“บิ๊กตู่” โต้ “ช่อ” ปม โรฮิงญา ชี้ถ้าคนที่อัตลักษณ์แตกต่างจากเราอยู่ วันหน้ามีมากขึ้นจะทำอย่างไร

เมื่อเวลา 23.20 น. วันที่ 25 ก.ค. ที่หอประชุมทีโอที น.ส.พรรณิการ์ วาณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ อภิปรายนโยบายรัฐบาลว่า เมื่อนายกฯ และรมว.การต่างประเทศเป็นคนเดิม จึงยากที่จะเชื่อว่าประเทศไทยจะมีบทบาทนำในเวทีโลก ซึ่งไม่เกี่ยวกับการใช้ภาษาของ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ปัญหาคือวิสัยทัศน์ของผู้นำ จึงอยากทราบวิสัยทัศน์ของผู้นำที่จะไปพูดในเวทีต่างๆ ของโลก เช่น เราจะแก้ปัญหาเอไอซึ่งจะเข้ามาแทนที่แรงงานคนที่จะตกงาน 800 ล้านคนในอีก 12 ปีข้างหน้า เราจะแก้โลกร้อนอย่างไร จะมีการใช้เทคโนโลยีอย่างไร จะคลี่คลายการผูกขาดของทุนใหญ่อย่างไร และจะแก้ปัญหาของผู้อพยพ เช่น โรฮีนจาในฐานะประธานอาเซียนอย่างไร เพราะประเทศไทยไม่เคยยอมรับสถานะผู้ลี้ภัยเลย นอกจากนี้ผู้นำของเรายังพูดว่าเราพูดถึงประเด็นสิทธิมนุษยชนมากเกินไป ทั้งที่ พล.อ.ประยุทธ์ เคยประกาศให้ประเด็นนี้เป็นวาระแห่งชาติ แต่ไม่เห็นความสำคัญ เพราะสิทธิมนุษยชนเป็นเพียงเสื้อผ้า ไม่ใช่เลือดเนื้อและหัวใจของผู้นำ เพราะเป็นเพียงการตกแต่ง หวังสร้างการยอมรับกับต่างประเทศเท่านั้น

น.ส.กรรณิการ์ กล่าวว่า ส่วนรัฐบาลจะตั้งศูนย์ป้องกันข่าวปลอม ทั้งที่รัฐบาลเป็นต้นตอของข่าวสาร ทั้งนี้ การจะชี้ว่าข่าวใดปลอมหรือไม่ ไม่ใช่หน้าที่ของรัฐบาล แต่ควรเป็นหน้าที่ของหน่วยงานกลาง วันนี้มีการตั้งข้อสังเกตว่าข่าวปลอมซึ่งสนับสนุนรัฐบาล มักจะอยู่รอด แต่ถ้าเป็นข่าวที่ให้โทษรัฐบาล มักมีอันเป็นไป จึงกลัวว่าจะเป็นเครื่องมือทางการเมืองของรัฐบาล เพื่อปิดปากคนเห็นต่าง วันนี้ประเทศมีปัญหาความท้าทายมากมาย แม้นายกฯ เป็นคนตลก แต่วันนี้ประเทศต้องการผู้นำที่มีวิสัยทัศน์มากกว่าตลก

ด้านนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ ชี้แจงว่า พล.อ.ประยุทธ์ ให้ความสำคัญกับประเด็นสิทธิมนุษยชนอย่างมาก โดยได้รับความชื่นชมจากสมาชิกอาเซียน ที่นำประเทศไทยลงนามความตกลงด้านสิทธิมนุษยชนและด้านธุรกิจ ส่วนการช่วยเหลือชาวโรฮีนจานั้น เรายึดหลักของอาเซียนที่จะไม่แทรกแซงกิจการภายในประเทศสมาชิก ส่วนที่มีการพาดพิงว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่พูดภาษาอังกฤษในเวทีต่างประเทศ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะผู้นำหลายประเทศก็ใช้ภาษาของประเทศตัวเอง ไม่จำเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษ นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้รับความชื่นชมในเนื้อหาสาระที่แถลงต่อนานาประเทศด้วย

ต่อมาเมื่อเวลา 23.50 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ชี้แจงว่า “ในการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ส่งเสริมป้องกันคุ้มครองสิทธินั้น ต้องไม่ไปละเมิดสิทธิผู้อื่น ไม่ทำผิดกฏหมาย จึงหมายถึงสิทธิมนุษยชนตามรัฐธรรมนูญ ส่วนการสิทธิมนุษยชนในการประกอบธุรกิจ ตนเป็นคนริเริ่ม เพราะต้องมีการคุ้มครอง เคารพ และเยียวยา หากจะมาลงทุนกิจการในไทย ส่วนเรื่องสิทธิมนุษยชนอื่นๆ เช่น แรงงานต่าวด้าวก็คุ้มครองตามกฏหมายอยู่แล้ว ส่วนเรื่องของการดูแลผู้ลี้ภัยจากการสู้รบนั้น รู้หรือไม่ว่า ประเทศไทยเคยมีจำนวนผู้ลี้ภัยสูงถึง 4 แสนคน ดูแลกันมา 20 ปี ซึ่งขณะนี้ก็ยังเหลืออีกประมาณ 1 แสนคน ไม่รู้จะกลับเมื่อไหร่ ถือเป็นภาระผูกพันมากพอสมควร และที่สำคัญเมื่อเขาอยู่นานจะมีครอบครัว มีลูกหลานเกิดในไทย ได้สัญชาติไทยจึงต้องระมัดระวัง ขณะที่เรื่องโรฮิงญา ตนเห็นใจเขา แต่รูปร่างลักษณะอัตลักษณ์ต่างจากเรามาก ถ้าวันหน้ามีคนเหล่านี้ในไทยมากยิ่งขึ้นก็แล้วแต่ท่าน จึงต้องหามาตรการให้เขากลับประเทศให้มากที่สุด เพราะปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรา แต่อยู่ที่ประเทศต้นทาง เราคือทางผ่านของสิ่งเหล่านี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เรียกน.ส.พรรณิการ์ ว่า “คุณพรรณิการ์ คนสวย” ทำให้นายชวน ได้เตือนนายกฯทันที ขณะที่ น.ส.พรรณิการ์ ได้ลุกขึ้นขอให้ถอนคำพูด ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ ยอมถอนทันที แต่ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ได้ลุกขึ้นประท้วงว่า ไม่เห็นว่าจะเป็นคำเสียดสีอะไร ถือเป็นคำชมด้วยซ้ำ แต่นายชวน ได้ตัดบทและดำเนินการประชุมต่อไป

จากนั้น นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ชี้แจงว่า ปัจจุบันมีการติดตามข่าวสารทางโซเชี่ยลมีเดียจำนวนมาก ทั้งข่าวจริง ข่าวปลอม แต่ในประเทศไทย มีข่าวปลอมมากถึงร้อยละ 70 – 80 รัฐบาลนี้เห็นว่าปล่อยไว้จะเป็นปัญหากับลูกหลานของไทย ตนเคารพในความเป็นคนรุ่นใหม่มีความรู้ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีของผู้อภิปราย แต่ยืนยันว่าการตั้งศูนย์ต่อต้านเฟกนิวส์ ไม่มีแนวคิดปกป้องรัฐบาล หรือตอบโต้ข่าวทางการเมือง แต่ต้องการคัดกรองข่าวสาร เพื่อไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนกกับข่าวปลอม ส่วนที่มีข่าวว่าการตั้งศูนย์ฯขึ้นมาเพื่อปกป้องรัฐบาล ก็เป็นเรื่องไม่จริง รัฐบาลไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับข่าวที่เกิดขึ้น และที่บอกว่าเหตุการณ์ปิดเฟซบุ๊กของบุคคลเมื่อหลายวันก่อน เป็นฝีมือของรัฐบาลก็ไม่จริง แต่เป็นบทบาทของเอกชนที่ตรวจสอบคัดกรองการมีตัวตน แล้วดำเนินการในส่วนนั้น ถ้ารัฐบาลจะทำอะไรในลักษณะนี้ต้องขออำนาจศาลจึงจะทำได้ รัฐบาลไม่คิดลิดรอนสิทธิของประชาชน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน