รัฐบาลจงฟัง! มีประยุทธ์ ไม่มี มงคลกิตติ์ พลังประชารัฐไม่เคยให้เกียรติ ผิดสัญญา

วันที่ 13 ส.ค. ที่โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการและคอนเวนชั่นเซนเตอร์ แจ้งวัฒนะ นาย มงคลกิตติ์ สุขสินธรานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อมสมาชิกพรรค แถลงข่าวประกาศเป็นฝ่ายค้านอิสระอย่างเป็นทางการ ว่า พรรคประชุมและมีมติเอกฉันท์ เปลี่ยนสถานะจากพรรคร่วมรัฐบาลมาเป็นฝ่ายค้านอิสระยืนข้างประชาชน โดยไม่ได้เข้าร่วมกับพรรคฝ่ายค้าน

แนวนโยบายของพรรคอะไรที่รัฐบาลทำถูกต้องก็จะสนับสนุน ไม่ถูกต้องก็จะคัดค้าน การทำงานของพรรคจะเป็นเอกเทศ ในสภาผู้แทนราษฎรจะไม่ได้มีแค่รัฐบาลและฝ่ายค้าน แต่จะมีฝ่ายค้านอิสระอีก 1 คน

นายมงคลกิตติ์ กล่าวชี้แจงว่า เหตุผลที่เข้าร่วมรัฐบาลเมื่อวันที่ 26 มี.ค. ต้องการเปิดสวิตซ์ประเทศไทย ให้ประเทศก้าวสู่ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอย่างสมบูรณ์ และประเทศชาติเดินหน้าได้ นำนโยบายพรรคไทยศรีวิไลย์ไปขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อพี่น้องประชาชน ให้อำนาจ มาตรา 44 หายไป ทหารกลับเข้ากรมกอง สร้างความมั่นใจกับนักลงทุนต่างชาติว่าประเทศไทยกลับมาเป็นประชาธิปไตยแท้จริง

ส่วนเหตุผลที่ออกจากฝ่ายรัฐบาล การทำงานในสภาในฐานะฝ่ายรัฐบาลไม่มีความเป็นอิสระในการตรวจสอบรัฐบาล เพราะต้องเกรงใจกันหลายขั้นตอน มีการบล็อกกันไม่ให้ได้พูด ให้เวลาในฐานะหัวหน้าพรรคน้อยมาก พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ไม่ให้เกียรติกัน ไม่นำนโยบายพรรคไทยศรีวิไลย์ไปดำเนินการ สวนทางกันทางนโยบายอย่างชัดเจน

อาทิ การเร่งจัดซื้อเครื่องบินโบอิ้งและแอร์บัส 38 ลำ 1.56 แสนล้านบาท ทั้งที่การบินไทยขาดทุน แนวคิดหารายได้เพิ่มของนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โดยการเพิ่มภาษีน้ำมัน ผลักภาระให้ประชาชน 67 ล้านคน ทำให้ซ้ำเติมความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนที่แย่อยู่แล้ว จะทำให้ค่าครองชีพทุกด้านสูงขึ้น

การออกนโยบายประชานิยมแบบหายนะ คือ การแจกเงินประชาชน ซึ่งขาดวินัยทางการเงินการคลัง ซ้ำเติมปัญหาหนี้สาธารณะ จะแจกได้ก็ต่อเมื่อจัดงบประมาณเกินดุล รัฐบาลมีแนวโน้มจะกู้เงิน IMF มาใช้หนี้เงินต้นเดิมจากธนาคารญี่ปุ่นฯ และชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ซึ่งอาจทำให้ประเทศไทยถูกบีบให้ต้องขายรัฐวิสาหกิจที่มีกำไรออกไป

นอกจากนี้ผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐไม่รักษาสัจจะข้อตกลงในการร่วมรัฐบาล ไม่ใส่ใจแก้ปัญหาแบบให้เกียรติกัน ไม่ให้ความสำคัญตั้งแต่ต้น จน 10 พรรคต้องออกมาเรียกร้อง มาถึงขณะนี้สายเกินไปแล้ว รวมทั้งกรณีนายกรัฐมนตรี กล่าวถวายสัตย์ไม่ครบตามรัฐธรรมนูญ และไม่แสดงสปิริตความรับผิดชอบทางการเมือง หรือแก้ไขให้ถูกต้อง

จุดยืนไทยศิวิไลย์

จุดยืนของพรรคจากนี้ไป ตนและผู้บริหารพรรคไทยศรีวิไลย์ ไม่ขอรับตำแหน่งทางการเมืองฝ่ายบริหารใดๆ นอกจากตำแหน่งส.ส. และจะใช้สถานะส.ส. รับทราบปัญหาของพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ 77 จังหวัด นำเข้าสู้สภาฯ เพื่อแก้ไขปัญหาต่อไป ซึ่งส่วนตัวยังเห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรียังสามารถบริหารประเทศต่อไปได้ แต่ต้องแก้ไขสิ่งที่ผิดให้ถูกต้อง ถึงจะบริหารประเทศต่อไปได้

นายมงคลกิตติ์ ยังยืนยันว่า ตนกับ 9 พรรคเล็กยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เวลาทำงานในสภาก็ยังนั่งทำงานในที่เดียวกัน ตนยังรักพี่ๆ ทุกคนโดยเฉพาะพี่พิเชษฐ์ สถิรชวาล หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย ทั้งนี้ ยอมรับว่าพรรคพลังประชารัฐพยายามส่งแกนนำมาประสานปรับความเข้าใจเรื่องตำแหน่งหน้าที่ฝ่ายบริหาร

ซึ่งมีทั้งนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และพล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร ส.ว. โดยเฉพาะร.อ.ธรรมนัส ที่ยังไว้ใจได้ เวลาพรรคไทยศรีวิไลย์ขัดสนยังไปขอยืมเงินได้

เมื่อถามว่าได้รับการประสานแล้วทำไมจึงไม่ยอมกลับไปร่วมรัฐบาลเหมือน 5 พรรคเล็ก นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า มันไม่เหมือนกัน เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นหากผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐรักษาคำพูด ซึ่งไม่ใช่ครั้งเดียวที่ผิดคำพูด แต่เป็นครั้งที่สองแล้ว คำพูดเปลี่ยนไปมาไม่ได้

ตนเป็นหัวหน้าพรรคมีสมาชิกพรรคเป็นหมื่นคนก็จะทำกลับไปกลับมาไม่ได้เหมือนกัน จากนี้การนำเสนอนโยบายของพรรคจะเสนอต่อสภา ได้พูดคุยกับประธานสภาฯ แล้วว่าจะขอทำหน้าที่ฝ่ายค้านอิสระ และขอตั้งตัวเองเป็นประธานวิปฝ่ายค้านอิสระ และต่อไปในอนาคตหากส.ส.คนใดอึดอัดต่อการทำงานก็มาร่วมกันได้ และผลัดกันเป็นประธานวิป เราจะไม่มีการบีบบังคับให้พูดหรือไม่พูด

“ผมอึดอัดมาตั้งแต่วันแรกที่ตั้งกระทู้เรื่องซื้อเครื่องบินการบินไทย ถูกบล็อกทั้งจากกลุ่ม 10 พรรคเล็ก วิปรัฐบาล ผู้ใหญ่ในรัฐบาล ถ้าต้องทำงานแบบนี้อีก 3 ปี 10 เดือนคงอกแตกตาย จริงๆ ผมเริ่มคิดที่จะเป็นฝ่ายค้านอิสระตั้งแต่หลังนายกฯ แถลงนโยบายต่อสภา ตอนนั้นหมด ม.44 แล้ว แต่ยังไม่มีจังหวะ ครั้งนี้เป็นเหตุไม่คาดฝัน ถือเป็นความสวยงามของประชาธิปไตย ยืนยันถ้ารัฐบาลยังมีชื่อพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ผมก็จะไม่เข้าร่วม”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน