“บิ๊กตู่” คุมทัพจัดโผทหาร-ตำรวจเอง นั่ง ปธ.ก.ตร. ดูดีเอสไอ ปัดใช้อำนาจกองทัพหนุนอำนาจตัวเองอยู่ยาว เดินหน้านโยบายเร่งด่วนปฏิรูปกองทัพ พร้อมดูความจำเป็น ซื้อเรือดำน้ำประจำ การ ทร.เพิ่ม เผยเหตุดึงงาน “ลุงป้อม” หวังช่วยแบ่งเบา หลังมีปัญหาสุขภาพ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 30 ก.ค. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงความรู้สึกภายหลังกลับมาที่กระทรวงกลาโหมว่า รู้สึกปกติ เพราะเข้ามาบ่อยอยู่แล้ว เข้ามาตั้งแต่เป็นข้าราชการทหารก็มีความคุ้นเคย

วันนี้ได้มอบนโยบายให้ข้าราชการกระทรวงกลาโหม โดยขอบคุณทุกคนในการทำงานที่ผ่านมาโดยเฉพาะหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ และขอให้ร่วมมือกันทำงานต่อไปภายใต้สายงานที่เรามีอยู่อย่างระมัดระวัง และต้องไม่ทำให้เกิดปัญหาใดๆ ส่วนที่เป็นห่วงเรื่องการใช้อำนาจ รมว.กลาโหมนั้น เรื่องดังกล่าวมีกฎหมายดูแลอยู่แล้ว

ทั้งนี้ ตนมอบนโยบายให้ทุกคนทำงานด้วยความตั้งใจและเสียสละ ทำหน้าที่ให้ทันต่อยุคสมัย เพราะทุกวันนี้มีเรื่องโซเชียล เทคโนโลยีและดิจิตอลที่เราต้องก้าวตามให้ทัน ในส่วนนโยบายเร่งด่วนกระทรวงกลาโหมคือเรื่องปฏิรูปกองทัพ ซึ่งเดิมก็มีอยู่แล้วแต่ต้องมาทบทวนว่าขณะนี้ดำเนินการไปถึงไหนแล้ว ต้องมาดูให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน

เมื่อถามถึงหลักการพิจารณาโผโยกย้ายประจำปี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องให้ทางหน่วยทำขึ้นมา เพราะตนให้สิทธิ์ ทั้งทหารและตำรวจจะทำรายชื่อขึ้นมา ผู้นำหน่วยต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ในส่วนของตนจะเป็นผู้ตรวจทานความเหมาะสม และขีดความสามารถว่าได้หรือไม่ได้อย่างไร คิดว่าทุกคนมีความสามารถ แต่จะเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมอย่างไร

“ผู้นำหน่วยที่รองลงไปต้องรับผิดชอบในเรื่องการแต่งตั้งทางตำรวจและทหาร แม่ทัพต้องรับผิดชอบเพราะดูกองทัพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติทางผู้บัญชาการภาคก็ต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่โยนความรับผิดชอบมาให้ผม เพราะผมจะดูแลความเหมาะสมให้ทุกคน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่านายกฯมาดูความมั่นคง เพราะจะควบรวมเรื่องความมั่นคงทั้งหมด โดยเฉพาะกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ได้ควบรวม แต่เป็นการมอบหมายหน้าที่ในระดับรัฐบาลว่าจะเข้าไปดูอะไรบ้าง เข้าไปดูแล้วก็ใช่ว่าจะไปทำอะไรได้ทั้งหมด เราต้องเข้าไปดูเรื่องการปฏิบัติงานให้เกิดความชัดเจนขึ้น รวมถึงการดำเนินการส่วนต่างๆ ที่ยังคั่งค้างอยู่ว่าจะทำอย่างไร เพราะประชาชนให้ความสนใจ ดีเอสไอควรทำหน้าที่เฉพาะ แต่หลายคนมองว่ามีตำรวจมากไปหรือไม่ ก็ต้องเข้าไปดูว่าโครงสร้างเป็นอย่างไร

เมื่อถามย้ำว่านายกฯ จะดึงดีเอสไอมาขึ้นตรงกับสำนักนายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ แต่เป็นเรื่องการกำกับดูแลโดยมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีดูแลในส่วนงานต่างๆ และบางหน่วยงานนายกฯ ก็สามารถกำกับดูแลได้

เมื่อถามว่าจะดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วยตนเองหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่า ตนสมควรที่จะดูหรือไม่ เมื่อถามต่อว่าการที่นายกฯ ดูสำนักงานตำรวจแห่งชาติเองเพราะต้องการแบ่งเบาภาระของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ใช่ เพื่อแบ่งเบาภาระของพล.อ.ประวิตร และเรื่องสุขภาพ การทำงานที่ผ่านมาพล.อ.ประวิตรมีความตั้งใจอย่างมาก และท่านยังคงทำหน้าที่ต่อไปในเรื่องการดูแลความมั่นคง เช่น สำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขก.) และสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) รวมถึงการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ

เมื่อถามถึงงบประมาณกองทัพปี 2563 พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า งบประมาณมีของเขาอยู่แล้ว มีการแบ่งสัดส่วนในแต่ละปีอยู่แล้ว ทุกหน่วยงานเสนอมาเกินทั้งหมด แต่ก็ไม่ได้ทั้งหมด เพราะงบประมาณมีจำกัด ก็ต้องดูความเหมาะสมและความเป็นไปได้ โดยงบประมาณที่ได้ก็จากครอบคลุมไปถึงการจัดซื้อจัดหายุทโธปกรณ์

เมื่อถามว่าอาจถูกจับตาเรื่องความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราต้องซื้อให้ถูกต้องเพราะมีกรรมการตรวจสอบการจัดซื้ออยู่แล้ว ต้องทำให้โปร่งใส ไม่เช่นนั้นก็จะกล่าวอ้างกันไปมา และจะไม่เกิดความเชื่อมั่น

เมื่อถามย้ำว่ารวมถึงนโยบายเรือดำน้ำด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่า “ทำไมล่ะ จะให้ซื้อลำเดียวแล้วพอหรืออย่างไร แล้วถ้าเกิดเสีย หรือมีการจอดพักเพื่อหมุนเวียนการทำงาน แล้วจะทำอย่างไร เราต้องดูความเหมาะสมและความจำเป็น”

ด้านพล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า นายกฯ ยังไม่กำหนดว่าจะเข้ามาทำงานในกระทรวงกลาโหมวันไหน แต่หากมีแขกบ้านแขกเมืองมา นายกฯ ก็จะมาต้อนรับเองเป็นวาระไป แต่ขณะนี้ฝ่ายเสนาธิการของนายกฯ เข้ามาทำงานที่สำนักงานกันหมดแล้ว ส่วนเรื่องโผทหาร นายกฯให้ส่งรายชื่อตามช่วงเวลาปกติ


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน