เพื่อไทย แฉทุจริต เตาเผาขยะ ทายาทเสนาบดีวิ่งเต้น ‘อนุพงษ์’ ยันไม่ใช่ลูกชายผม

เตาเผาขยะ – เวลา 19.30 น. วันที่ 26 ก.ค. นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ตนมีความเห็นว่าสิ่งที่รัฐบาลทำมาเป็นนโยบายไม่สามารถทำได้จริง ทั้งหมดเป็นปัญหาของสังคมและประเทศชาติที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เช่น นโยบายการจัดการขยะมูลฝอย ในขณะนี้เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญ แม้แต่รัฐบาลคสช. ยังได้ประกาศเป็นวาระแห่งชาติ

นายประเดิมชัย กล่าวว่า สิ่งที่เป็นปราฏการณ์คือ เรื่องการจะนำไปสู่การทุจริตเชิงนโยบาย หากตามข้อมูลจะพบว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ท้องถิ่นมีโครงการการจัดขยะมูลฝอย กทม. ก็เป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งมีโครงการที่จะกำจัดขยะ โดยใช้วิธีการสร้างเตาเผาโดยให้เอกชนเข้ามาดำเนินการ มีสิ่งที่เป็นข้อสงสัยมากมายที่ปรากฏผ่านสื่อ และประชาชน ยังสงสัยในการแก้ปัญหา

โดยเฉพาะเรื่องการใช้งบประมาณว่า มีความโปร่งใส คุ้มค่า และสมประโยชน์หรือไม่ กทม.เลือกการกำจัดขยะในการหาตัวผู้รับจ้าง ในการตั้งราคากลางอยู่ที่ตันละ 900 บาท ซึ่งถ้าดูจากท้องถิ่นอื่นจะเห็นว่า มีการดำเนินการคล้ายกันกับ กทม. เช่น เทศบาลนครศรีธรรมราช แต่ตั้งราคาสูงสุด ไม่เกิน 613 บาท

ถ้ากทม.เซ็นสัญญาในราคานี้ ในแต่ละวัน กทม. จะต้องจ่ายเงินเงินเพิ่มต่างจาก เทศบาลนครศรีธรรมราช 287,000 บาทต่อวันต่อพันตัน และกทม.จะต้องจ่ายเงินต่างกันกว่าประมาณ 104 ล้านบาท ระยะเวลาที่วางไว้คือจะให้เอกชนเข้ามาดำเนินการในระยะเวลา 20 ปี วงเงินจะต่างกัน 2,000 กว่าล้านบาท

ถามว่าแล้วอย่างนี้รัฐบาลหรือพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะแก้ปัญหาอย่างไร เพราะว่า กทม. มี 2 โครงการ นั้นหมายความว่า หากใช้ราคานี้ ใน 20 ปี จะสูญเงินกว่า 4,000 กว่าล้านบาท ถามว่าอย่างนี้รัฐบาลจะตรวจสอบหรือพยายามประหยัดงบประมาณหรือไม่

“ท้องถิ่นอื่นก็มีแนวทางนี้ มีเสียงเล่าอ้างว่า มีทายาทของเสนาบดี วิ่งเที่ยวไปพบกับเจ้าเมืองในการเจรจาหาตัวผู้รับจ้างให้ไปดำเนินการ เรื่องแบบนี้พล.อ.ประยุทธ์ จะแก้ปัญหาอย่างไร เพราะนโยบายสำคัญของรัฐบาลชุดนี้คือ การแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่นทั้งในส่วนราชการและการเมือง” นายประเดิมชัย กล่าว

แล้วกทม. ก็เก็บค่าเก็บขยะเพิ่มเป็น 80 บาท คนก็เลยสงสัยว่าเอาค่าขยะไปสร้างโรงงานเตาเผาขยะ มูลค่า 6,000 กว่าล้านบาทไปสร้างหรือไม่

จากนั้นพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ชี้แจงว่า รัฐบาลยืนยันจะตรวจสอบและหาผู้กระว่าทำความผิด หรือมีการทุจริตต่างๆ ส่วนค่าใช้จ่ายในการจัดการขยะนั้น ต้องอภธิบายว่าแต่ละโรงงาน การจัดการนั้นต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบ และการใช้ประโยชน์ รวมถึงกำไลที่จะได้รับ แต่จะต้องดูถึงข้อดีและข้อเสียของแต่ละโครงการ ส่วนค่าจัดการขณะ 80 บาทนั้น ยังไม่ได้ประกาศใช้

“สำหรับลูกชายผม หลายเดือนมาแล้วมีการบอกว่าลูกชายผม ซึ่งเขาเป็นนักธุรกิจ ไปวิ่งเต้นเพื่อจะบริหารจัดการขยะที่ภูเก็ต ผมเคยบอกลูกชายแล้วว่า อย่าทำธุรกิจกับภาครัฐ ยืนยันว่าเขาไม่ได้ไปคุยกับผู้ว่าภูเก็ตเพื่อให้ได้งาน ไปถามผู้ว่าได้ ยืนยันว่าลูกชายผมไม่ได้ไป ไม่ใช่แน่นอน ผมยืนยันว่าไม่มี ไม่มีทุจริตเชิงนโยบายแน่นอน” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน