุติธรรม หลังเกิดเหตุนักกิจกรรมการเมืองถูกทำร้ายร่างกายอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่นายเอกชัย หงส์กังวาน นายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ หรือฟอร์ด เส้นทางสีแดง ล่าสุดนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว ที่ถูกรุมทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ผู้ชุมนุมหลายสิบคนต่างสวมชุดดำ ร่วมกันชูสักลักษณ์ 3 นิ้ว พร้อมถือดอกไม้จันทน์ และป้ายเขียนข้อความระบุ “หยุดคุกคามประชาชน หยุดทำร้ายคนเห็นต่าง” ก่อนตัวแทนกลุ่มจะมอบพวงหรีดเขียนข้อความ “ไว้อาลัยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ” โดยมี พ.ต.อ.อัศวยุทธ นุชพุ่ม รองผบก.น.6 เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือ เพื่อเรียกร้องให้นำตัวผู้ก่อเหตุมารับโทษอย่างเร็วที่สุด

น.ส.ชลธิชา กล่าวว่า จากเหตุการณ์ลอบประทุษร้าย 3 นักกิจกรรมการเมือง ได้แก่ นายเอกชัย, ฟอร์ด และจ่านิว รวมแล้วกว่า 13 ครั้ง นับแต่เดือน ม.ค.ปี 2561 ถึงเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา มีเพียง 2 ครั้งเท่านั้นที่จับกุมผู้ก่อเหตุได้ ขณะที่อีก 11 ครั้ง ไม่สามารถจับกุมตัวผู้กระทำผิด หรือไม่สามารถสาวไปถึงผู้จ้างวานได้ เพราะมีการวางแผนเป็นกระบวนการ แบ่งหน้าที่กันทำ ปกปิดอำพรางตัว และใช้ยานพาหนะหลบหนี

ทั้งนี้ ยังไม่นับรวมถึงผู้ลี้ภัยทางการเมือง 8 คนที่สูญหาย หนึ่งในนั้นคือนายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ หรือสุรชัย แซ่ด่าน และผู้อื่นที่ถูกฆาตกรรมอย่างปริศนา โดยไม่สามารถจับกุมตัว ทั้งยังมีการข่มขู่ประทุษร้ายนายพริษฐ์ หรือ เพนกวิน โดยโทรศัพท์เข้ามือถือ เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวทั้งที่อยู่อาศัยและคนในบ้าน

น.ส.ชลธิชา กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแสดงถึงความล้มเหลวของ คสช. ที่ปล่อยปละละเลยให้มีการทำร้ายประชาชนที่อยู่ขั้วการเมืองตรงข้ามซ้ำแล้วซ้ำเล่า สะท้อนถึงความล้มเหลวของตำรวจและกระบวนการยุติธรรมไทยที่ไร้ประสิทธิภาพในการคุ้มครองชีวิตประชาชน และทำให้ผู้ก่อเหตุไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย

จึงขอเรียกร้องให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.เร่งรัดสืบหาผู้กระทำผิดในคดีลอบทำร้ายร่างกายนักกิจกรรม โดยเฉพาะคดีของจ่านิว มาดำเนินคดีทางกฎหมายภายใน 7 วัน เพราะเหตุแรกเพิ่งเกิดเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ก่อนในวันที่ 28 มิ.ย.จะถูกทำร้ายซ้ำ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับความปลอดภัยและความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมของประชาชนทุกฝ่ายอย่างเสมอภาค


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน