ป.ป.ช.นัดอังคารนี้ ตัดสินคดี บิ๊กป.ป.ช. ยื่นทรัพย์สินเท็จ 260 ล้านโยงคดีปาล์มอินโดฯ ยันยิ่งเป็น “คนใน” ยิ่งต้องตรวจเข้มกว่าคนนอก

จากกรณีไต่สวนคดีปลูกปาล์มน้ำมันอินโดนีเซีย ซึ่งถือเป็นคดีข้ามชาติ ที่ป.ป.ช.ทำงานร่วมกับหลายหน่วยงาน ตรวจพบความผิดปกติ กรณีการจ้างค่านายหน้าที่ดินแพงเกินจริง พบว่าผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มีส่วนรู้เห็นและโอนเงินเข้าบัญชีคนไทย หนึ่งในนั้นเป็นเครือญาติของผู้บริหารระดับสูงในป.ป.ช. และป.ป.ช.ไต่สวนแล้วพบความผิดปกติในการยื่นบัญชีทรัพย์สินฯของคู่สมรสผู้บริหารคนดังกล่าว โดยไม่ได้แจ้งทรัพย์สินมูลค่ากว่า 260 ล้านบาท คณะกรรมการป.ป.ช.จึงมีมติชี้มูลความผิดผู้บริหารระดับสูงดังกล่าว ฐานจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินฯอันเป็นเท็จ หรือปกปิดทรัพย์สินฯที่ควรแจ้งต่อ ป.ป.ช.และให้ส่งสำนวนไปยังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบนั้น

เมื่อวันที่ 8 ส.ค. ที่เมืองทองธานี นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ถึงการไต่สวนผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานป.ป.ช. กรณียื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ หรือปกปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่ควรแสดงต่อป.ป.ช. จำนวน 260 ล้านบาทว่า ในกฎหมาย ป.ป.ช.ระบุไว้ชัดเจนว่า เจ้าหน้าที่ของป.ป.ช. ตั้งแต่ระดับผอ.สำนักขึ้นไป รวมถึงเจ้าหน้าที่ไต่สวน เจ้าหน้าที่ตรวจสอบทรัพย์สิน มีหน้าที่ยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินฯต่อป.ป.ช.

ซึ่งกรรมการป.ป.ช.จะต้องตรวจสอบความถูกต้องและดูพฤติการณ์อื่นๆ ประกอบในกรณีเข้ารับตำแหน่ง พ้นตำแหน่ง พ้นตำแหน่ง 1 ปี และยื่นทุก 3 ปีที่อยู่ในตำแหน่งเหมือนกับเจ้าหน้าที่รัฐรายอื่นๆ ซึ่งการตรวจสอบเจ้าพนักงานของรัฐทุกคนอยู่ในมาตรฐานเดียวกัน โดยเฉพาะหากพบว่าเจ้าหน้าที่ของ ป.ป.ช.กระทำความผิดจะต้องถูกดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด

ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีตรวจสอบพบว่าผู้บริหารระดับสูงของป.ป.ช.ปกปิดบัญชีทรัพย์สิน นายวรวิทย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องบอกก่อนว่าขั้นตอนการดำเนินการของ ป.ป.ช.นั้นยังไม่เรียบร้อยสมบูรณ์ และคณะกรรมการป.ป.ช.จะพิจารณากันในวันอังคารที่ 13 ส.ค.นี้

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน
เมื่อถามว่าต้องดำเนินการขั้นตอนใดอีก คดีจึงจะเสร็จสมบูรณ์ นายวรวิทย์ กล่าวว่า ตรงนั้นเป็นรายละเอียดของคดี ขออนุญาตว่าถ้าพิจารณาเสร็จแล้วจะแถลงให้สังคมทราบ แต่ขอย้ำว่าถึงแม้จะเป็นคนใน ป.ป.ช.เอง เราก็พิจารณาตามกฎหมายเหมือนกัน อยู่ในมาตรฐานเดียวกัน โดยเฉพาะคนใน ยิ่งจะต้องเข้มงวดมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นคนของเราเอง

ส่วนบุคคลดังกล่าวจะหยุดปฏิบัติหน้าที่ก่อนหรือไม่ในขณะที่ถูกไต่สวนนั้น นายวรวิทย์ กล่าวว่า ยังปฏิบัติหน้าที่ปกติ เพราะถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่

เมื่อถามว่าในเมื่อมีคนในป.ป.ช.ที่เป็นองค์กรตรวจสอบมีปัญหาเสียเอง จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อถือขององค์กรหรือไม่ นายวรวิทย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้กังวล เพราะไม่ว่าใครหากมีส่วนเกี่ยวข้อง เราก็ทำหน้าที่ตรวจสอบ และถ้าตรวจสอบแล้วพบว่ากระทำความผิด จะดำเนินการตามกฎหมายกำหนด แต่ถ้าไม่ผิดก็ยุติเรื่องไป

เมื่อถามถึงกฎหมายระบุหากเป็นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.กระทำผิดเอง จะมีโทษ 2 เท่า นายวรวิทย์ กล่าวว่า เรื่องโทษสองเท่าเป็นเรื่องของการกระทำความผิดทุจริต ไม่เกี่ยวกับการยื่นบัญชีทรัพย์สิน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน