เมื่อวันที่ 30 ก.ย. ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์กรณีที่ศาลีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีมติให้ยึดทรัพย์บ้านและที่ดินมูลค่า 16 ล้านบาท และส่อว่าอาจถูตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต ว่า ตนทำใจมาได้ตั้งนานแล้ว เพราะนักการเมืองต้องยอมรับสภาพที่เกิดขึ้นให้ได้ทุกสภาพ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องยอมรับให้ได้ ยอมรับกติกาของบ้านเมือง และต้องยอมรับให้ได้ในทุกประเด็นที่จะเกิดขึ้นกับตัวเรา ทั้งเรื่องการจะต้องถูกยึดทรัพย์สินหรือการจะต้องถูกตัดสิทธิ์ตลอดชีวิต ก็อย่างที่บอกอะไรจะเกิดก็ต้องเกิดห้ามไม่ได้ ทุกอย่างไม่มีอะไรที่จะรู้ดีไปกว่าตัวเรา เราย่อมรู้ตัวเราเองดีว่าทำอะไรไปอย่างไร ดังนั้นอย่างน้อยเมื่อเรารู้ตัวเราก็สบายใจ

เมื่อถามว่า หากถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต จะส่งผลกระทบต่อการทำงานทางการเมืองของพรรคชาติไทยพัฒนาหรือไม่ เพราะต้องเสียกำลังหลักไป นอกจากการสูญเสียนายบรรหาร ศิลปอาชาแล้ว และจากนี้พรรคจะอยู่อย่างไร นายสมศักดิ์ กล่าวว่า กรุงศรีอยุธยาไม่เคยสิ้นคนดีอย่างไรก็ฉันนั้น พรรคก็ไม่ได้มีตนคนเดียว ในพรรคมีบุคลากรที่มีคุณภาพมากมาย และไม่ได้หมายความว่าพรรคชาติไทยพัฒนาไม่มีตนแล้วจะอยู่ไม่ได้ การที่ตนถูกตัดสิทธิ์ก็เป็นการห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่ไม่ได้ห้ามในการที่ตนจะแสดงความเห็นทางการเมือง ไม่ได้ห้ามในการที่ตนจะช่วยพรรคคิด ไม่ได้ห้ามในการที่ตนจะทำงาน ตรงนี้ไม่ได้ห้าม การห้ามนั้นแค่ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองเท่านั้น ตนยังคงช่วยงานพรรคได้ ส่วนจะดำรงตำแหน่งภายในพรรคการเมืองได้หรือไม่นั้น คงต้องรอดูกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งว่า มีรายละเอียดเป็นอย่างไร

“ในบางครั้งการรบ การต่อสู้ ไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธ แต่ต้องใช้สติปัญญามากกว่า ดังนั้นผมจึงไม่ห่วงในเรื่องต่างๆเหล่านี้ ในเมื่อกฎหมายห้ามแค่ไหนเราก็อยู่ตรงแค่ที่กฎหมายห้าม แต่สิ่งที่กฎหมายไม่ได้ห้ามนั้นก็เป็นสิทธิ์ที่เราจะเลือกว่าจะทำหรือไม่ทำอย่างไร การเมืองในยุคนี้ หรือยุคหน้า สามารถทำงานอยู่หลังฉากได้ แต่อนาคตยังเป็นสิ่งที่ตอบไม่ได้ว่าจะต้องเป็นอย่างไร แต่ในปัจจุบันจะต้องมองให้เห็นความจริงกันว่าแกนนำพรรคการเมืองบางพรรคเขาไม่ได้มีชื่อ ไม่ได้มีตำแหน่งใดๆ แต่ก็สามารถทำงานอยู่เบื้องหลังให้พรรคการเมืองหลังนั้นมีความสำเร็จได้อยู่ตลอด” นายสมศักดิ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนตัวนายสมศักดิ์ยังยืนยันทำงานอยู่กับพรรคชาติไทยพัฒนาต่อไปใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนเกิดจากพรรคชาติไทย ถึงอย่างไรก็เปรียบเป็นคนในครอบครัวของพรรคชาติไทย เพราะฉะนั้นไม่ว่าตน หรือลูกชายทุกคนยังคงอยู่กับพรรคชาติไทยตลอด ส่วนใครจะมามีบทบาทในการนำพรรคต่อไปนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถพูดถึงได้ เนื่องจากพรรคการเมืองยังไม่สามารถเรียกประชุมหรือทำกิจกรรมทางการเมืองใดๆได้ อีกทั้งข้อบังคับของพรรคชาติไทยพัฒนา ตอนนี้เรายังไม่สามารถพูดถึงตำแหน่งหัวหน้าพรรคได้ จนกว่าการเลือกตั้งทั่วไปจะเสร็จสิ้นลงแล้วจึงจะประชุมเพื่อเปิดโอกาสให้มีการคัดเลือกหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค ตำแหน่งผู้บริหารพรรค “แต่ผมยืนยันว่าศิลปอาชายังคงให้การสนับสนุนพรรคชาติไทยพัฒนาอยู่ต่อไป ส่วนจะมีตำแหน่งหัวหน้าพรรคหรือไม่อันนั้น ยังตอบไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องที่เราจะมากำหนดกันได้เอง จะต้องขึ้นอยู่กับสมาชิกพรรค ว่าเห็นควรจะสนับสนุนใครขึ้นมา แต่เวลานี้หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา คือนายธีระ วงศ์สมุทร”

เมื่อถามว่า สำหรับขวัญและกำลังใจของสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนาขณะนี้เป็นอย่างไร สมศักดิ์ กล่าวว่า การที่ตนถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ไม่ได้หมายความว่า ตนเสียชีวิตไป และในเมื่อตนยังอยู่ก็ยังสามารถช่วยพรรคชาติไทยพัฒนา ทำงานได้ตลอด ทั้งนี้ การที่บ้านถูกยึดไป ก็ไม่ได้หมายความว่าตนและครอบครัวจะต้องรีบขนของออกในวันนี้ เพราะยังมีขั้นตอนต่อไปของกรมบังคับคดี ที่ตนยังสามารถไปร่วมประมูล หรือซื้อกลับมาได้ หลังจากที่มีการขายทอดตลาด

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน