‘ประยุทธ์’ เป็นสักขีพยานลงนามเอ็มโอยู ป้องกันโรควัยทำงาน เปิดตัว 10 แพ็กเกจส่งเสริมสุขภาพ ครวญ! เจอแต่ปัญหาจนเป็นโรคเครียด พ้อมีคนแช่งให้ตาย ไม่รู้เกลียดอะไร ยินดีรับคำด่าเพราะเป็นคนรับใช้ประชาชน

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 12 ก.ย. ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เป็นประธานและสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคคนวัยทำงานในสถานประกอบการ ระหว่างกระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม กรุงเทพมหานคร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมโรงพยาบาลเอกชน และเปิดตัวแนวทาง 10 Packages ส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมในสถานประกอบการ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถ่ายภาพร่วมในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคคนวัยทำงานในสถานประกอบการ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถ่ายภาพร่วมในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคคนวัยทำงานในสถานประกอบการ

สำหรับชุดความรู้สุขภาพ 10 เรื่อง ประกอบด้วยชุดที่ 1.หุ่นดีสุขภาพดี 2.จิตสดใส ใจเป็นสุข 3.ครอบครัวสดใส ใส่ใจดูแล 4.สุดยอดคุณแม่ 5.เตรียมเกษียณอย่างมีคุณค่า พาชีวายืนยาว 6.ออฟฟิศ ซินโดรม 7.สถานประกอบการจะก้าวไกล ต้องใส่ใจสุขภาพแรงงานต่างชาติ 8.สถานประกอบการดี ชีวีสดใสไร้แอลกอฮอล์ บุหรี่ 9.โรงอาหารปลอดภัยใส่ใจสุขภาพ 10.สถานประกอบการปลอดภัยสิ่งแวดล้อมดี มีสมดุลชีวิต

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้ต้องแยกให้ออกว่าอะไรคือสุขภาพอนามัยและการรักษาพยาบาล ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นวงจรเดียวกัน ตนยินดีที่มีการบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการส่งเสริมสุขภาพในครั้งนี้ ถือเป็นการนำร่องไม่ใช่เพียงสถานประกอบการอย่างเดียว แต่ประชาชนทั่วไปต้องดูแลสุขภาพด้วย เพราะถือเป็นจุดเริ่มต้นเพื่อชีวิตที่มีความสุขต่อไปในอนาคต

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวในงานพิธีลงนามฯ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวในงานพิธีลงนามฯ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า รัฐบาลมีเป้าหมายสำคัญคือให้คนไทยมีสุขภาพที่ดี และหลายคนอาจยังไม่ทราบว่า ระบบสุขภาพของคนไทยได้รับการประเมินอยู่ที่อันดับ 6 ในจำนวน 89 ประเทศ และเราเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เริ่มต้นมาจากสถาบันพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่ในหลวงรัชกาลที่ 9 มาจนถึงในหลวงรัชกาลที่ 10 และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ที่ให้ความสำคัญในระบบสุขภาพของคนไทย ซึ่งรัฐบาลจะสืบสานสิ่งเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากลงนามความร่วมมือแล้วขอให้ทุกคนช่วยกันทำอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลแล้วก็ต้องเปลี่ยนแปลงอีก

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า คนไทยอยู่ในวัยทำงาน 51 ล้านคน ถือเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมให้กับประเทศชาติ ดังนั้น ต้องพัฒนาตัวเองด้วยซึ่งรัฐบาลก็จะดูแล ขณะเดียวกัน 5 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้เก็บทุกเรื่องที่ไม่สมบูรณ์มาแก้ปัญหา และเชื่อว่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ ถ้ามองฟรีอย่างเดียวไม่ได้ ต้องดูทั้งระบบและหาเงินมาสนับสนุน แต่สิ่งที่จะไม่เสียเงินเลยคือการรักษาสุขภาพให้ดี วันนี้มีหลายโรคด้วยกัน เช่น เบาหวาน ความดัน และโรคเครียด

“โรคเครียดผมก็เป็น เพราะมีหลายอย่างรุมเร้า เดี๋ยวก็จะปรึกษาหมอ แต่สู้ได้ เพราะผมไม่ได้สู้เพื่อตัวเอง แต่สู้เพื่อคนในชาติ และวันนี้ก็มีคนสู้กับผม ทั้งนักการเมือง พรรคการเมือง ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการให้มีการเลือกตั้ง เมื่อมีแล้วแล้วจะอะไรกันนักหนา ก็ต้องช่วยกันทำงาน มันมีเรื่องทุกวัน ปัญหาก็ต้องแก้ โอเค ไม่เป็นไร ผมจะไม่บ่น” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แม้ตนจะไม่ใช่หมอ แต่ทำงานมา 4-5 ปีก็ได้ฟังหมอมาจำนวนมาก แต่โชคดีที่ไม่ได้ป่วยหนักหนาสาหัสแบบที่หลายคนอยากให้เป็น หลายคนบอกตนบ่นมาก เมื่อไหร่จะลาออกสักที ซึ่งตนไม่ได้บ่นแค่พูดให้ฟังเฉยๆ บางคนก็บอกเมื่อไหร่ผมจะตายๆ สักทีก็ดีเหมือนกัน คนเราทำไมเกลียดกันขนาดนี้ แต่คนรักตนก็มีเยอะ อย่างน้อยในห้องนี้ เดี๋ยวจะหาว่าตนพูดการเมืองอีก วันนี้อะไรก็ด่านายกฯไว้ก่อน แต่ไม่เป็นไร ยินดี เพราะตนเป็นคนรับใช้ประชาชนอยู่แล้ว ไม่ใช่เจ้านาย

นายกฯ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันโรคเครียดส่วนหนึ่งก็เกิดจากการเสพสื่อ วันนี้มีโรคโซเชียลซินโดรม โรคเสพสื่อโซเชียล วันนี้ก็มีสื่อจำนวนมาก ตนไม่ใช่ศัตรูกับสื่ออยู่แล้ว แต่อย่าทำให้เสียชื่อเสียงประเทศชาติ เพราะเรื่องในประเทศก็คือเรื่องภายในประเทศ หากเราไม่แก้ไขแล้วใครจะแก้ เหมือนเรื่องสุขภาพหากเราไม่ดูแลแล้วใครจะดูแลให้

อย่างไรก็ตาม ต้องขอขอบคุณสื่อ แต่ขออย่าทำให้คนไทยทั้งประเทศเครียด เพราะหากทำให้คนเป็นโรคขึ้นมาก็จะอันตราย ดังนั้น วันนี้ขอให้ทุกคนร่วมกันดูแลในเรื่องสุขภาพและเรื่องอื่นๆ ที่เป็นปัญหาของประเทศไทยไปด้วยกัน

บรรยากาศภายในห้องกาแฟ

บรรยากาศภายในห้องกาแฟ

จากนั้น เวลา 10.20 น. พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมด้วยนายอนุทิน, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข และปลัดกระทรวงที่มาร่วมงาน ได้ลงมาทานกาแฟที่ห้องอาหารชั้นล่างของโรมแรม ประมาณ 15 นาที ก่อนเดินทางกลับทำเนียบรัฐบาล

ขณะที่การประชุมคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เดิมกำหนดไว้ในวันเดียวกันนี้ แต่ได้เลื่อนไปเนื่องจากรัฐมนตรีหลายคนมีภารกิจเข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน