บิ๊กตู่ ฉุนจัด ฝ่ายค้านอย่ามาทำหน้าเย้ย ผมไม่ชอบ! ลั่น รัฐประหาร ไม่ได้คิดก่อน ทำวันนั้นเลย เจอชวนเบรก “อย่าไปชี้ใครบ่อย”

เมื่อวันที่ 26 ก.ค. ที่หอประชุมทีโอที ถ.แจ้งวัฒนะ มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา พิจารณาการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาวันที่ 2 นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า แม้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เป็นพี่ใหญ่ เป็นผู้ที่ดูแลน้องๆ แต่นโยบายรัฐบาลในเรื่องความมั่นคง กลับสวนทางกลับสภาพเศรษฐกิจ

เพราะในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีข้อเท็จจริงในการใช้งบประมาณเพื่อจัดซื้อยุทธโธปกรณ์เป็นเงินกว่า 7 หมื่นล้านบาท ทั้งเรือดำน้ำ เครื่องบิน รถถัง เป็นต้น แม้ยุทธโธปกรณ์จะมีความจำเป็น แต่มีเยอะไปหรือไม่ วันนี้ก็มีข่าวอีกแล้วว่ามีการติดต่อซื้อปืนใหญ่จากประเทศอิสราเอล กับเครื่องบินของประเทศเกาหลีอีก วันนี้ตนยังสงสัยอยู่ว่าเวลาได้เรือดำน้ำมา จะเอาไปดำที่อ่าวไทยได้หรือไม่

เพราะแม้แต่จักรีนฤเบศร์ ยังต้องเอาไปฝากไว้ที่ฝั่งอันดามัน เพราะเพื่อนบ้านเขาไม่สบายใจ จึงชะลอโครงการไว้ก่อนได้หรือไม่ แล้วนำเงินเหล่านี้ผันแปรมาไว้สำหรับพี่น้องประชาชนในการแก้ไขปัญหา หนี้สิน เรื่องน้ำทำการเกษตรของเกษตรกร รวมไปถึงน้ำดื่มน้ำกินก่อนได้หรือไม่

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

นายวิสาร อภิปรายต่อว่า ตนอยากให้แนะนำ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่ามอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร ดูแลงานด้านการท่องเที่ยว ควรให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ ดูแลจะดีกว่า เพราะถือเป็นวิธีที่จะแก้ไขเรื่องนี้ที่ดีที่สุด เพราะในปี 61 มีคนร้ายบุกกราดยิงโรงแรม ซึ่งเป็นผู้ประกอบการของไทยในประเทศเคนย่า คนตายเยอะ หลายประเทศระดมสรรพกำลังช่วยประชาชนของประเทศตัวเองออกมา

แต่ พล.อ.ประวิตรในฐานะที่ดูแลความมั่นคง กลับให้สัมภาษณ์ว่า โชคดีที่คนไทยไม่ตาย อีกทั้งยังบอกว่าเหตุที่คนร้ายเลือกมาก่อการในโรงแรมผู้ประกอบการไทย เพราะอาหารอร่อย ที่ยิ่งไปกว่านั้น จากกรณีที่มีเรือเฟอรี่ล้มที่ จ.ภูเก็ตว่า เหตุที่เกิดๆ จากตัวเขาเอง ไม่เกี่ยวกับเรา โดยเฉพาะเรื่องหักดิบปราบทัวร์ศูนย์เหรียญที่ทำให้มีผู้ประกอบการเดือดร้อนไปทั่ว

และที่สำคัญยังมีลูกน้องแอบอ้างชื่อพล.อ.ประวิตรไปบีบเอาเงินมาด้วย จึงเป็นเรื่องใหญ่นักท่องเที่ยวหาย รายได้ประเทศลด ผู้ประกอบการคนจีน จำหน้าท่านได้ทุกคน มีคนเจ็บแค้นคิดว่า เจอท่านที่ไหนสงสัยจะเหมือนจ่านิวแน่นอนจากคำพูดของท่านที่บอกว่า เขาตายเอง

“วันนี้ดีใจจริงๆ ก่อนหน้าที่ผมโกรธ แค้นที่ พล.อ.ประยุทธ์ ยึดอำนาจ ผมอยู่อย่างยากลำบาก ไปต่างประเทศก็ต้องขออนุญาต แต่ที่สำคัญผมเพิ่งรู้ว่า ท่านเตรียมการรัฐประหารมา 3 ปี และที่สำคัญผมอยากให้รัฐมนตรีที่เป็นฝ่ายการเมืองไปอยู่กับท่าน

เพราะที่ผ่านมาท่านชอบแนะนำให้อ่านหนังสือ แต่ผมขออนุญาตโฆษณาหนังสือเรื่องของกองทัพไทยกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ที่เขียนโดย พล.อ.ประยุทธ์ เพราะทำให้ผมทราบว่า ทำไมท่านถึงคิดกับนักการเมืองเป็นศัตรู ทำให้ถึงต้องออกฎหมายหลายอย่างต้องทำให้พวกเราประสบความยากลำบาก วันนี้อยากให้ท่านเดินออกไปพบ ส.ส. ส.ว. บ้าง เพราะสมาชิกพรรครัฐบาลมาบอกว่าเข้าไม่ถึงท่าน เจอแต่นายเวร ที่ปรึกษา ถ้ามีโอกาสมาพัฒนาระบอบประชาธิปไตยให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น” นายวิสาร กล่าว

โดยหลังจากนายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เพื่อไทย อภิปราย ช่วงหนึ่งกล่าวถึงเหตุการณ์ที่ พล.อ.ประยุทธ์ พูดในวันยึดอำนาจ ว่า “ใครอย่ามาคิดสู้ สู้ก็ไม่ชนะ ผมเตรียมการมา 3 ปีแล้ว” โดยพล.อ.ประยุทธ์ ได้ลุกขึ้นชี้แจง ประเด็นดังกล่าว ระบุว่า

“ผมฟังมาสองวันแล้ว กลับไปย้อนฟังใหม่ ถามลูกน้องผมก็ได้ ผมพูดถึงการเป็น ผบ.ทบ.ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาผมเผชิญกับอะไรมาบ้าง ท่ามกลางความขัดแย้งความรุนแรงที่เกิดขึ้น ก็ไม่รู้พวกไหนเหมือนกัน หลังจากนั้นผมก็เตรียมการณ์ ฝึกกำลังพลให้ความระมัดระวังภัย จะดูแลประชาชนอย่างไร นั่นคือส่วนที่ผมเตรียมการณ์ และก่อนที่ผมจะเกษียณอายุ 6 เดือน เกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย

คุณไม่ต้องยิ้มเลย พวกนั่งอยู่ทางนี้ ยิ้มแบบไม่รู้สึกรู้สาอะไรทั้งสิ้น คนตายคนเจ็บไปแล้วเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นผมจึงต้องตัดสินใจ ไม่ได้ตัดสินใจก่อนหน้าอะไรด้วย วันนั้นเท่านั้นเอง ที่คนของท่านบางพวกบอก ก็ไม่ต้องอยู่ อยู่กันแบบนี้ ถ้าทหารไม่ออกมาทำงานก็อยู่กันแบบนี้ งบประมาณทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องทำ รับผิดชอบกันหรือเปล่า ตอบมาสิ เพราะฉะนั้นมาทำหน้าเยาะเย้ยแบบนี้ผมไม่ชอบ”

ทำให้ นายคารม พลพรกลาง ส.ส..บัญชีรายชื่อ ของอนาคตใหม่ ลุกขึ้ประท้วงผู้อภิปราย ระบุว่า “พยายามฟังนายกฯพูด ต้องบอกว่า เวลาอภิปรายท่านต้องพูดกับประธาน การที่ท่านพูดและเล็กเชอร์พวกผม เป็นลักษณะหน้าต่อหน้า อันนี้ผิดข้อบังคับแน่นอน นอกจากนี้ 5 ปีที่ผ่านมา ท่านสวมเสื้อยืดเสื้อกล้าม วันนี้สวมสูท ท่านต้องพุดแบบนักการเมือง จึงขอประท้วงเวลาพูดต้องพูดผ่านประธาน ในเรื่องที่อภิปราย เมื่อคืนท่านก็ข่มขู่ผม ผมกลับบ้านก็กลัว”

ด้านนายชวน ระบุว่า “เรียนให้นายกฯได้รับทราบ ที่จริงก็เรียนท่านแล้วอย่าไปชี้หน้าใคร อย่าไปทำอะไรแบบนี้ ก็เรียนท่านไปแล้ว อาจจะเป็นความเคยชิน ที่ท่านอยู่กับทหารหน่ะครับ แต่ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร ไม่ได้เจตนาร้าย”


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน