เมื่อวันที่ 6 ต.ค. เวลา 07.00 น. ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ท่าพระจันทร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จัดงานครบรอบ 43 ปี 6 ตุลาฯ 2519 เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ประวัติศาสตร์และไว้อาลัยต่อวีรชนผู้เสียชีวิต โดยมีนักศึกษา คณาจารย์ ญาติวีรชน ผู้แทนองค์กรการเมือง และองค์กรที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน
โดยมีพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 19 รูป ณ สวนประติมากรรมประวัติศาสตร์ “ธรรมศาสตร์กับการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย” พร้อมวางพวงมาลา ต้นไม้ และดอกไม้ เพื่อรำลึกเหตุการณ์ โดยมีตัวแทนพรรคเพื่อไทย อนาคตใหม่ และพรรคชาติพัฒนา ร่วมวางพวงมาลาด้วย
จากนั้น นพ.สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี อดีตผู้นำนักศึกษาหลัง 6 ตุลาฯ 19 อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เลขาธิการพรรคพลังประชาชน และผู้ร่วมผลักดันโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (30 บาทรักษาทุกโรค) กล่าวปาฐกถาดังนี้
ชีวิตคนหนุ่มสาวหลายคนเปลี่
เช้าตรู่วันนั้น ผมตกใจตื่นขึ้นมาจากเตียงนอ
ตอนนั้นบรรยากาศเริ่มคุกรุ่
เมื่อเสร็จภารกิจที่ตึกสันท
ไม่มีเสียงปืน ไม่มีการวิ่งหลบวิถีกระสุน มีแต่กลิ่นไหม้ของยางรถยนต์
ผมยืนอยู่สักพัก ก็รีบถอยออกมาจากตรงนั้น โดยไม่หันหลังกลับไปดูอีกเล
ไม่มีหรอก ผมบอกตัวเอง คุณยังไม่รู้อะไรอีกมาก พอแล้ว ความอ่อนเยาว์ ไม่ประสีประสา คืนวันนั้นผมเดินทางกลับบ้านเกิดที่ต่
ผมกินข้าวไม่ลง คิดวนไปวนมา ไม่รู้จะทำอะไรต่อไป พยายามติดตามข่าวคราวของเพื่อนมิตรและผู้ร่วมชุมนุมอื่
หนึ่งเดือนที่โลกรอบตัวดูเค
ผมมักนั่งอยู่โดดเดี่ยวที่ม
ผมเตรียมกาย เตรียมใจ เตรียมความคิด นับเดือนเพื่อให้พร้อมเสมอห
ใจหนึ่งบอกตนเองว่า เราต้องเดินหน้าต่อไป จำภาพกลางสนามหลวงเช้าวันที่ 6 ตุลาไม่ได้หรือ อีกใจหนึ่งก็พะวงว่า เรากำลังตัดสินใจทิ้งครอบคร
วันรุ่งขึ้นที่นัดพบกัน ผมก้มหน้าอย่างละอายใจ แล้วบอกเพื่อนว่า ผมตัดสินใจไม่ร่วมเดินทางไป
ผมนิ่งงัน นั่งจมอยู่กับที่ มองเพื่อนผู้ตัดสินใจแน่วแน
จากนี้ ผมจะไม่ใช่เด็กหนุ่ม อ่อนเยาว์ ไม่ประสีประสาคนเดิม จากนี้ ผมจะไม่เพียงแค่เรียนหนังสื
เมื่อยังอยู่ในเมืองก็ทำตาม
เมื่อสถานการณ์เริ่มผ่อนคลา
ผมและเพื่อนเรียนไป สร้างกิจกรรมนักศึกษาไป อย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย ท่ามกลางกระแสข่าวที่สับสนเ
เช่นเดียวกับที่ผมไม่สนใจว่
เพราะสุดท้าย ความใฝ่ฝันของผมกับผองเพื่อน และวีรชน 6 ตุลา คือ ทำอย่างไร เพื่อให้เพื่อนร่วมสังคมอยู
แต่ผมไม่เคยลืมภาพจำของยามส
ทุกครั้งที่ความทุกข์ ความเศร้า เข้ามาเกาะกุมจิตใจ ผมไม่เคยยอมแพ้ เพราะเมื่อผมนึกถึงผู้เสียช
ผมจะลุกขึ้นแล้วบอกตนเองว่า “หยุดซึมเศร้า แล้วก้าวต่อไป”
แต่การก้าวต่อไปทุกครั้ง ผมก็บอกกับตนเองเช่นกันว่า อย่าไร้เดียงสา ต้องมีสติกำกับเสมอ และมีปัญญารู้เท่าทัน ผ่านมาถึงวันนี้ หลังการก้าวเดินจากวันที่เป
.
1) ไม่มีใครอยากตาย แต่มีบางคนพร้อมเผชิญหน้ากั
2) จงมีความสุขที่ได้ทำตามความ
3) ฝันให้ยิ่งใหญ่ แต่เดินไปทีละก้าว
อย่าโบยตีตัวเองจนหม่นหมองใ
หนทางยังอีกยาวไกล อย่างไรก็ต้องกุมมือกันไป กอดคอกันไป ไม่ชิงดีชิงเด่น ไม่ยึดติดในหัวโขน ไม่หลงใหลในอำนาจ ใช้ปัญญาในการออกแบบจำลองขอ
4) คำถามว่า “โลกพระศรีอาริย์ หรือ ยูโทเปีย เป็นอย่างไร และเป็นไปได้จริงหรือ” ไม่มีผลต่อความใฝ่ฝันของผม นักวิชาการบางคนเคยบอกว่าประวัติศาสตร์สิ้นสุดแล้ว เราได้การเมืองประชาธิปไตย เศรษฐกิจเสรี สังคมอุดมคติแล้ว มาวันนี้ นักวิชาการบางคนกลับบอกว่า ประชาธิปไตยตายแล้ว เสรีนิยมล้มเหลว โลกกำลังเปลี่ยนแกนไปทางอำน
ความฝันของผมยังคงง่ายเหมือ นเดิม คือ
เพื่อนร่วมสังคมอยู่ดีกินดี
ผมจึงเปิดใจกว้างรับความรู้
5) สรรพสิ่งล้วนเป็นอนิจจัง ต้องเปลี่ยนแปลง เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องหนีไม่พ้น ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ณ จุดตัดของกาลเวลาหนึ่ง ที่ปัจจัยทุกอย่างพร้อม การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้น
ตัวอย่างเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ คือ ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน ้า
ณ วันที่ 6 มกราคม 2544 ด้วยปัจจัย 5 อย่าง ที่สั่งสมมาทีละเล็กละน้อยจ
ปัจจัยแรกคือ นายแพทย์สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ ผู้ศึกษาเรื่องหลักประกันสุ
ปัจจัยที่สอง รัฐธรรมนูญฉบับที่ประกาศใช้
ปัจจัยที่สาม การเกิดขึ้นของพรรคไทยรักไท
ปัจจัยที่สี่ ระบบราชการในกระทรวงสาธารณสุข ที่ปูรากฐานมาตลอด 3 ทศวรรษ บุคลากรส่วนใหญ่มีอุดมการณ์
ปัจจัยที่ห้า อาจารย์จอน อึ๊งภากรณ์ บุตรชายอาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ สานต่อความฝัน “จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน
ทั้งห้าปัจจัยนี้ มาบรรจบตัดกันในวันที่ 6 มกราคม 2544 โดยจุดชี้ขาดที่สำคัญคือ เสียงของประชาชนซึ่งมาลงคะแ
จากวันนั้น วันที่ 6 มกราคม 2544 การสาธารณสุขไทย และการเมืองไทยก็เปลี่ยนไป ไม่กลับไปเหมือนเดิมได้อีก
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนอนิจจัง
ดังนั้น ถ้าทุกคนทำในสิ่งที่ตนทำได้
ณ จุดตัดของกาลเวลาหนึ่ง ความใฝ่ฝันย่อมเป็นจริง
6) สุภาษิตของทิเบตกล่าวว่า “พรุ่งนี้หรือชาติหน้า ไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะมาก่อน
วันนี้เรายังลืมตาตื่น แต่พรุ่งนี้เราอาจหลับไปตลอ
เพื่อนมิตรผู้รักเสรีภาพและ ประชาธิปไตย
เวลา 43 ปี อาจยาวนานสำหรับบางคน แต่สำหรับเรา ผมเชื่อว่า รู้สึกเหมือนเพิ่งผ่านไปเมื
วันนี้ แม้เรายังเดินไปไม่ถึงฝัน เพราะอุปสรรคมากมายที่ผ่านม
หยุดซึมเศร้า แล้วก้าวต่อไป
(ขอบคุณ สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี)