เสวนาแก้รัฐธรรมนูญ ชี้ ‘บิ๊กตู่’ ตัวปัญหา ลั่นอยากปลดแอกเผด็จการประชาชนต้องเป็นเสียงเดียวกันทั้งหมด แค่ 5 หมื่นชื่อไม่พอ “ช่อ” ปลุกม็อบลงถนนอย่างสันติ เรียกร้องแก้รธน. ชี้เป็นสิทธิเสรีภาพที่ทำได้ หวัง เกิดสสร.ร่างรธน.ใหม่

ก้รธน. – วันที่ 8 ก.ย. ที่ศูนย์วัฒนธรรม พุทธวิชชาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร องค์กรตรวจสอบการธำรงไว้ซึ่งหลักนิติธรรมและภาคี ได้จัดเสวนา“ตอบโจทย์ประเทศไทยทำไมต้องแก้รัฐธรรมนูญ” โดยมีนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรมว.คลังและอดีตรมว.ศึกษาธิการ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ พระปัญญาคุณปัญโญ สีสัน นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และนายพรเทพ ทองหล่อ สภานักพัฒนาประชาธิปไตย ภาคอีสาน เป็นผู้ร่วมวงเสวนา โดยมีพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ประธานคณะทำงานการประสานและการมีส่วนร่วมของประชาชนพรรคร่วมฝ่ายค้านเพื่อประชาธิปไตย เป็นผู้สรุปความเห็นของผู้ร่วมเสวนา

นายจตุพร ระบุว่า รัฐธรรมนูญ 2560 เป็นฉบับที่แก้ไขได้ยากที่สุด แม้จะระบุว่าให้แก้ไขได้ แต่ในทางปฏิบัติแทบจะทำไม่ได้เลย เพราะเสียงที่ต้องใช้แก้ไขจะต้องได้เกินครึ่งหนึ่งของเสียงสมาชิกรัฐสภา คือต้องใช้เสียง 376 เสียง เป็นเสียงส.ว. 1 ใน 3 ซึ่งในทางปฏิบัติ ส.ว.ไม่มีทางสนับสนุน เพราะประเด็นหลักที่จะแก้ไขด้วยคือ อำนาจส.ว.ในการเลือกนายกรัฐมนตรี ฉะนั้น ในทางการเมืองแทบเป็นไปไม่ได้ จึงเสนอแนวคิดว่า พรรคการเมืองไม่ว่าจะฝ่ายไหน หากต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้สำเร็จ จะใช้พรรคการเมืองนำไม่ได้เพราะส.ว.จะไม่ให้ความร่วมมือโดยเด็ดขาด

สิ่งสำคัญที่สุดคือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 หากประชาชนไม่ส่งเสียงเดียวกันคงยาก ซึ่งกระบวนการแก้รัฐธรรมนูญ คือเราต้องอธิบายให้ประชาชนเห็นถึงปัญหาความเดือดร้อน โดยปัญหาที่ประชาชนเจอในวันนี้มี 3 อย่างคือ เจอน้ำท่วม เจอน้ำแล้ง และเจอพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม เราจึงต้องลงไปทำความเข้าใจกับประชาชนก่อน

วันนี้เราต้องการปลดแอกเผด็จการ เราต้องการชัยชนะด้วยประชาชน ฝ่ายประชาธิปไตยต้องออกแบบและลดอัตตาลง ผมพร้อมเป็นผู้ตาม ไม่จำเป็นต้องเป็นแถวหน้าเป็นแถวสุดท้ายก็ได้ แต่ขอให้แก้รัฐธรรมนูญได้สำเร็จ จะต้องได้เสียงประชาชนมากกว่า 5 หมื่นชื่อ ต้องทำให้คนไทยพูดเป็นเสียงเดียวกันหมดว่าต้องแก้รัฐธรรมนูญได้แล้ว ไม่เช่นนั้นจะเดือดร้อนกว่าที่ประสบอยู่อีกหลายเท่า และเราต้องได้เสียงส.ว.ทั้ง 250 คน ซึ่งจะทำได้จริงจะต้องเกิดขึ้นจากประชาชนที่มีความแข็งแรงเท่านั้น

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

นายสุชาติ กล่าวว่า ประเด็นสำคัญคือรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเป็นรัฐธรรมนูญที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยชนชั้นสูง หรือ พวกอนุรักษ์นิยมซึ่งเป็นคนส่วนน้อยของสังคมและทำให้เกิดการปกครองโดยคณะรัฐประหารแบบสืบทอดอำนาจและต่อเนื่อง เกิดความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกับนายทุนขนาดใหญ่และทำให้มีกฎหมาย หรือกฎและกติกาจนทำให้เกิดระบบเศรษฐกิจถึงผูกขาดซึ่งท้ายที่สุดจะนำประเทศไปสู่สภาพของข้าวยากหมากแพง รัฐบาลใช้และลุแก่อำนาจจนเกินขอบเขต รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ควรเป็นรัฐธรรมนูญที่เปิดกว้างและยกร่างโดยตัวแทนของประชาชนมีนักกฎหมายมหาชนที่ไม่ยึดติดกรอบอนุรักษ์นิยมแบบเดิมๆเป็นพี่เลี้ยง

การรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ หากทำตามวิธีการเดิมๆจะแก้ไขได้ยากมากจนอาจเป็นไปไม่ได้เลย เนื่องจากความเข้มงวดของตัวรัฐธรรมนูญเอง จึงควรรณรงค์ให้ประชาชนตื่นตัวให้มาก ซึ่งรัฐธรรมนูญใหม่ควรเป็นรัฐธรรมนูญที่เปิดกว้าง มีกรอบคิดสมัยใหม่ ให้ประชาชนมีส่วนร่วมทุกขั้นตอน ที่สำคัญต้องมีจำนวนมาตราไม่มาก ไม่มีระเบียบข้อบังคับมากและอำนาจรัฐ ควรมี 3 อำนาจคือ รัฐสภา รัฐบาล และศาล ซึ่งอำนาจทั้งหมดต้องมาจากประชาชน หากจำเป็นต้องมีองค์กรอิสระก็ให้มีอำนาจลดลง และให้มีเท่าที่จำเป็น

ด้านนายเผ่าภูมิ ตอกย้ำว่า รัฐธรรมนูญ 2560 ไม่ยึดโยงกับประชาชนและทำให้อำนาจของประชาชนในการจัดตั้ง หรือ ถอดถอนรัฐบาลถูกริดลอนเพราะไม่เปิดช่องให้ประชาชนเลือกคนมาบริหารประเทศ เกิดพรรคเล็กพรรคน้อยมากมาย อำ นาจของประชาชนถูกโอนไปให้ ส.ว.250 คน อีกทั้ง ยังกำหนดให้ยุทธศาสตร์ชาติเป็นกฎหมายที่ฉุด หรือ ทำให้ประเทศพัฒนาแบบถอยหลังเข้าคลอง หรือ มุ่งทำในสิ่งที่ไม่จำเป็นเพื่ออนาคต ยุทธศาสตร์ชาติถือเป็นพันธนาการที่ผูกประเทศไว้กับความล้าหลัง รวมถึง จะทำให้นโยบายที่สร้างสรรค์ของพรรคการเมืองต่างๆไม่สามารถนำมาใช้เพื่อขับเคลื่อน หรือ พัฒนาประเทศและทำให้เสียโอกาสอย่างมหาศาล

พระปัญญา คุณปัญโญ สีสัน กล่าวว่า มีการบัญญัติเรื่องพระและเรื่องศาสนาไว้ในรัฐธรรมนูญ 2560 แต่เป็นการบัญญัติ หรือเขียนให้เกิดความเหลื่อมล้ำในประเด็นศาสนา อาทิ มีการกำหนด หรือ ห้ามพระให้มีการเลือกตั้ง แต่นักบวช หรือ ผู้นำของศาสนาอื่นสามารถไปเลือกตั้งและออกเสียงลงคะแนนได้ รัฐสภามีอำนาจและออกกฎหมายคุ้มครองสงฆ์ สร้างปัญหาในการตีความพุทธศาสนาเถรวาท เกิดข้อห้ามต่างๆ

นอกจากนี้ ยังมีการสร้าง mindset เกี่ยวกับพระให้สังคมสับสน รวมถึง ยังมีการตัดข้อความที่เป็นคุณ หรือ เป็นหน้าที่ของรัฐในการส่งเสริมและสร้างความเข้าใจอันดี รวมถึง ความสมานฉันท์ระหว่างศาสนาต่างๆออกไป นอกจากนี้ ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่าศาสนาและความเชื่อเป็นเรื่องของจิตวิญญาณและความคิด ดังนั้น จึงไม่ควรมีการบัญญัติไว้เป็นกฎหมายและที่สำคัญไม่ควรออกกฎหมายให้ฆราวาสมีอำนาจมาปกครองคณะสงฆ์

น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ไม่ว่ารัฐบาลดีแค่ไหนก็ไม่สามารถทำให้ปากท้องของประชาชนดีขึ้นถ้าไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และต่อให้มีรัฐบาลที่เก่งกาจ แต่หากบริหารประเทศไปเรื่อยๆ แล้วถูกรัฐประหาร และมีการเปลี่ยนรัฐธรรมนูญบ่อยๆ ประเทศก็ไปไม่ได้ ซึ่งปัญหาตอนนี้พรรคการเมืองอยู่ในสภาพลำบาก การเลือกตั้งที่ผ่านมามีปัญหามาก การข่มขู่คุกคามนักการเมืองและผู้สนับสนุนพรรค การแสดงสิทธิเสรีภาพทางอินเตอร์เน็ต นักการเมืองฝ่ายค้านถูกจับ ถูกตั้งข้อหาได้ตลอดเวลา และยังมีการใช้ข่าวปลอม เพราะการทำงานของพรรคฝ่ายค้านเป็นที่พึงพอใจของประชาชน เขาจึงใช้ข่าวปลอมลดความน่าเชื่อถือฝ่ายที่ทำงานให้ประชาชน

ดังนั้น การจะทำรัฐธรรมนูญให้กลับมาเป็นของประชาชน โดยยึดโยงประชาชน เพื่อให้เศรษฐกิจปากท้องดีขึ้น คงใช้พรรคการเมืองอย่างเดียวไม่ได้ แต่ประชาชนต้องเห็นว่าการต่อสู้ต้องทำโดยประชาชน แต่ถ้าประชาชนออกมาแล้วตายก็ไม่โอเค ไม่มีอุดมการณ์ทางการเมืองใดมีค่าพอที่เราจะตายเพื่อมัน เราไม่อยากให้มีใครตายเพื่ออุดมการณ์ทางการเมือง แต่เราอยากให้ทุกคนลุกขึ้นมาสู้

สิ่งแรกที่เราต้องสู้ในการได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ คือสิทธิในการเรียกร้องของประชาชน ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาเราอยู่ภายใต้ทัศนคติที่ว่ามีม็อบป่วนเมือง มีม็อบต้องมีคนตาย มีม็อบของขายไม่ได้ ต้องไม่ใช่แบบนั้น เพราะการเดินขบวนอย่างสันติเป็นเรื่องปกติในประเทศประชาธิปไตย ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา อังกฤษ มีการเดินขบวนแทบทุกวันก็อยู่กันได้และไม่มีใครตาย ทำตรงนี้ให้ได้ และเรียกร้องว่าสิทธิในการอยู่บนถนน เพื่อเรียกร้องรัฐธรรมนูญของประชาชนเป็นสิทธิที่ทุกคนทำได้ และไม่ต้องตาย ไม่ต้องขัดแย้ง ไม่ต้องทะเลาะกัน

ใครอยากให้รัฐธรรมนูญเป็นแบบไหนออกมารณรงค์ ไม่ใช่เฉพาะบนท้องถนน แต่จัดเวทีในโรงเรียน ในมหาวิทยาลัย ให้ทุกคนมามีสิทธิ์พูดว่า อยากได้กฎหมายสูงสุดของประเทศแบบไหน เราทุกคนมีอำนาจกำหนดว่าจะให้กฎหมายสูงสุดที่ใช้คุ้มครองสิทธิเสรีภาพเราเป็นแบบไหน

รัฐธรรมนูญที่เขียนโดยนักกฎหมาย แต่ไม่ได้เขียนขึ้นจากความต้องการของประชาชน ไม่มีประชาชนอยู่ในหัวใจก็ไม่มีความหมาย รัฐธรรมนูญ 20 ฉบับ มีเพียงฉบับเดียวคือปี 2540 ที่พอจะยึดโยงประชาชน เราต้องทำขึ้นมาอีกครั้ง อย่าคิดว่านักกฎหมายคือผู้คุมการเขียนรัฐธรรมนูญ แต่ประชาชนคือผู้ต้องแสดงออกว่า อยากให้กฎหมายสูงสุดของประเทศระบุเรื่องอะไรไว้

ทั้งนี้ ประชาชนต้องเรียกร้องให้เกิดสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน เอาข้อเรียกร้องต่างๆ จากเวทีที่ตั้งขึ้นเป็นหมื่นเป็นแสนเวทีใส่เข้าไป ใช้เวลา ใช้ความอดทน แต่จะได้รัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชนจริงๆ นี่คือวิธีที่จะได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่อย่างสันติ แล้วเราจะได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพ ประสิทธิภาพ มาบริหารประเทศให้ประชาชน

นายพรเทพ กล่าวว่ารัฐธรรมนูญต้องผูกติดกับท้องถิ่น เพราะประชาชนผู้ออกเสียงเลือกตั้งส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตคลุกคลีและมีความสัมพันธ์กับท้องถิ่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการทำมาหากิน ที่ทำกินและการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องผูกโยงกับจิตสำนึกของคนท้องถิ่นมิใช่ผลักภาระให้นักการเมืองหรือคนนอกชุมชนและนอกพื้นที่

พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เราควรมาร่วมกันทำบ้านเมืองให้เกิดสันติภาพ สันติสุข ซึ่งระบอบประชาธิปไตยจะทำให้ประชาชนอยู่ดี กินดี มีความสุข เราต้องทำให้ประเทศเป็นประชาธิปไตย ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้มองคนเป็นทาสในหลายมาตรา เราต้องลุกขึ้นมาช่วยตัวเอง ต้องเอาประชาธิปไตยกลับคืนมา เรายังมีความคิดที่ผิดพลาด เช่น การมองที่ดินของเป็นทรัพย์สินของรัฐ ทั้งที่ควรเป็นของประชาชน และอีกหลายๆอย่างที่ประชาชนถูกมองเป็นทาส

วันนี้เราต้องมีรัฐธรรมนูญที่ดี ต้องทำให้คนมีการศึกษาที่ดี ทำอย่างไรก็ได้ให้คนกินดีอยู่ดี มีนโยบายที่ดี เกษตรกรมีที่ทำกิน คนไร้บ้านจะมีที่อยู่ รัฐเอาที่ดินซึ่งควรเป็นของประชนไปให้คนเช่า ในขณะที่ประชาชนไม่มีสิทธิได้เช่า เพราะเราไปคิดว่าที่ดินเป็นของรัฐ

สำคัญที่สุดคือ เราต้องมีผู้นำที่ดี ทั้งหมดนี้จะเป็นรูปธรรมได้ เราต้องแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งรัฐธรรมนูญที่ดีไม่ควรให้คนทำรัฐประหารมาร่าง แต่ควรให้ประชาชน กลุ่มคนจากส่วนต่างๆ กลุ่มชาติพันธุ์ ที่มีความเป็นประชาธิปไตยมาร่วมกันร่าง เราต้องมาทำรัฐธรรมนูญเพื่อกำหนดชะตาชีวิตของเราเอง และรับธรรมนูญฉบับนี้จะต้องเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่คืนสิทธิ์และเสรีภาพให้กับประชาชนทุกคนแบบเสมอกัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน