กรณีมีกระแสข่าวร้อนๆมาว่า “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” หรือ ผู้กองมนัส ส.ส.พะเยา แกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ติดโผคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง ในตำแหน่งสำคัญอย่าง ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

ต่อมาเมื่อวันที่ 5 ก.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ระบุว่า “ไม่จริงมั้ง เมื่อนั่งเทียนกันมา ก็เป็นไปตามนั้นก่อนแหละ ก็สื่อนั่งเทียน ถ้าไม่ใช่แล้วจะว่าอย่างไร จะทำอย่างไร รับผิดชอบเองด้วยนะ เมื่อสื่อเขียนโผให้เขา”

ล่าสุด วันนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมกล่าวถึง กรณีนี้เช่นกัน เมื่อนักข่าวถามว่า คุณสมบัติของร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ ที่มีชื่อนั่งเป็นรมว.แรงงาน ยังมีคดีในต่างประเทศ จะเหมาะสมหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่จะตรวจสอบให้ชัดเจน เมื่อถามถึงตำแหน่งของตัวพล.อ.ประวิตร ในรัฐบาลชุดใหม่พล.อ.ประวิตร กล่าวเพียงสั้นๆว่า ไม่มีความชัดเจน ก่อนจะเดินออกจากวงสัมภาษณ์ไปทันที

ก่อนหน้านี้ กลางดึกของ วันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา โลกโซเชียลได้มีการเผยแพร่อย่างเป็นวงกว้าง เกี่ยวกับประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดยศทหาร ที่ได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2541 โดยมีรายละเอียดว่า

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอดร้อยโท พชร พรหมเผ่า สังกัดกองบัญชาการทหารสูงสุด ออกเสียจากยศ ตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน 2541 เนื่องจากประพฤติตนไม่สมควรตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยวินัยทหาร พ.ศ. 2476

ซึ่งประกาศ ณ วันที่ 24 ตุลาคม 2541 โดยผู้รับสนองพระบรมราชโองการ คือนายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี หรือประธานรัฐสภา คนปัจจุบัน

ทำเอาหลายคน “ตั้งคำถาม” ขึ้นมาทันทีทันใด ว่า “ธรรมนัส พรหมเผ่า” คนนี้คือใคร? ใยจึงเป็นที่พูดถึงบ่อย แทบทุกๆครั้ง ในข่าวลือการจัดโผตำแหน่งรัฐมนตรี หรือแม่กระทั่งการ “เดินสาย” เคลียร์กับพรรคการเมืองต่างๆ ทั้ง 11 พรรคจิ๋ว พรรคเล็กต่างๆ อาจถูกมองว่าเป็น “ส่วนสำคัญ” ในการทำให้การจัดตั้งรัฐบาลของพรรคพลังประชารัฐนั้น ประสบความสำเร็จก็ว่าได้

เขาคือใครกัน?

ร.อ.พชร พรหมเผ่า หรือ ร.อ.มนัส พรหมเผ่า จบจากโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 25 นายร้อย จปร. รุ่น 36 เคยเป็นอดีต ผบ.ร้อยสารวัตรทหาร ประจำ บก.ทหารสูงสุด รุ่นเดียวกันกับ “เสธ.เปา” พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม และ “เสธ.หิ” พ.ท.หิมาลัย ผิวพรรณ เคยเป็นอดีต ผบ.ร้อยสารวัตรทหาร ประจำ บก.ทหารสูงสุด และร่วมกับ “เสธไอซ์” พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต ตั้งบริษัทรักษาความปลอดภัย ภาพ “สายบู๊” จึงติดตัวมาตั้งแต่บัดนั้น

อย่างไรก็ตามอาชีพข้าราชการทหารสิ้นสุดลง หลังถูกกล่าวหา ว่าเข้าไปพัวพัน กับคดีฆาตกรรม “นายพูลสวัสดิ์ จิราภรณ์” หนุ่มนักเรียนนอก โดยคดีนี้ตำรวจออกหมายจับซึ่งขณะนั้นใช้ชื่อว่า ร.อ.พชร ในฐานะเจ้าของบ้านเกิดเหตุ กับพวกรวม 3 คน เมื่อปี 2542 และ ต่อมาในปี 2546 ศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้อง ร.อ.พชร กับลูกน้องที่เป็นทหารในคดีดังกล่าว

“ธรรมนัส พรหมเผ่า” ไม่ใช่ชื่อแรกของเขา เปลี่ยนมาแล้วไม่ว่าจะเป็นชื่อ มนัส – ยุทธภูมิ กลับมาเป็น มนัส และเปลี่ยนเป็น พชร และล่าสุดคือ “ธรรมนัส” และจริงๆแล้ว ธรรมนัส ไม่ได้มีชื่อเล่นว่า “ผู้กองตุ๋ย” แต่ชื่อเล่นของเขาที่พ่อแม่ตั้งให้คือ “นัท”

เคยมาทำธุรกิจรักษาความปลอดภัยชื่อ “บริษัท ธรรมนัส การ์ด” ซึ่งเป็นบริษัทแรก ที่ดูแลสนามบินสุวรรณภูมิ แล้วยังมีธุรกิจอื่นๆ อีก เช่น เป็นหุ้นส่วนของ หจก. ขวัญฤดี ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายล็อตเตอรี่รายใหญ่ 1 ใน 5 เสือกองสลากฯ เคยเป็นผู้บริหารพื้นที่ตลาดนัดสวนจตุจักรของการรถไฟแห่งประเทศไทย และยังมีธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ มีทีมฟุตบอลพะเยาเอฟซี และอีกหลากหลายธุรกิจ เป็นต้น

“ผู้กองมนัส” เข้าสู่เส้นทางการเมืองที่พรรคไทยรักไทย ของอดีตนายกรัฐมนตรี “ทักษิณ ชินวัตร” เมื่อปี 2542 ดูแลยุทธศาสตร์เลือกตั้งในสนามกรุงเทพฯ โดยอยู่กับอดีตรัฐมนตรีปรีชา เลาหพงศ์ชนะ และอดีตรัฐมนตรีอีกหลายคน เคยได้รับการวางตัวเป็นผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ของพรรค ด้วยที่เป็นคนพื้นเพ จ.พะเยา และในที่สุด ในการเลือกตั้งปี 2557 ได้ปรากฎชื่อ “ธรรมนัส พรหมเผ่า” ในลำดับที่ 55 ของผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ของพรรคเพื่อไทย แต่เนื่องจากว่าการเลือกตั้งในครั้งนั้นเป็นโมฆะ จึงไม่ได้รับเลือก

ต่อมา หลังการรัฐประหาร 2557 โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีการตั้งพรรคพลังประชารัฐ ในช่วงต้นปี 2561 ร.อ.ธรรมนัส ได้รับการชักชวนจากผู้ใหญ่ให้มาร่วมงานการเมือง โดยรับตำแหน่งประธานยุทธศาตร์ภาคเหนือ ดูแลพื้นที่เลือกตั้ง และ วางตัวผู้สมัคร โดยมีรายงานเปิดเผยอีกว่า “ผู้กองมนัส” นั้น ทำงานเข้าตา “ผู้ใหญ่” เป็นอย่างมาก จนได้รับความไว้วางใจ

ขณะเดียวกัน มีกระแสข่าว และถูกมองมาโดยตลอดว่า มีความสนิทสนมกับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แต่เจ้าตัวก็ไม่เคยเปิดเผยถึงกรณีนี้แต่อย่างใด

ล่าสุด เขาพาผู้สมัคร ส.ส.พะเยา จากพรรคพลังประชารัฐ เข้าสู่สภา ได้ 2 คน จาก 3 เขต ซึ่งแต่เดิมที่นี่ คือพื้นที่สีแดง อีกแห่งหนึ่งของพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะเขต 1 ซึ่งเป็นเขตของธรรมนัสเองนั้น ชนะพรรคเพื่อไทยอย่างถล่มทลาย โดยได้คะแนนกว่า 52,417 คะแนน ซึ่ง อรุณี ชำนาญยา จากเพื่อไทย ได้เพียง 21,971 คะแนน และ ภูวกร ศรีเนียน จากพรรคอนาคตใหม่ ได้แค่ 16,326 คะแนนเท่านั้น

กระทั่งปัจจุบัน บุรุษผู้มีประวัติสุดโชกโชนผู้นี้ มีรายชื่อ “ติดโผ” ที่จะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสำคัญ อย่างกระทรวงแรงงาน ในโควต้าของพรรคพลังประชารัฐ


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน