รองอธิบดีอัยการ”ปรเมศวร์ อินทร ชุมนุม”โพสต์อัดประยุทธ์ ระบุความคิด อันธพาล หลังขู่เรืองไกรผู้ว่าฯก็งัดโคลงประชดศรีสุวรรณ ถามจะโวยวายไปทำไมในเมื่อโดนตรวจสอบบ้าง “วิษณุ”ยันเองถ้าสภาใหม่วุ่นวาย-โหวตตั้งนายกฯ ไม่ได้ “บิ๊กตู่”ก็ยังมีอำนาจใช้มาตรา 44 ยุบสภาได้ แถมระบุกม.ลูกถ้าร่างไม่เสร็จภายใน 4 เดือน ก็เลื่อนขยายไป 8 เดือนก็ได้ ด้าน”จรัญ ภักดีธนากุล”ยันตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้วินิจฉัยเกินคำขอ แต่พิจารณาในกรอบรัฐธรรมนูญและทำให้ชัดเจนตามผลประชามติ ขณะที่ “มีชัย”เตรียมเดินหน้าปรับแก้ตามคำวินิจฉัยแค่มาตรา 272 เท่านั้น “บิ๊กตู่”ลั่นเป็นทหารมา 40 ปีไม่เคยทำร้าย-ฆ่าใคร หลังอดีตผู้ว่าฯ เหยื่อมาตรา 44 ยกบทโคลงศรีปราชญ์ “เราบ่ผิด ท่านมล้าง ดาบนี้คืนสนอง” ในวันเกษียณ

ตือปลง-ขออยู่เบื้องหลังชทพ.
เมื่อวันที่ 30 ก.ย. ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์กรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีมติยึดทรัพย์บ้านและที่ดินมูลค่า 16 ล้านบาท ในต.ไผ่จำศีล อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง และอาจถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิตว่า ตนทำใจได้มานานแล้ว นักการเมืองต้องยอมรับทุกสภาพที่เกิดขึ้นให้ได้ ยอมรับกติกาบ้านเมืองและยอมรับให้ได้ในทุกประเด็นที่จะเกิดขึ้นกับตัวเรา ทั้งการถูกยึดทรัพย์สินหรือถูกตัดสิทธิ์ตลอดชีวิต อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ห้ามไม่ได้ เราย่อมรู้ตัวเองดีว่าทำอะไรไป เมื่อเรารู้ตัวเราก็สบายใจ
เมื่อถามว่าหากถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตจะส่งผลกระทบต่อการทำงานทางการเมืองของพรรคชาติไทยพัฒนาหรือไม่ เพราะเสียกำลังหลักไป นอกจากการสูญเสียนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตประธานที่ปรึกษาพรรค นายสมศักดิ์กล่าวว่ากรุงศรีอยุธยาไม่เคยสิ้นคนดี พรรคไม่ได้มีตนคนเดียว ยังมีบุคลากรที่มีคุณภาพมากมาย และไม่ได้หมายความว่าพรรคไม่มีตนแล้วจะอยู่ไม่ได้ ตนถูกตัดสิทธิ์ก็เป็นการห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่ไม่ได้ห้ามตนที่จะแสดงความเห็นทางการเมือง ไม่ได้ห้ามตนช่วยพรรคคิด ไม่ได้ห้ามตนทำงาน ตนยังคงช่วยงานพรรคได้ ส่วนจะดำรงตำแหน่งภายในพรรคได้หรือไม่นั้น ต้องรอดูกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งว่ามีรายละเอียดอย่างไร

“บางครั้งการรบ การต่อสู้ ไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธ แต่ต้องใช้สติปัญญามากกว่า ผมจึงไม่ห่วงเรื่องต่างๆเหล่านี้ เมื่อกฎหมายห้ามแค่ไหนเราก็อยู่ตรงแค่ที่กฎหมายห้าม สิ่งที่กฎหมายไม่ได้ห้ามก็เป็นสิทธิ์ที่เราจะเลือกว่าจะทำหรือไม่ทำ การเมืองในยุคนี้หรือยุคหน้าสามารถทำงานอยู่หลังฉากได้ แต่อนาคตยังตอบไม่ได้ว่าจะเป็นอย่างไร ปัจจุบันต้องมองให้เห็นความจริงว่าแกนนำพรรคบางพรรคเขาไม่ได้มีชื่อ ไม่ได้มีตำแหน่ง แต่สามารถทำงานอยู่เบื้องหลังให้พรรคนั้นมีความสำเร็จได้อยู่ตลอด” นายสมศักดิ์กล่าว

เล็งซื้อบ้านที่ถูกสั่งยึดกลับคืน
ผู้สื่อข่าวถามว่ายังยืนยันทำงานอยู่กับพรรคชาติไทยพัฒนาต่อไปใช่หรือไม่ นาย สมศักดิ์กล่าวว่าตนเกิดจากพรรคชาติไทย เปรียบเป็นคนในครอบครัวของพรรค ฉะนั้นไม่ว่าตนหรือลูกชายทุกคนยังคงอยู่กับพรรคตลอด ส่วนใครจะมีบทบาทนำพรรคต่อไปนั้น ยังไม่สามารถพูดถึงได้ เนื่องจากพรรคยังไม่สามารถเรียกประชุมหรือทำกิจกรรมใดๆได้ อีกทั้งข้อบังคับของพรรคตอนนี้เรายังไม่สามารถพูดถึงตำแหน่งหัวหน้าพรรคได้จนกว่าการเลือกตั้งจะเสร็จสิ้น จึงจะประชุมเพื่อคัดเลือกหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค ตำแหน่งผู้บริหารพรรค
“แต่ผมยืนยันว่าศิลปอาชายังคงให้การสนับสนุนพรรคอยู่ต่อไป ส่วนจะมีตำแหน่งหัวหน้าพรรคหรือไม่ ยังตอบไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องที่เราจะมากำหนดกันได้เอง ขึ้นอยู่กับสมาชิกพรรคว่าเห็นควรสนับสนุนใครขึ้นมา แต่เวลานี้หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา คือนายธีระ วงศ์สมุทร” นายสมศักดิ์กล่าว

เมื่อถามว่าขวัญและกำลังใจของสมาชิกพรรคขณะนี้เป็นอย่างไร สมศักดิ์กล่าวว่าการที่ตนถูกตัดสิทธิ์ไม่ได้หมายความว่าตนเสียชีวิต และเมื่อตนยังอยู่ก็ยังช่วยพรรคทำงาน ได้ตลอด ทั้งนี้ การที่บ้านถูกยึดก็ไม่ได้หมายความว่าตนและครอบครัวจะต้องรีบขนของออกในวันนี้ เพราะยังมีขั้นตอนต่อไปของกรมบังคับคดีที่ตนยังสามารถไปร่วมประมูลหรือซื้อกลับมาได้หลังจากขายทอดตลาด

จตุพรเชื่อคนเพื่อไทยถูกไล่ล่าแน่
วันเดียวกัน นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวทางเฟซบุ๊กไลฟ์”3 วันก่อนถอนประกัน กับมุมมองการเมืองไทย” ว่าตนไม่รู้ชะตากรรมว่าอะไรจะเกิดขึ้นจากนี้ แต่ยืนยันและยึดมั่นแนวทางต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยท่ามกลางข้อกล่าวหาอยู่ตลอด เชื่อว่าการกวาดล้างทางการเมืองยังเดินหน้าต่อไป แต่ไม่มีอะไรใหญ่ไปกว่าการต่อสู้เพื่อบ้านเมืองให้เป็นประชาธิปไตยที่ถูกต้อง

นายจตุพรกล่าวว่า ขณะนี้หลายคนวิตกเรื่องนายกฯคนนอก ที่จะเกิดขึ้นในช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปี เดิมเจตนาของกรธ.เห็นควรทำในวาระแรก แต่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดให้ทำได้ทุกวาระภายใน 5 ปี หรือ 2 สมัย เท่ากับ 8 ปี จะเลือกนายกฯคนนอกกี่ครั้งก็ได้โดยไม่จำกัด ซึ่งไม่เหนือความคาดหมาย และจากนี้มองว่าพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะเหลืออดีตส.ส. รอดอยู่กี่คน เพราะคงโดนคดีใดคดีหนึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์มี 15 คดี อดีตส.ส.พรรคร่วมกว่า 300 ชีวิต ก็ไม่น่าแตกต่างกัน ดังนั้น ประเทศนี้จะเต็มไปด้วยคนล้มละลาย มีการตามไล่ยึดทรัพย์เต็มไปหมด แต่เรื่องนี้ยังเล็กกว่าความไม่เป็นประชาธิปไตย แต่ถ้าเป็นประชาธิปไตย คนที่ถูกกล่าวหาเหล่านี้ยังมีสิทธิ์ต่อสู้คดีอย่างยุติธรรมและเสมอภาคได้

นายจตุพรกล่าวว่า สิ่งที่ตอกย้ำให้สังคมเห็นคือ อีกฝ่ายมีพฤติการณ์ชัดเจนหลายเรื่อง แต่ไม่ต้องคดีในลักษณะเดียวกันบ้าง เช่น ป.ป.ช.เล่นงานอดีตประธานรัฐสภาทำหน้าที่ไม่เป็นกลาง จึงเกิดคำถามว่าป.ป.ช.เป็นกลางแล้วหรือยัง ถ้ายังมีการสร้างวิกฤตเทียม และใช้จริยธรรมกับบางฝ่าย เราก็หนีวังวนของปัญหาไปไม่ได้ จึงเชื่อว่าถ้าทำให้อคติหมดไป ประเทศไทยก็จะนับหนึ่งต่อไปได้

“บิ๊กตู่”เผยยิ่งถูกด่ายิ่งมีกำลังใจ
ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานมอบนโยบายในการสัมมนาเสริมสร้างความรู้และธรรมาภิบาลของกรรมการรัฐวิสาหกิจ ว่าจากการทำงานร่วมกันมา 2 ปี ความคิดบางอย่างอาจแตกต่างกัน แต่เชื่อมั่นว่าวันนี้ทุกคนต้องกลับมามองประเทศไทย ว่าจะต้องยืนอยู่ตรงไหนของประชาคมโลก และขอให้เชื่อมั่นว่าตนไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์ของพวกพ้องใดๆ ทุกอย่างทำเพื่อประเทศไทย และคิดว่าทุกคนรักประเทศไทยเช่นเดียวกับตน ขอให้ช่วยกันทำในสิ่งที่ดี เกิดความเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศให้เร็วที่สุดตามนโยบายที่มีอยู่

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขอให้ทุกคนอย่าเครียดในการทำงาน ซึ่งผิดกับตนซึ่งเครียดทุกวัน เมื่อสักครู่นั่งรถมาก็มีเรื่องให้เครียด เพราะมีงานเข้ามาทั้งวัน หลายคนบอกให้ใจเย็นๆ อย่าไปรับมาทุกเรื่อง แต่ทำอย่างไรได้เพราะลงมาที่ตนทุกเรื่อง กลับไปกลับมา ด่าใครไม่ได้ก็ด่านายกฯก่อน แต่ไม่เป็นไรตนรับได้ ยิ่งด่ายิ่งมีกำลังใจ การทำอะไรต้องเริ่มจากใจตัวเอง ต้องปฏิรูปตัวเองก่อนถึงจะปฏิรูปประเทศได้ ตนไม่ได้ว่าที่ผ่านมาดีหรือไม่ดี แต่วันนี้ต้องทำให้ดีขึ้นกว่าเดิม ไม่เช่นนั้นก็ไม่รู้จะปฏิรูปไปทำไม

ฉุนโพสต์-ลั่นไม่เคยฆ่าฟันใคร
นายกฯกล่าวว่า การบริหารบ้านเมืองให้มีธรรมาภิบาลเกี่ยวข้องทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน รัฐวิสาหกิจ และประชาชนทุกภาคส่วนจะต้องร่วมมือสร้างสังคมที่มีคุณธรรม สร้างองค์กรให้มีจริยธรรมและธรรมาภิบาลในการทำงาน ตนขอเวลาอีก 1 ปีตามโรดแม็ปที่วางไว้ ทำให้สังคมและประชาชนเดินไปด้วยกันได้ ไม่ใช่แบ่งเป็นสองข้างเสมอ เหมือนเหรียญที่มีสองด้าน ส่วนที่ไม่เห็นด้วยมีไม่มากนัก แต่ตนห่วงส่วนที่อยู่ตรงกลาง ซึ่งไม่รู้จะไปทางไหนเทไปเทมา ประมาณ 30-40 เปอร์เซ็นต์ หากไหลไปรวมกับฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยรัฐบาลก็ทำงานไม่ได้ ดังนั้นจะต้องเร่งแก้ไขปัญหาในการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ เปิดเผยโปร่งใส ต้องไม่ไปรวมหัวกันกระทำการทุจริต หรือทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ต้องสร้างให้สังคมมีความเชื่อมั่น

“ผมเปิดเว็บดู ไปเจอข้อความซึ่งเป็นคนที่ถูกสอบสวนโดยกระบวนการทางกฎหมายเขียนไว้ บอกว่าตอนนี้เกษียณอายุราชการแล้ว ขอบคุณนายกฯและหัวหน้าคสช. จำไว้แล้วกันระวังดาบนั้นคืนสนอง ผมก็คิดว่าผมผิดตรงไหนในเมื่อตัวเองมีความผิด กฎหมายก็ดำเนินการไปแล้ว แล้วจะมาบอกว่าผมไปทำร้ายเขา ผมบอกตรงๆ ผมไม่เคยคิดทำร้ายคนเลย ผมเป็นทหารเกือบ 40 ปี ไม่เคยคิดอยากฆ่าใครสักคน ที่ใช้อาวุธก็ต่อสู้กับอริราชศัตรู ไม่รู้จักกันและไม่รู้ว่าที่ยิงไปตาย หรือเปล่า ถือเป็นสิ่งสำคัญต้องดูที่เจตนา” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

โต้-ยืนยันไม่ได้ดูแลเฉพาะกลุ่มใด
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้ขอให้ทุกคนทำงานเชิงรุก ถ้าตั้งรับแบบเดิมไม่ได้แล้ว เราต้องป้องกันตัวเองก่อนที่จะทำงานทุกงาน ไม่เช่นนั้นก็จะติดขัดถ้าดันทุรังทำวันข้างหน้าก็ถูกฟ้องกลับมา จึงอยากจะเตือนไว้ก่อน กฎหมายก็คือกฎหมาย หน้าที่ของตนต้องทำกฎหมายให้บังคับใช้ให้ได้ และนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ตนไม่เคยไปตั้งข้อกล่าวหาขึ้นมาเอง หรือไปล้วงลูกใคร ทุกอย่างมีการเสนอเข้ามา แม้แต่การใช้มาตรา 44 เพื่อดำเนินการสอบสวนก็มีผู้เสนอขึ้นมาผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แล้วจะให้ตนทำอย่างไรในเมื่อมีรายชื่อขึ้นมา ไม่ทำก็ไม่ได้ เมื่อมีการเสนอขึ้นมาตามขั้นตอนก็ต้องอนุมัติตามหลักฐานที่มี แต่ถ้าไม่มีหลักฐานแล้วเสนอขึ้นมาก็ต้องไปเล่นงานคนที่เสนอ ทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน ไม่ใช่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับนายกฯคนเดียว ถ้าไม่ร่วมมือกันก็ขับเคลื่อนไม่ได้

“รัฐบาลไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวว่าจะต้องดูแลเฉพาะคนกลุ่มนี้ ไม่มีนโยบายที่จะต้องหาเงินมาส่งให้กับรัฐบาล ถ้ามีให้มาบอกผม อย่าให้ใครมาอ้าง ผมไม่เคยพูดเรื่องผลประโยชน์กับใคร แต่ถ้าใครมีส่วนเกี่ยวข้องต้องว่ากันตามกระบวนการยุติธรรม ถ้าเศรษฐกิจขยายตัวอย่างต่อเนื่องบ้านเมืองสงบเรียบร้อย มีเสถียรภาพประเทศก็จะเดินหน้าไปได้ แต่มีหลายคนระบุว่า การเข้ามาของผมเหมือนเป็นการบังคับ มีการใช้อำนาจทางปกครองในเชิงบังคับ ผมไปบังคับให้ทุกคนอยากมีความสุข หรือไปบังคับให้บ้านเมืองสงบ เรื่องแบบนี้อยู่ที่ใจของคน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

โวยรูปอาบน้ำประชดดังทั้งโลก
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณีชาวกะเหรี่ยงที่โพสต์รูปอาบน้ำกลางถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อที่บ้านตีนธาตุ อ.แม่ระมาด จ.ตาก เมื่อ วันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า ภาพผู้หญิงนุ่งกระโจมอกอาบน้ำกลางถนนภาพนั้นไปถึงองค์การสหประชาชาติ(ยูเอ็น)แล้ว หลายประเทศนำเอาไปเป็นแบบอย่าง แล้วบอกว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องดูแลให้ดีกว่านี้ อายเขาไหมล่ะ ประชาชนเข้าใจกันหรือไม่ว่าถนนเส้นนั้นเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของใคร ก็เป็นของท้องถิ่น เอาเงินมาจากไหนก็เอาเงินมาจากภาษีของตัวเอง แล้วทำกันได้ไหม บางอย่างทำได้ บางอย่างทำไม่ได้ บางที่ทำดี บางที่ทำไม่ดี เขาต้องปรับปรุงตัวเอง ทุกภาคส่วนต้องพัฒนารวมถึงรัฐวิสาหกิจก็ต้องมีการพัฒนา ประชาชนต้องมีการปรับปรุงไปด้วย

“อย่าให้มีอีก คราวหน้าจะนุ่งชุดว่ายน้ำอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ก็น้ำมันลึกขึ้นไง แหม ทำกันเป็นเรื่องสนุกไปได้ ผมก็สงสารเห็นใจ ป้าๆ ยายๆ คนแก่ เขาต้องการให้เห็นว่าตั้งแต่สาวจนแก่ยังเป็นแบบนี้อยู่ มันทำแบบนั้นไม่ได้ เราต้องอธิบายว่าให้ท้องถิ่นเข้ามาพูดคุย ผมไม่ได้รังเกียจใครเลย เพราะท้องถิ่นเป็นกลไกที่ประชาชนอยู่ใกล้มากที่สุด เขาสามารถเป็นตัวเองให้พวกเราได้ การทำงานต้องลงไปสู่ข้างล่าง จะต้องมีการชี้แจงด้วยตัวของท่านเอง จะดีกว่าใครคนอื่นชี้แจง ต้องชี้แจงว่าอดีต ปัจจุบัน อนาคตประชาชนจะได้อะไร วันนี้อาจไม่ได้ วันหน้าอาจไม่ได้”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

อดีตผู้ว่าฯเหยื่อม.44-งัดโคลงอัดตู่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้าวันเดียวกันนี้ นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ อดีตผวจ.จันทบุรี ซึ่งถูกคำสั่งคสช. ตามมาตรา 44 ได้โพสต์เฟซบุ๊ก “ปล่อยคนผิด 10 คน ดีกว่าประหารชีวิตคนบริสุทธิ์ 1 คน!” พร้อมยกคำโคลงศรีปราชญ์ ขอบคุณพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ในวันเกษียณอายุราชการหลังรับใบประกาศเกียรติคุณ ระบุโดนประหารชีวิตราชการ โดยมาตรา 44 พ้นตำแหน่ง 6 เดือน ไม่เคยได้รับแจ้งข้อกล่าวหา-ถูกสอบสวน ครอบครัววงศ์ตระกูลขมขื่นมาก

ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ได้โพสต์ภาพใบประกาศของสำนักนายกรัฐมนตรี มีเนื้อหาว่าขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า นายสมศักดิ์ได้รับราชการด้วยความเรียบร้อย และพ้นจากราชการไปด้วยเหตุเกษียณอายุ ในตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการพิเศษประจำสำนักนายกฯ อันเป็นที่เชิดชูเกียรติแห่งตนและวงศ์ตระกูล ประกาศวันที่ 30 ก.ย. 2559 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ อย่างไรก็ตาม โพสต์ ดังกล่าวได้ลบออกไปในวันเดียวกัน

สำหรับบทโคลงที่ นายสมศักดิ์ ยกขึ้นมาโพสต์คือ ธรณีนี่นี้ เป็นพยาน เราก็ศิษย์มีอาจารย์ หนึ่งบ้าง เราผิดท่านประหาร เราชอบ เราบ่ผิดท่านมล้าง ดาบนี้คืนสนอง

“จรัญ”ยันไม่ได้วินิจฉัยเกินคำขอ
วันเดียวกัน นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ตีกลับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เพื่อให้สอดคล้องกับคำถามพ่วงว่า เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ที่กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่าร่างรัฐธรรมนูญของกรธ. ชอบด้วยกับผลการออกเสียงประชามติแล้วหรือไม่ จึงไม่มีประเด็นว่าศาลวินิจฉัยเกินคำขอ เพราะไม่ได้วินิจฉัย ตามคำขอของใคร แต่เป็นไปตามกรอบที่รัฐธรรมนูญกำหนด

นายจรัญกล่าวว่า ประเด็นที่เห็นแตกต่างจากกรธ. และส่งกลับไปแก้ไขให้สอดคล้อง มี 2 ประเด็นในมาตรา 272 คือ 1.ในร่าง ของกรธ. กำหนดเรื่องที่ให้สมาชิกรัฐสภาในวาระเริ่มแรกนับตั้งแต่มีส.ส. ซึ่งไม่ตรงกับวรรคแรกที่เขียนไว้ว่าในระหว่าง 5 ปีแรก นับจากมีรัฐสภาที่ตรงกับคำถามพ่วงตอนประชาชนออกเสียงเห็นชอบ ศาลจึงมีมติ 8 ต่อ 1 ว่าต้องใช้กรอบเวลาเดียวกัน ไม่เช่นนั้นจะขัดแย้ง จึงให้แก้ไขเรื่องกำหนดเวลาและการเริ่มนับเวลาให้ตรงกับคำถามพ่วง โดยใช้คำว่า ในระหว่าง 5 ปีแรกนับตั้งแต่วันที่มีรัฐสภาชุดแรกตามรัฐธรรมนูญนี้ ไม่ใช่วาระเริ่มแรกนับตั้งแต่มี ส.ส. เพราะวาระเริ่มแรก หมายถึงครั้งเดียวหลังเลือกตั้งส.ส. จึงเกิดข้อคิดว่าถ้าตั้งนายกฯ ไปครั้งหนึ่งแล้ว นายกฯ ลาออกหรือเปลี่ยนรัฐบาลจนต้องตั้งนายกฯ ใหม่ก็ยังอยู่ใน 5 ปีแรก แต่เกิดข้อติดขัดว่าไม่สามารถเลือกคนจากบัญชีรายชื่อได้แล้ว ดังนั้น การขอยกเว้นเพื่อปลดล็อกตามวรรคสอง จะทำไม่ได้ ไม่สอดคล้องกับผลประชามติ

“จะมีคำขอหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นเพราะเมื่อศาลตรวจสอบพบว่าไม่สอดคล้องกับ ผลออกเสียงประชามติ ก็ต้องแก้ให้ถูกต้อง เพราะไม่ใช่การไปใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ไม่ให้พิพากษาเกินคำขอ มันคนละระบบศาล จึงต้องตัดประเด็นเรื่องคำขอไปเลย” นายจรัญกล่าว

โต้เปิดทางให้มีนายกฯคนนอก
นายจรัญกล่าวว่า 2.การเข้าชื่อขอยกเว้นการเลือกนายกฯ จากบัญชีรายชื่อ ศาลมีมติ 7 ต่อ 2 ให้ ส.ว.เข้าชื่อเพราะเป็นผู้มีส่วนร่วมในการอนุมัติยกเว้น ก็ควรให้รัฐสภาร่วมกันทำ เพื่อประโยชน์ในการแก้ปัญหาประเทศในกรณีที่ไม่สามารถแต่งตั้งคนที่อยู่ในบัญชีรายชื่อได้ตามวรรคหนึ่ง แต่ไม่ได้ไปลิดรอนสิทธิของส.ส.ที่มีอยู่เดิมที่การเสนอชื่อเป็นอำนาจของส.ส. ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 159

นายจรัญกล่าวว่า ส่วนที่มีเสียงวิจารณ์ว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เปิดทางให้มี นายกฯ คนนอกนั้น ยืนยันว่าไม่ใช่ เพราะ ส.ส.ต้องเสนอชื่อคนจากบัญชีรายชื่อก่อนเป็นอันดับแรก อย่างน้อยน่าจะมี 3 พรรคที่ได้คะแนนเสียงเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ในสภาเท่ากับมี 9 คน แต่ถ้าติดล็อกว่าที่ประชุมรัฐสภาไม่เห็นชอบก็เท่ากับต้องเลือกแล้ว 9 รอบแต่ไม่ได้รับความเห็นชอบ ใช้เวลาไปเท่าไรจะปล่อยให้ประเทศอยู่ในภาวะอย่างนั้นนานๆ ก็อันตราย ดังนั้น ไม่มีทฤษฎีใดที่จะสำคัญไปกว่าความมั่นคงอยู่รอดของประเทศ จึงแก้ไขให้ส.ว.มีส่วนร่วมเข้าชื่อเสนอขอยกเว้นนายกฯ จากบัญชีรายชื่อ ส่วนที่มีข่าวว่ากรธ.บางคนอยากพบกับศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอความชัดเจนในการปรับแก้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ตนไม่สามารถบอกได้ว่าจะมีการพบกันหรือไม่ เพราะเรื่องนี้เป็นมติร่วมกันขององค์คณะทั้งหมด

มีชัยยันไม่มีกรธ.คาใจศาลรธน.
ที่รัฐสภา นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีสื่อบางฉบับพาดหัวข่าว กรธ.คาใจคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่า เป็นคำพูดที่ตนไม่ได้พูด เพราะกรธ.ไม่มีวันจะคิดหรือพูดในทางที่ว่าศาลรัฐธรรมนูญทำเกินคำขอ เพราะคำขอมีเพียงว่าเราต้องเขียนสิ่งที่สอดคล้องกับประชาชามติอย่างไร ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญก็ตอบมาตามคำขอและสอดคล้อง ไม่มีอะไรเกินคำขอ แต่อาจไม่ตรงตามที่บางฝ่ายวิจารณ์ เช่น สมาชิกสนช.ที่ถกเถียงกันว่า ส.ว.มีสิทธิเสนอชื่อนายกฯ หรือไม่
เมื่อถามว่าจะไปพูดคุยหรือทำหนังสือถึงศาลรัฐธรรมนูญเพื่อทำความเข้าใจเรื่องนี้หรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่า ศาลเป็นผู้ใหญ่คงไม่คิดอะไร และคงไม่มีผลต่อบรรยากาศการทำงานที่ต้องทำร่วมกัน คนทำหน้าที่เป็นเสาหลักของบ้านเมืองจะเถียงกันอย่างไรก็ตาม เวลาปฏิบัติหน้าที่เราก็ทำตามหน้าที่ มีภาระต้องทำ ไม่เอาเรื่องส่วนตัวเข้ามายุ่ง กรธ.เคารพผู้ใหญ่ เมื่อเขาบอกให้เราทำอย่างไรเราก็ต้องทำตาม เชื่อว่าศาลคงไม่เอาเรื่องนี้มาใส่ใจ เพราะคนที่ได้รับเลือกเข้ามาทำงานตรงนี้ต้องมีฐานที่วางใจได้อยู่แล้ว

เดินหน้าแก้ไขร่าง-แค่มาตรา 272
เมื่อถามย้ำว่ากรธ.จะไปพูดคุยกันนอกรอบหรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่า ถ้าเจอหน้าก็คุยกันได้ ทั้งนี้ กรธ.ให้แต่ละคนไปอ่านรายละเอียดคำวินิจฉัยของศาลในช่วงวันหยุดนี้ โดย วันที่ 3 ต.ค.นี้ กรธ.จะเริ่มพิจารณาแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ เบื้องต้นคาดว่าจะแก้ไขแค่ มาตรา 272 หากกรธ.แก้ไขแล้ว ถ้าใครเห็นว่าไม่ตรงตามคำวินิจฉัยของศาล ก็ไปร้องศาลรัฐธรรมนูญได้
เมื่อถามว่าในร่างรัฐธรรมนูญกำหนดวาระการดำรงตำแหน่งนายกฯ เป็นได้ไม่เกิน 8 ปี ถ้าหากพล.อ.ประยุทธ์ได้รับเลือกให้เป็นนายกฯ นอกบัญชีพรรคการเมือง ตรงนี้จะมีผลนับวาระย้อนหลังในช่วงที่เป็นรัฐบาลคสช.ด้วยหรือไม่ นายมีชัยนิ่งไปสักครู่ก่อนตอบสั้นๆ ว่า “ไม่เคยคิดเลย ต้องขอกลับไปคิดก่อน”

เมื่อถามถึงศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสั่งยึดทรัพย์บ้านหรู 16 ล้านบาทของนายสมศักดิ์ ให้ตกเป็นของแผ่นดิน หากดูตามร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตหรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่า ต้องดูว่าคำตัดสินของศาลฎีกาฯ ว่าเป็นคดีร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ ถ้าเป็นตามคดีนี้ จะถือว่านายสมศักดิ์ถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต

วิษณุชี้เปิดทาง”บิ๊กตู่”ยุบสภาได้
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับคำถามพ่วงประชามติที่ กรธ.ส่งให้ตีความ ว่า คำวินิจฉัยของศาลที่แตกต่างจากร่างของกรธ. เป็นเพราะต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเมื่อร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติ เนื่องจากเกรงว่าจะมีปัญหาได้ตั้งแต่ร่างแรก เมื่อปรับแก้ใส่คำถามพ่วงเข้าไปก็ต้องไปวินิจฉัยอีก เมื่อศาลว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้น นายมีชัยก็ไม่มีปัญหาและพร้อมแก้ไข ขณะที่ศาลมีเจตนาให้ส.ว.เข้ามามีส่วนร่วมในฐานะสมาชิกรัฐสภาในการโหวต แต่ยกเว้นการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี สำหรับเรื่องระยะเวลา 5 ปี ศาลรัฐธรรมนูญเกรงจะเกิดข้อถกเถียงและตีความได้ 2 นัยยะและเกิดเรื่องยุ่งยาก จึงเขียนให้ชัดไว้เลยว่าให้ส.ว.สามารถเลือกนายกฯ คนนอกภายในเวลา 5 ปี

รองนายกฯ กล่าวว่า หากรัฐสภายังไม่สามารถเลือกนายกฯ ได้ก็ต้องเลือกไปเรื่อยๆ รัฐธรรมนูญบางฉบับระบุว่าต้องเลือกนายกฯ ให้ได้ภายในเวลาที่กำหนด แต่ไม่ได้บอกว่าถ้าเลือกไม่ได้จะทำอย่างไร คำตอบคือต้องเลือกไปเรื่อยๆ เมื่อเลือกไปสักระยะ 5-6 เดือนแล้วสังคมต้องยอมรับว่าเมื่อตกลงกันไม่ได้แสดงว่ามีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นในบ้านเมือง ดังนั้น วิธีแก้ปัญหาตามรัฐธรรมนูญคือการยุบสภาโดยรัฐบาลปัจจุบัน เพราะรัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่าให้รัฐบาลและ คสช.อยู่ไปจนถึงมี ครม.ชุดใหม่ที่ถวายสัตย์ปฏิญาณและเข้าปฏิบัติหน้าที่ โดยที่มาตรา 44 ยังคงมีผลอยู่

ระบุร่างกม.ลูกใช้เวลา 8 เดือนก็ได้
“ผมไม่ได้เปิดประเด็นว่าให้ยุบสภา แต่เมื่อมีการถามว่าถ้าเลือกไม่ได้จะทำอย่างไร แต่ทางไม่ตัน ถ้าเลือกไม่ได้แสดงว่าประชาชนหรือผู้แทนของเขาไม่พอใจที่จะให้มีรัฐบาล การเลือกนายกฯ ไม่มีกำหนดเวลา แต่ต้องดูตามความเหมาะสม จึงต้องช่วยกันเลือกให้ได้ก็จะหมดเรื่อง ถ้าเลือกตั้งแต่รอบแรกตามบัญชีที่พรรคการเมืองเสนอยิ่งวิเศษที่สุด” นายวิษณุกล่าว

นายวิษณุกล่าวถึงการเขียนร่างพ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายลูก ว่า ตนเคยระบุว่าน่าจะทำกฎหมายลูกให้แล้วเสร็จภายใน 4 เดือน แต่ไม่เคยตอบว่าต้องร่างให้เสร็จภายใน 4 เดือน หากไม่เสร็จก็ขยายเวลาไปจนครบ 8 เดือน ซึ่ง กรธ.กำหนดแล้วว่าจะทำกฎหมายพรรคการเมืองและกฎหมาย กกต.ให้เสร็จก่อน หากไม่เริ่มเขียนกฎหมาย 2 ฉบับนี้ก็ไม่สามารถเขียนกฎหมายเลือกตั้งได้ เนื่องจากยังไม่ทราบอำนาจหน้าที่ของ กกต.ว่าสามารถแจกใบใดได้บ้าง หากเขียนกติกาเลือกตั้งก่อนจะโยงไม่ถึงกกต. รวมทั้งกฎหมายพรรคการเมืองซึ่งต้องทำกฎหมายพรรคการเมืองให้ชัดเจนถึงจะเขียนกฎหมายเลือกตั้งได้ แต่ระหว่างนั้นสามารถร่างกฎหมายเลือกตั้งไปด้วย

เขียนก่อนใช้รธน.ใหม่ไม่ชั่วร้าย
นายวิษณุกล่าวต่อว่า ไม่กลัวว่าจะถูกฟ้องร้องในประเด็นร่างกฎหมายลูกก่อนจะประกาศใช้รัฐธรรมนูญ เพราะขณะนี้เป็นการรับฟังข้อเสนอ ยังไม่เข้าสู่กระบวนการเขียนกฎหมายลูก และไม่มีข้อกฎหมายระบุไว้ว่าหากเขียนกฎหมายลูกก่อนเป็นเรื่องชั่วร้ายหรือผิดกฎหมาย มองว่าหากประกาศใช้รัฐธรรมนูญ แล้วสามารถประกาศใช้กฎหมายลูกได้ทันทีถือเป็นเรื่องดีเพราะทำให้กระบวนการเลือกตั้งเกิดเร็วขึ้น ส่วนที่หลายฝ่ายเรียกร้องให้มีการเซ็ตซีโร่องค์กรอิสระนั้น ถ้าทำตามที่หลายเสียงร้องขออาจถูกตำหนิได้ว่าไร้สาระ ไม่มีเหตุผล ไม่มีประโยชน์ ขอยืนยันรัฐบาลไม่มีส่วนเสนอกฎหมายลูก แต่ถ้าดำเนินการแล้วเสร็จและ กรธ.ถามมาก็จำเป็นต้องตอบเพราะมีส่วนที่รัฐบาลอาจต้องปฏิบัติ

“แต่สำหรับกฎหมายพรรคการเมืองอาจต้องมีส่วนไปดู แต่ยังไม่ทราบว่าจะดูส่วนไหนเพราะยังไม่เสร็จ ซึ่งเรื่องกฎหมายลูก กรธ.เป็นผู้มีอำนาจเต็มในการร่าง หากจะผิดหรือถูกขอให้ไปชมหรือว่าที่กรธ. ยิ่งไป ถึงกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญฉบับอื่นๆ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ผู้ตรวจเงินแผ่นดิน รัฐบาลอาจต้องดูว่าข้อเสนอมากไป น้อยไปหรือไม่ ปฏิบัติได้ ปฏิบัติไม่ได้อย่างไร” นายวิษณุ กล่าว และว่า ทั้งนี้ ไม่ทราบว่ากฎหมาย ลูกพรรคการเมืองจะต้องเซ็ตซีโร่หรือไม่ และไม่ทราบว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคการเมืองหรือไม่

พท.เชื่อคสช.วางแผนตั้งพรรคแน่
ด้านนายสามารถ แก้วมีชัย อดีตส.ส. เชียงราย ในฐานะคณะทำงานติดตามการร่างรัฐธรรมนูญพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การได้มาซึ่งนายกฯ เสี่ยงจะทำให้รัฐบาลขาดเสถียรภาพ เพราะกฎหมายสำคัญ เช่น กฎหมายงบประมาณ หรือกฎหมายที่ต้องใช้แก้ปัญหาประเทศ ถ้าส.ส.ไม่เอาด้วยก็ไม่ผ่าน เมื่อไม่ผ่านผู้เสนอกฎหมายคือรัฐบาลต้องรับผิดชอบ ทั้งนี้ ตนเข้าใจว่าเขาคงต้องวางแผนทำพรรค หรือหาพรรคมาเป็นฐานสนับสนุนอยู่ในสภา คงไม่มาแค่คนเดียว คงจะวางแผนไว้แล้ว เพราะกลไกการเลือกตั้งจะไม่มีพรรคใด ได้เสียงข้างมากเด็ดขาด ดังนั้น เสียงจะกระจัดกระจาย ซึ่งคงมีพรรคหลักที่เขาเตรียมไว้ อาจรวมกันได้อย่างน้อย 200 คนก็พอไปได้ เพราะพรรคเพื่อไทยไม่น่าจะถึงเสียงข้างมากเด็ดขาดเช่นกัน

นายสามารถกล่าวว่า ถ้าไม่มีพรรคที่สนับสนุนบอกเลยว่าทำงานยาก และผู้นำขณะนั้นจะไม่มีอำนาจพิเศษแล้ว สมมติพล.อ. ประยุทธ์มาเป็นจะอยู่ได้หรือ เพราะแค่ผู้สื่อข่าวถามอะไรก็เป็นฟืนเป็นไฟแล้ว ถ้าอยู่ในสภาไม่มีใครกลัวใคร คงจะขุดเอาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาโต้กัน พล.อ.ประยุทธ์จะทนไหวหรือ ทั้งนี้ เราตั้งความหวังว่าพรรคที่มาจากประชาชนและไม่ต้องการให้คนนอกมาเป็นนายกฯ จะมาพูดจากันตั้งรัฐบาลร่วมกัน ซึ่งก็เป็นไปได้ ยกเว้นเขาไม่เอาด้วย เราก็ไม่มีทางเลือก ต้องทำหน้าที่ฝ่ายค้าน

ชี้เป็นได้-เพื่อไทยจับมือกับปชป.
เมื่อถามว่าเป็นการบีบให้พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์จับมือกันหรือไม่ นายสามารถกล่าวว่า ถ้าจะพูดแบบนั้นก็ได้ แต่อย่าบอกว่าจับมือ เรียกว่ามาเจรจากัน หากพรรคประชาธิปัตย์เป็นตัวของตัวเอง ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย ต้องการคนที่มาจากประชาชนมาเป็นนายกฯ ก็คงร่วมมือกับเรา มาตกลงกัน ฝ่ายใดได้เสียงข้างมากก็เป็นเบอร์ 1 ถ้าพูดด้วยหลักการก็ต้องเป็นแบบนี้

“แต่ปัญหาคือในพรรคประชาธิปัตย์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันหรือไม่ และหากเราทำงานเป็นฝ่ายค้านก็ง่าย ตรวจสอบตามกติกาซึ่งเขาเป็นคนเขียนเอง และวางกลไกตรวจสอบไว้ละเอียดยิบ เราจะยึดศาสตราวุธที่เขาเตรียมไว้ ซึ่งความจริงคงเตรียมไว้ใช้กับพวกเรา เราจะได้เอามาใช้กับเขาก่อน” นายสามารถกล่าว

“จ้อน”ป้องสปท.ไม่หวังตำแหน่ง
ที่รัฐสภา นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) คนที่ 1 กล่าวถึงผลการวินิจฉัยร่างรัฐธรรมนูญของศาลรัฐธรรมนูญว่า ถือเป็นที่สุด โดย กรธ.มีหน้าที่ปรับแก้ให้เสร็จภายใน 15 วัน ซึ่งมองว่าคำวินิจฉัยดังกล่าวสร้างความชัดเจนใน 3 ประเด็น คือ 1.ส.ส.เท่านั้นที่เป็นผู้เสนอชื่อนายกฯ ให้รัฐสภาเลือกในทุกกรณีโดยส.ว.ไม่มีสิทธิเสนอ 2.รัฐสภามีอำนาจและหน้าที่เลือกนายกฯ ตลอด 5 ปี นับแต่วันที่มีรัฐสภาชุดแรก 3.การเสนอชื่อนายกฯ จากนอกบัญชีพรรค จะทำได้ต่อเมื่อรัฐสภาไม่สามารถเลือกนายกฯ จากบัญชีของพรรคในรอบแรก แต่ไม่ตัดสิทธิ์การเสนอชื่อบุคคลในบัญชีพรรค
ส่วนที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้ยุบ สปท.เพราะกรณีไอ้ห้อยไอ้โหนนั้น รองประธาน สปท.กล่าวว่า ขอให้นายนิพิฏฐ์แยกแยะ อย่าเหมารวม สปท.ทั้งหมดว่าเป็นไอ้ห้อยไอ้โหน เพราะ สปท.มุ่งปฏิรูปบ้านเมือง ไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง แต่การแสดงความเห็นของสมาชิกบางคนเป็นสิทธิและเสรีภาพเหมือนบุคคลอื่นๆ ซึ่งในที่ประชุม สปท.ได้กำชับให้สมาชิกต้องระบุชัดเจนว่าเป็นความเห็นส่วนตัว ไม่ใช่พูดในนามสปท. เพราะจะสร้างความเข้าใจผิดและกระทบการทำงานและความน่าเชื่อถือของ สปท.โดยรวม
“ผมยืนยันได้ว่าสมาชิก สปท.ไม่มี วาระซ่อนเร้นหรือหวังลาภยศตำแหน่งใดๆ ทางการเมืองในอนาคต จึงไม่จำเป็นต้องเอาใจผู้มีอำนาจ เราทุ่มเททำงานเพื่อประเทศ ดังนั้น การเสนอยุบ สปท.เพราะเหตุไอ้ห้อยไอ้โหนจึงไม่สมเหตุสมผล นายนิพิฏฐ์ควรใช้ผลงานของ สปท.เป็นตัวชี้วัดจะถูกต้องเหมาะสมกว่า ขณะนี้ สปท.ได้เสนอแผนและข้อเสนอการปฏิรูปส่งให้รัฐบาลกว่า 100 เรื่อง โดยรัฐบาลได้ปฏิรูปประเทศคืบหน้าไปมากแล้ว และประชาชนส่วนใหญ่พอใจผลงานและมีความเชื่อถือจากผลโพลสำนักต่างๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมา” นายอลงกรณ์กล่าว

หญิงอ้อ-ปูร่วมพิธีศพแม่โภคิน

เมื่อเวลา 18.30 น. ที่วัดพระศรีมหาธาตุบางเขน ศาลา 13 พรรคเพื่อไทย เป็นเจ้าภาพสวดอภิธรรมศพนางอรุณี พลกุล มารดานายโภคิน พลกุล แกนนำพรรค ที่ถึงแก่กรรมด้วยโรคชราในวัย 94 ปี เมื่อช่วงเช้าวันที่ 28 ก.ย. ที่ผ่านมา

สำหรับพิธีสวดอภิธรรมศพในวันนี้ มีคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภรรยานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายพานทองแท้ ชินวัตร พร้อมแกนนำพรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรี อดีตส.ส.จำนวนมากเข้าร่วม อาทิ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรค นายพิชิต ชื่นบาน คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ทั้งนี้ การสวดอภิธรรมศพจะมีต่อเนื่องจนถึงวันที่ 3 ต.ค. และมีพิธีพระราชทานเพลิงศพวันที่ 4 ต.ค. เวลา 17.00 น. ที่ เมรุ 1 วัดพระศรีมหาธาตุบางเขน

รองอธิบดีอัยการอัดประยุทธ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม รองอธิบดีอัยการ สำนักคดีอาญา สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ได้โพสต์ เฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อวันที่ 29 ก.ย. ระบุว่า วันก่อนได้ยินมาว่าท่านนายกฯ กล่าวถึงคุณเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ และคุณศรีสุวรรณ จรรยา ที่ร้องให้มีการสอบสวนกรณีพลเอกปรีชา จันทร์โอชา และวงศาคณาญาติในหลายเรื่องตั้งแต่เรื่องฝาย เรื่องการใช้เครื่องบิน การใช้บ้านพักทางราชการตั้งเป็นห้างหุ้นส่วน และการประมูลงานราชการว่า ทั้งคุณเรืองไกรและคุณศรีสุวรรณนั้นทำมาหากินอะไร ถึงได้ร้องได้ทุกเรื่อง เดี๋ยวท่านจะตรวจสอบทั้งสองคนนี้บ้าง ผมอยากจะเรียนว่าทั้งสองคนนั้นท่านก็เป็นประชาชนคนไทยที่รักชาติไม่แพ้ท่านหรอกครับ ซึ่งเขากำลังทำหน้าที่ของ “พลเมืองดี” ที่ตรวจความไม่ชอบมาพากลตามที่ “กฎหมาย” ให้อำนาจเขาไว้

กล่าวคือ เมื่อมีกรณีน่าเชื่อว่ามีการกระทำความผิดทางอาญาอย่างหนึ่งขึ้น เขาซึ่งเป็นบุคคลอื่นซึ่งไม่ใช่ “ผู้เสียหาย” ได้กล่าวหาต่อเจ้าหน้าที่ว่ามีบุคคลรู้ตัวหรือไม่ก็ดีได้กระทำความผิดอย่างหนึ่งขึ้น ซึ่ง “ข้อร้องเรียน” ของเขานั้น นักกฎหมายเราเรียกว่า “คำกล่าวโทษ” ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 2 (8) เพื่อให้เจ้าพนักงานผู้มีอำนาจทำการสอบสวนในเรื่องดังกล่าวว่าเป็นความผิดจริงหรือไม่ ซึ่งเป็นบทบาทของพลเมืองดีโดยทั่วไปที่จะปกปักรักษาบ้านเมืองของตน

ถูกตรวจสอบบ้าง-กลับโวยวาย
นายปรเมศวร์ระบุต่อว่า จะต่างกับท่าน นายกฯ ตรงที่ท่านมีอำนาจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 44 สั่งเลื่อนลดปลดย้ายข้าราชการต่างๆ ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำทุจริตทั้งที่ยังไม่มีการสอบสวน แค่สงสัยเท่านั้น ท่านก็ประจานพวกเขาในราชกิจจานุเบกษา จนครอบครัวเขาเสียชื่อเสียงไปมากมายก่ายกองและเสียหายไปชั่วลูกชั่วหลาน พอคนในตระกูลจันทร์โอชาโดนเข้าบ้าง ท่านจะไปโวยวายทำไม เหมือนกันแหละครับ ไม่โดนเองไม่รู้สึก พอท่านรู้สึกท่านก็จะสั่งตรวจสอบเขาบ้างว่าสองท่านนี้ทำมาหากินอะไร

ความคิดแบบนี้พวกเราเรียกว่าเป็นความคิดแบบอันธพาลนะครับ ท่านเป็นนายกฯ ต้องระมัดระวัง คิดได้แต่อย่าคิดดัง เพราะสิ่งที่ทำคือเกียรติภูมิของประเทศนะครับ ไม่ได้สอนนะ แต่ว่าผมว่าท่านไม่เข้าใจหลักกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชนแม้แต่น้อย ไม่เชื่อลองถามอาจารย์วิษณุก็ได้ ว่าพูดถูกหรือเปล่า แต่ต้องขอให้อาจารย์ตอบแบบ “ครูกฎหมาย” นะครับ อย่าตอบแบบ “เนติบริกร นะครับ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน