“บิ๊กตู่” ปัดแจงปมถวายสัตย์ฯ ไม่ครบ ใช่เวลา 25 นาที แจง มีวินัยการเงินการคลังในการใช้จ่ายงบประมาณ แขวะนโยบายต่างแค่เรื่องจำนำข้าว ยัน ไม่เคยร่าง รธน. เพื่อตัวเอง มอบ “วิษณุ” แจง ทุกข้อสอบถามฝ่ายค้าน ปัดตอบ ฝ่ายค้านเสนอทางออก แนะปรับคณะรัฐมนตรี ปมถวายสัตย์ไม่ครบ

เมื่อเวลา 15.15 น. ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงกลาโหม กล่าวชี้แจงถึงที่มาของงบประมาณที่นำมาบริหารประเทศตามนโยบายของรัฐบาล โดยยืนยันว่า การบริหารงบประมาณรัฐบาลและตนเคารพและดำเนินการตามนโยบายเงินการคลังอย่างเคร่งครัด และคำนึงถึงผลดีผลเสียในการดำเนินการ มีการดูแลประชาชนทุกภาคส่วนทั้งประเทศ ป้องกันไม่ให้ฝ่ายการเมืองก่องบผูกพันจนเป็นภาระของงบประมาณ และคำนึงถึงผลดีผลเสียในการดำเนินการมีการดูแลประชาชนทุกภาคส่วนทั้งประเทศไม่ใช่ดูแลเฉพาะพื้นที่พรรคของตัวเองเท่านั้น

ส่วนประเด็นที่มาของรายได้นั้น รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาไปเรียบร้อยแล้ว โดยมีนโยบายหลัก 12 ด้าน และมีนโยยายเร่งด่วนอีก 12 ด้าน ทั้งนี้ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้มุ่งหวังรีดภาษีประชาชนโดยจัดเก็บภาษีอย่างเท่าเทียม ยุติธรรม ทั้งนี้ การจัดทำงบประมาณต้องเป็นไปตามกรอบกฎหมายวินัยการเงินการคลัง รวมถึง พรบ.งบประมาณ พ.ศ.2561

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นโยบายหาเสียง แม้จะหาเสียงกันมาอย่างไรก็ตามตรงนั้นถือเป็นความต้องการของประชาชน และเป็นความตั้งใจของพรรคการเมือง แต่เมื่อเป็นรัฐบาลก็ต้องดูในรายละเอียดตรงนี้ให้ดีที่สุดว่าทำได้หรือไม่อย่างไร ตนได้รวบรวมนโยบายของทุกพรรคการเมืองซึ่งมีความหลากหลายคล้ายคลึงกัน จัดกลุ่มอยู่ในนโยบาย 12 ด้าน ซึ่งรับนโยบายของทุกพรรคไม่เฉพาะแค่ของรัฐบาล

แต่ถ้าเราตั้งวงเงินทั้ง 12 ด้าน จะใช้เงินมากกว่า 2 ล้านล้านบาท ดังนั้นรัฐบาลต้องบริหารงบประมาณที่มีอยู่เช่นปีนี้ตั้งไว้ 3.2 ล้านล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการใช้จ่ายแต่ละด้านอยู่แต่หากนำนโยบายทั้ง 12 ด้านมาบวกเพิ่มเราต้องหาเงินให้ได้ 5-6 ล้านล้านบาท จึงต้องซอยย่อยนโยบายออกมาแล้วทั้งหมดจะตอบตอนที่ทำงบประมาณปี 2563 ก็จะดูว่าจะนำเงินจากไหนมาใช้ตรงไหน ดังนั้นการเดินหน้าตามนโยบายต้องไปทีละขั้น เพราะต้องดูแลคนทุกภาคส่วนทั้งประเทศไม่ใช่ดูแลแต่เฉพาะพื้นที่พรรคของท่าน รัฐบาลนี้ไม่ได้มองอย่างนั้นเลย

“อันนี้ต้องเข้าใจมันไม่เหมือนเดิมทั้งสิ้น รัฐบาลก่อนหน้านี้กำหนดไว้อันเดียวเท่าที่ผมอ่านมาทั้งหมดแล้วมีอันเดียวคือนโยบายจำนำข้าว 15,000 บาทต่อเกวียน แล้วเป็นอย่างไรระบุไว้แล้วมันเป็นอย่างไร ท่านอย่าลืมตรงนี้ ผมไม่ไปกล่าวว่าใครทั้งสิ้น” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องที่ฝ่ายค้านระบุว่ารัฐบาลนี้ก่อนหนี้สาธารณะเยอะตนจำเป็นต้องชี้แจงในเรื่องนี้ เพราะฝ่ายค้านหยิบยกมาพูดในบางประเด็นเท่านั้น ต้องพูดในภาพรวม เมื่อสมัยรัฐบาลปี 2556-2557 พบว่ารัฐบาลช่วงนั้นเมื่อเทียบกับรัฐบาลเมื่อปี 2558-2562 แล้ว รัฐบาลชุดดังกล่าวกู้เงินเฉลี่ย 4.8 แสนล้านบาท แต่รัฐบาลนี้กู้เพียง 4.4 แสนล้านบาท ซึ่งถือว่ากู้น้อยกว่า ทั้งนี้ยืนยันว่าเศรษฐกิจวันนี้ไม่เหมือนปี 2540 วันนี้อยากให้ทุกคนเชื่อมั่นเศรษฐกิจของประเทศบ้าง ถ้าไม่เชื่อมั่นก็มาว่ารัฐบาล เอาตัวเลขมาจากไหน

“ในเรื่องของรัฐธรรมนูญ ตามที่มีการบอกว่าเป็นการร่างมาเพื่อผมนั้น ยืนยันอีกครั้งว่าผมไม่ได้เป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญ กมธ.เป็นคนร่าง ผมไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับท่านเลย จำไว้ผมจะไม่ยุ่งกับเขา เมื่อสักครู่ท่านพูดคำว่า ผมไปใช้กลไกเหนือทั้ง 3 อำนาจ ผมพูดถึงกรณีมาตรา 44

ท่านอย่าเอาเฉพาะประเด็นมาพูดตรงนี้ผมพูดถึง 44 ตรงนั้นเพื่อจะปลดล็อคอะไรต่าง ๆ มันถึงได้ไงเพราะกฎหมายเขาเขียนไว้อย่างนั้นท่านเอามาตี พันกันอย่างนี้ไม่ได้ ผมรับไม่ได้. อย่างไรก็ตามถึงแม้ 5 ปีที่ผ่านมาจะเป็นรัฐบาลก่อนหน้าการเลือกตั้งก็ตาม แต่ผมเคารพในหลักการของรัฐธรรมนูญทุกตัว จำเป็นต้องฟังผมบ้าง ผมไม่เคยที่จะไปล่วงละเมิดไม่มีที่จะทำอะไรเสียหาย”

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง เรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ว่า ในเรื่องของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เราไม่ได้ช่วยผู้ประกอบการรายใหญ่เพียงอย่างเดียว เดิมเรากำหนดให้ซื้อเฉพาะที่ร้านธงฟ้าแต่ปัจจุบันสามารถที่จะไปซื้อร้านข้างนอกได้ แต่ร้านค้าจะต้องขึ้นทะเบียนเพียงแต่บางร้านไม่ยอมขึ้นแล้วจะให้ต้นทำอย่างไรเรื่องนี้ฝ่ายค้านต้องช่วยตน ไม่ใช่ไปตีอยู่ข้างล่าง แล้วถ้าฝ่ายค้านเป็นรัฐบาลก็จะรู้ว่าตัวเองก็ทำไม่ได้เช่นกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดช่วงของการชี้แจง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวขอโทษสมาชิกเป็นระยะ ถึงการพูดเสียงดังและการพูดเร็ว ระบุว่าเป็นเพราะเวลามีจำกัด โดยนายกรัฐมนตรีโดยใช้เวลาในการชี้แจง 25 นาที และเป็นที่น่าสังเกตว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีการชี้แจงในเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบตามที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติ

ทั้งนี้ ก่อนจบ พล.อ.ประยุทธ์ ปล่อยมุกพร้อมยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดี โดยกล่าวว่า “วันนี้ก็ขอบคุณสมาชิกผู้ทรงเกียรติทั้งหลายนะคร้าบ จะเห็นว่าผมก็ยิ้มให้ท่าน จะท่านหมอหรือท่านอะไรผมก็ยิ้มให้ทั้งหมด จะเห็นได้ว่าวันนี้ผมดุเดือดน้อยกว่าเก่าเยอะ ผมรักท่านทุกคนนั่นแหละ เพราะท่านคือคนไทย นี่คือประเทศไทยประเทศนี้ ท่านไม่ใช่คนประเทศอื่น จะเอากันให้เป็นให้ตายหรืออย่างไร แล้วประเทศไทยจะอยู่ตรงไหน ประชาชนของท่านจะอยู่ตรงไหน เอาละขอจบคำชี้แจงเพียงเท่านี้” ก่อนส่งยิ้มหวานให้กับสมาชิกในห้องประชุม

จากนั้น 15.53 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เดินทางออกจากห้องประชุมสภาฯ ภายหลังชี้แจงข้อซักถามของฝ่ายค้าน โดยผู้สื่อข่าวสอบถามว่าหลังงานสวดมนตร์จะกลับเข้าสภาฯเพื่อมาตอบคำถามหรือไม่ โดยนายกฯกล่าวว่า “รับข้อเสนอไว้ทั้งหมด เดี๋ยวมีคนตอบให้ ส่วนเรื่องถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบเป็นสิทธิ์ที่จะไม่ตอบ เมื่อถามว่านายกฯยังไม่ได้ชี้แจงเรื่องถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “เดี๋ยวมีคนชี้แจง ผมให้แนวทางชี้แจงไปแล้ว นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้ชี้แจง”

เมื่อถามย้ำว่าหลังจากร่วมพิธีมหามงคลบำเพ็ญพระราชกุศลอุทิศถวายพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี นายกฯจะไม่กลับเข้ามาสภาฯอีกแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า งานสวดมนต์เลิก3ทุ่ม ถ้ากลับมาคงเลิกประชุมแล้ว จะเอาอะไรกับตนนักหนา

เมื่อถามว่าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าหัวหน้าคสช. ไม่เป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ นายกฯรู้สึกสบายใจหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ย้อนถามว่า หรือ ยังไม่รู้เลย ไม่รู้เรื่อง ทั้งนี้นายกฯชี้มือมาที่สื่อแล้วถามว่า เชื่อศาล เคารพศาลหรือไม่ ก็เป็นไปอย่างนั้นแหละ

ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อเสนอของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ให้มี การปรับ ครม.พล.อ.ประยุทธ์ ส่ายหัวพร้อมปฎิเสธตอบคำถาม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำและเยี่ยมผู้ประสบภัยที่จ.อุบลราชธานี วันที่ 19 ก.ย.นี้ ว่า เดี๋ยวไปเยี่ยมน้ำท่วมหน่อย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างเดินทางไปร่วมพิธีสวดมนต์ ยังติดตามถ่ายทอดสดการอภิปรายของฝ่ายค้านจากโทรทัศน์ภายในรถ และตลอดการตอบคำถามของสื่อนายกฯสีหน้าที่เรียบเฉย


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน