กลาโหมแจงวุ่น เอกสารหลุดค่าเช่าเหมาลำเครื่องบินคณะบิ๊กป้อมไปประชุมที่ฮาวายรวม 20.9 ล้านบาท อ้างต้องบินทางไกลคิดรายหัวละ 5 แสน และไม่ได้แวะเที่ยวไหน ขณะที่โฆษกรัฐบาลเลี่ยงตอบ อ้างไม่เคยไปดูงานต่างประเทศ เผย “บิ๊กตู่”คัดเอง 30 สนช.ล็อตใหม่ เน้นนายพลคุมกำลังจากทุกเหล่าทัพ มีนักกฎหมาย 3-4 คนจากโควตา”พรเพชร วิชิตชลชัย” ด้าน”วิษณุ เครืองาม” แจงไม่เคยพูดใช้ม.44 ยุบสภา ชี้หากเลือกนายกฯไม่ได้ ต้องใช้พ.ร.ฎ.ยุบสภาตามรัฐธรรมนูญ แต่ยังเชื่อเลือกรอบแรกก็จบแล้ว สปท.-กกต.หนุนแนวคิด”วิษณุ”ถ้าเลือกนายกฯติดล็อก เรืองไกรจ่อยื่นป.ป.ช.สอบ รมว.พาณิชย์ ข้องใจพบเงินร้านถูกใจกว่า 9 แสน

ว่อนค่าเครื่องบิน”บิ๊กป้อม” 20 ล.
วันที่ 2 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านทางโลกออนไลน์ รายละเอียดวงเงินงบประมาณการคำนวณราคากลาง (ราคาอ้างอิง) การจ้างการรับขนคนโดยสารทางอากาศโดยเครื่องบินพาณิชย์ ที่เมืองฮอนโนลูลู มลรัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 29 ก.ย. -2 ต.ค. 2559 โดยมีรายละเอียดค่าใช้จ่ายรวม 20,953,800 บาท โดยเป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเครื่องบิน 3,835,200 บาท ค่าเชื้อเพลิงอากาศยาน 10,776,000 บาท ค่าอาหารและเครื่องดื่มระหว่างเที่ยวบิน 600,000 บาท ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการปฏิบัติการภาคพื้น 2,636,400 บาท ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ 3,106,200 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบพบว่าบุคคลของรัฐบาลที่เดินทางไปยังมลรัฐฮาวาย สหรัฐ ในช่วงนี้คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และคณะ เพื่อร่วมประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนและรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 29 ก.ย.-1 ต.ค.

กห.แจงเช่าเหมาลำหัวละ5แสน
แหล่งข่าวจากทีมโฆษกกระทรวงกลาโหม ชี้แจงกรณีมีการเผยแพร่ค่าใช้จ่ายของพล.อ.ประวิตร และคณะ เดินทางไปประชุม รมว.กลาโหมอาเซียน-รมว.กลาโหมสหรัฐอเมริกาอย่างไม่เป็นทางการ รวมเป็นเงิน 20 กว่าล้านบาทว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น เดิมในคณะของพล.อ.ประวิตร มีทั้งหมด 40 คน แต่ติดภารกิจ 2 คน จึงเหลือ 38 คน ซึ่งการเดินทางครั้งนี้เป็นการเช่าเหมาลำเครื่องบินการบินไทยแบบไป-กลับ คิดรายหัวรายละ 5 แสนบาท รวมเป็นเงิน 19 ล้านบาท ส่วนค่าใช้จ่ายที่เหลือ เป็นค่าใช้จ่ายการเดินทางต่อเมื่อลงจากเครื่อง ค่าที่พัก ค่าอาหาร
“พล.อ.ประวิตรและคณะ เดินทางไปสหรัฐ ไม่ใช่ประเทศมาเลเซียหรือสิงคโปร์ และเช่าเหมาลำ เฉพาะการเดินทางใช้เวลา 1 วัน เข้าร่วมประชุม 2 วัน และเดินทางกลับอีก 1 วัน ซึ่งทางคณะไม่ได้แวะไปเที่ยวที่ไหน” แหล่งข่าวจากทีมโฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าว

“ไก่อู”โบ้ยถามโฆษกกห.
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีมีข่าวเรื่องค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนของพล.อ.ประวิตร วันที่ 29 ก.ย.-1 ต.ค.ที่สหรัฐ ที่มีตัวเลขสูงถึง 20 ล้านบาทว่า ตนคงไปตอบแทนไม่ได้ ไม่รู้รายละเอียดเพราะไม่เคยไปดูงานต่างประเทศ ไม่เคยจัดงานแบบนั้น ขอให้ถามจากโฆษกกระทรวงกลาโหมจะดีกว่า การไปต่างประเทศบางครั้งก็มีส่วนที่จะต้องออกเอง และมีส่วนที่ทางประเทศเจ้าภาพออกให้ ต้องดูเป็นรายกรณีไป

นัดมอบนโยบายกรมประชาฯ
พล.ท.สรรเสริญ ในฐานะรักษาการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า วันที่ 3 ต.ค. เวลา 13.00 น. ตนจะหารือกับเจ้าหน้าที่ของกรมประชาสัมพันธ์ทุกหน่วยงานถึงแผนงานในที่ผ่านมา และแผนงานในปี 2560 และรับฟังปัญหาและข้อขัดข้องต่างๆ ที่จะต้องแก้ไข โดยจะชี้แจงการทำงานเพิ่มเติมในส่วนที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. มอบนโยบายให้ดำเนินการด้วย

“ไม่อยากให้เรียกว่ามอบนโยบาย เพราะผมไปให้นโยบายอะไรไม่ได้ ผมยังใหม่ ต้องให้เกียรติทุกคน ซึ่งการที่จะปรับเปลี่ยนให้ประชาชนหันมาดูสถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลไม่ใช่เรื่องง่าย จึงจำเป็นต้องมีที่ปรึกษาหลายคน ทั้งด้านการตลาด ด้านเทคนิก เริ่มแรกอาจจะเริ่มปรับรายการให้มีความน่าสนใจ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของนายกฯ ที่ระบุว่าไม่อยากให้เป็นสถานีข่าว แต่อยากให้เป็นสถานีเพื่อการพัฒนาประเทศ รวมถึงต้องไม่นำเสนอข่าวที่อวยรัฐบาลมากเกินไป หรือชื่นชมมากเกินไป แต่ให้นำเอาเนื้อหาที่รัฐบาลได้ทำไปแล้ว เกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างไร จึงต้องปรับแผนให้สอดคล้องตามเจตนารมณ์ ดังกล่าว” พล.ท.สรรเสริญกล่าว

“บิ๊กตู่”คัดเอง 30 สนช.ใหม่
รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2559 เพิ่มจำนวนสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จากเดิม 220 เป็น 250 คน มีผลบังคับใช้วันที่ 2 ก.ย.นั้น ควมคืบหน้าดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นผู้พิจารณาคัดเลือกคุณสมบัติด้วยตนเอง โดยสมาชิกสนช.ทั้ง 30 คน

ทั้งนี้ สมาชิกสนช.ที่เพิ่มมาใหม่ คาดว่าจะเป็นนายทหารที่เกษียณอายุราชการและนายทหารที่ได้รับการรับการปรับตำแหน่งใหม่ อาทิ พล.อ.ประสูตร รัศมีแพทย์ อดีตรองผบ.สส. พล.อ.วิเชียร ศิริสุนทร อดีตรองผบ.สส. พล.อ.ศุภวัฒน์ เชิดธรรม อดีตที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ธวัช สุกปลั่ง อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 พล.อ.สาธิต พิธรัตน์ อดีตแม่ทัพภาคที่ 3 พล.อ.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ อดีตแม่ทัพภาคที่ 4
พล.อ.อาชาไนย ศรีสุข รองปลัดกระทรวงกลาโหม พล.ร.อ.พงษ์เทพ หนูเทพ รองปลัดกระทรวงกลาโหม พล.ร.อ.ประสาน สุขเกษม รองผบ.สส. พล.อ.สุภกิจ นุตสถิตย์ รองผบ.สส. พล.อ.กฤษฎา อารีรัชชกุล รองผบ.สส. พล.ร.อ.ไกรวุธ วัฒนธรรม รองผบ.สส. พล.อ.สิริศักดิ์ วรเจริญ ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก พล.อ.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ ผู้ช่วยผบ.ทบ. พล.อ.สมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล ผู้ช่วยผบ.ทบ. พล.อ.สสิน ทองภักดี เสนาธิการทหารบก

เน้นนายทหารระดับคุมกำลัง
พล.ท.วิชัย แชจอหอ แม่ทัพภาคที่ 2 พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 พล.ร.อ.พลเดช เจริญพูล รองผบ.ทร. พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ ผู้ช่วยผบ.ทร. พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ เสนาธิการทหารเรือ พล.อ.อ.ทวิเดนศ อังศุสิงห์ รองผบ.ทอ. พล.อ.อ.สุทธิพงษ์ อินทรียงค์ ผู้ช่วยผบ.ทอ. พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ผู้ช่วยผบ.ทอ. พล.อ.อ.สุรศักดิ์ ทุ่งทอง เสนาธิการทหารอากาศ พล.ร.ท.ปรีชาญ จามเจริญ หัวหน้าคณะสำนักตุลาการทหาร ตุลาการพระธรรมนูญ หัวหน้าศาลทหารสูงสุด นอกจากนี้ยังมี ผู้บัญชาการกองพลที่ได้รับตำแหน่งใหม่ในวันที่ 1 ต.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการแต่งตั้ง สมาชิกสนช.เพิ่มเติมอีก 30 ราย ส่วนใหญ่จะมาจากกองทัพที่ได้รับการแต่งตั้งโยกย้าย ให้ดำรงตำแหน่งผบ.บังคับหน่วย คุมกำลังจากทุกเหล่าทัพ และตำรวจ เช่น ผบช.น. ทั้งนี้ เพื่อเป็นการแก้เกมป้องกันหากเกิดการปฏิวัติซ้อน หลังจากมีการแต่งตั้ง พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท เป็นผบ.ทบ. คนล่าสุด จึงล็อกให้นายทหารระดับคุมกำลังเข้ามาอยู่ในสนช.ทั้งหมด ส่วนนายทหารเกษียณนั้นมีน้อย และที่เหลือจะเป็นนักกฎหมายอีก 3-4 ราย จากโควตาของนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.

วิษณุแจงใช้ ม.44 ยุบสภาไม่ได้
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงกรณีที่ระบุหากเลือกตั้งแล้ว สภายังเลือกนายกฯ ไม่ได้ในรอบแรก และเวลาผ่านไปนานยังไม่ได้นายกฯ รัฐบาลและคสช.ยุบสภาได้ โดยใช้มาตรา 44 ว่า “ผมไม่เคยพูดว่าจะใช้มาตรา 44 ยุบสภา เรื่องเริ่มต้นจากนักข่าวถามผมว่าถ้าเลือกนายกฯ กันไป 4-6 เดือนแล้วยังไม่ได้จะทำอย่างไร ผมก็ตอบว่าต้องเลือกกันทุกวันจนกว่าจะได้ ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าแล้วถ้ายังไม่ได้อีก ผมก็ตอบไปว่าถ้าเลือกไม่ได้จริงๆ แสดงว่ามีอะไรผิดปกติแล้ว และส.ส.คงไม่อยากให้อยู่ในสภาพแบบนั้น ก็ต้องเลือกตั้งใหม่ ในที่สุดต้องยุบสภาแล้วเลือกใหม่ ทีนี้คำว่าเลือกโดยใช้มาตรา 44 ผมไม่เคยพูดเพราะเราใช้มาตรา 44 ยุบสภาไม่ได้ และไม่ยากหากจะยุบ คือใช้พระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ยุบสภาตามรัฐธรรมนูญ”
นายวิษณุกล่าวว่า ส่วนที่ถามอีกว่าทำไมไม่ใช้มาตราที่ให้องค์กรอิสระประชุมกันเพื่อหาทางออก ตนก็ตอบว่าไม่ต้องใช้ เพราะนั่นแปลว่าไม่มีทางออกแล้ว ถึงต้องมาใช้วิธีที่ให้องค์กรอิสระประชุมกันเพื่อหาทางออกในเรื่องประเพณีการปกครองของไทยตามระบอบประชาธิปไตยว่าจะทำอย่างไร แต่ทางออกนั้นมีอยู่ เพราะรัฐธรรมนูญบอกไว้ว่าหากเกิดวิกฤตทางตัน ก็ต้องกลับไปถามใจประชาชน คือการยุบสภา ความหมายของตนคือการออกพ.ร.ฎ.ยุบสภา ถือเป็นพระราชอำนาจ

โต้ไม่ได้ชี้โพรงให้กระรอก
รองนายกฯ กล่าวว่า ที่อธิบายมา ไม่ได้หมายความว่าต้องยุบ และกลายเป็นไปชี้โพรงให้กระรอกอีกว่าจะยุบสภา แต่เป็นผู้สื่อข่าวถามว่าหากเลือกกันเท่าไรเลือกไม่ได้จะทำอย่างไร ความจริงรัฐบาลนี้จะอยู่ต่อไปแบบไม่เดือดร้อนเลย เพราะหากเลือกไม่ได้ ก็คือต้องอยู่ต่อไป แต่ในแง่การแก้วิกฤตในประเทศให้เดินได้ก็ต้องยุบสภา ซึ่งมองว่ามันไม่เกิด อย่าไปสมมติกัน สุดท้ายกลับมาด่ากันว่าจะใช้มาตรา 44 ยุบสภา ซึ่งทำไม่ได้ การที่เลือกนายกฯ กันไม่ได้เพราะเสียงไม่พอ ก็ต้องไปเลือกตั้งกันใหม่เสียงจะได้มากขึ้น ทุกอย่างจะได้เรียบร้อยในรอบที่หนึ่ง แต่ส่วนตัวเชื่อว่าทุกอย่างจะจบในรอบที่หนึ่ง และนั่นถือเป็นความสง่างาม

เมื่อถามว่าหากจะต้องเลือกตั้งใหม่ จะ สิ้นเปลืองงบประมาณหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า จะให้ทำยังไง จะยอมทนอยู่กับรัฐบาลนี้ไปอีก 5 ปี โดยไม่ต้องเลือกนายกฯ เพราะเลือกไม่ได้หรือ การยุบสภาเป็นวิธีคืนอำนาจให้กับประชาชนเวลาที่ประเทศเกิดวิกฤต ป้องกันไม่ให้มีการปฏิวัติ เหมือนที่เรายุบสภากันมาแล้วหลายครั้ง เช่น สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ยุบสภาและมาเลือกตั้งใหม่ พอโมฆะก็ต้องมาเลือกใหม่ ก็ถือเป็นการสิ้นเปลืองใช่หรือไม่ แต่ต้องยอม การเสียเงินไปกับการเลือกตั้งใหม่นั้นไม่แปลก เพราะเราได้คะแนนและส.ส.กลับมา ได้โฉมหน้าการเมืองใหม่กลับมาด้วย

สปท.หนุนข้อเสนอ”วิษณุ”
นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) กล่าวถึงการเสนอร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ว่า เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของ กกต.เป็นหลัก โดยเฉพาะความเชื่อมต่อระหว่างกกต.ชุดเดิม 5 คนกับอีก 2 คนที่ต้องตั้งให้ครบ 7 คน ตามที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับผ่านประชามติกำหนดไว้ ทั้งนี้ กมธ.การเมืองได้จัดทำรายงานข้อเสนอ 4 กฎหมายลูกที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งเรียบร้อยแล้ว และพร้อมเป็นตัวแทนไปชี้แจงต่อสมาชิกสนช. โดยเฉพาะในวาระ 2 ชั้นกมธ. เพื่อชี้แจงเจตนารมณ์ของข้อเสนอให้ชัดเจน โดยอาจร่วมเป็นกมธ.หรือไม่ก็ได้
นายเสรีกล่าวว่า ส่วนแนวทางผ่าทางตันหากเลือกนายกฯ ไม่ได้ ตามที่นายวิษณุ เสนอให้ใช้มาตรา 44 ยุบสภานั้น ตนเห็นด้วย เพราะจะเป็นทางออกให้รัฐสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ผ่านการใช้มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวที่ยังอยู่ในฉบับผ่านประชามติ หรือมีอีกทางคือ ให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. ออกพ.ร.ฎ.ยุบสภา ตามกลไกปกติของระบอบประชาธิปไตย ที่ฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติเกี่ยวพันกันอยู่ได้ทันที ทั้งนี้เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนไปเลือกส.ส.ชุดใหม่เข้ามา หลังชุดเดิมไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้

“สมชัย”ยันยุบสภาทำได้
ที่ห้างเดอะสตรีท รัชดา นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงนายวิษณุ เสนอใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว มาตรา 44 เพื่อยุบสภา หากรัฐสภาเลือกนายกฯ ไม่ได้ว่า รัฐธรรมนูญกำหนดว่าหากพรรคไม่สามารถเลือกนายกฯ จากบัญชีพรรคได้ ก็เปิดทางให้เลือกนายกฯ จากคนนอกได้ เพื่อไม่ให้เกิดกระบวนการเดดล็อกทางการเมืองหรือเกิดปัญหาที่ไม่สามารถหาทางออกได้ ส่วนการยุบสภาถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งทางกฎหมายทำได้ ถ้าส.ส.ตกลงกันไม่ได้ที่จะให้มีนายกฯ มาจากส.ส.และไม่อยากได้นายกฯ ที่เป็นคนนอก การยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ก็ทำได้

“การยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ ต้องมีค่าใช้จ่ายจัดการเลือกตั้งแต่ละครั้งสูงถึง 3,000 ล้านบาทและไม่แน่ใจว่าการยุบสภาจะได้นายกฯ ที่มาจากส.ส.ทันทีเลยหรือไม่ แต่หากพรรคไปตกลงกัน รวมเป็นหนึ่งเดียวได้เสียงข้างมากในสภาแล้วเลือกนายกฯ ที่เป็นส.ส. ก็จะได้ไม่ต้องยุบสภา ซึ่งแนวทางนี้น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม กกต.ยินดีจัดการเลือกตั้ง จะเลือกตั้งกี่ครั้งเราทำได้อยู่แล้ว เพียงแต่จะคุ้มหรือไม่ หรือเป็นประโยชน์หรือไม่ ก็ต้องกลับไปคิดเอา” นายสมชัยกล่าว

รอลุ้นกฎหมายลูกกกต.
นายสมชัยกล่าวต่อว่า ส่วนข้อเสนอการเซ็ตซีโร่กกต.นั้น ส่วนตัวไม่ได้กังวล เพราะรัฐธรรมนูญ 2550 กับรัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติ 2559 กำหนดวาระการดำรงตำแหน่งขององค์กรอิสระไว้ต่างกัน โดยรัฐธรรมนูญ 2550 กำหนดให้กรรมการองค์กรอิสระอยู่จนครบวาระ แต่รัฐธรรมนูญฉบับผ่านประชามติ 2559 กำหนดให้กรรมการองค์กรอิสระอยู่จนครบวาระตามบทบัญญัติของกฎหมายลูก ซึ่งต้องดูว่ากฎหมายลูกว่าจะเขียนให้อยู่จนครบวาระ หรือจะเขียนให้กรรมการที่มีอยู่เดิมเริ่มต้นนับวาระดำรงตำแหน่งใหม่ หรือเขียนให้สรรหาหรือรีเซ็ตกรรมการใหม่ ขึ้นอยู่ว่ากรธ.จะเขียนกฎหมายลูกแบบใด แต่การยกร่างกฎหมายลูกควรคำนึงถึงเหตุและผลการอยู่หรือไปว่าจะมีผลดีผลเสียมากน้อยแค่ไหน หากจะเซ็ตซีโร่ก็ต้องให้ความเสมอภาคกับทุกองค์กรและคำนึงว่าจะก่อให้เกิดปัญหาวุ่นวายหรือไม่
นายสมชัย กล่าวถึงทิศทางการเมืองภายหลังรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ว่า กกต.เตรียมความพร้อมเพื่อรับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หลังจากนี้กกต.จะออกระเบียบและโปรแกรมต่างๆ ซึ่งมั่นใจว่าช่วงเดือนก.ค.2560 ระบบการทำงานทุกอย่างจะสมบูรณ์พร้อมจัดการเลือกตั้งได้ทุกเวลา

องอาจเชื่อมีนายกฯคนนอกไม่ง่าย
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่จะทำให้มีนายกฯคนนอกว่า ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเคารพคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แม้จะไม่เห็นด้วยก็ตาม เมื่อมีคำวินิจฉัยออกมาแล้ว ทุกภาคส่วนต้องปฏิบัติตาม เชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้วินิจฉัยเพื่อให้เกิดผลอย่างใดอย่างหนึ่ง เหมือนที่หลายฝ่ายมองว่า คำวินิจฉัยของศาลจะทำให้มีนายกฯคนนอกนั้น เห็นว่ายังเร็วเกินไปที่จะด่วนสรุป เพราะวันนี้รัฐธรรมนูญยังไม่ประกาศใช้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการเลือกตั้งส.ส. พรรคการเมือง และกกต. ก็ยังไม่มี ยังไม่รู้ว่าหลังเลือกตั้งส.ส. ผลจะออกมาอย่างไร

นายองอาจกล่าวว่า แม้รัฐธรรมนูญจะบัญญัติให้มีส.ว.แต่งตั้งจากคสช. 250 คน หาส.ส.อีกเพียง 126 คน จะทำให้ได้เสียงเกินครึ่งของสมาชิกรัฐสภา เลือกนายกฯจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่การที่รัฐบาลจะบริหารงานได้ราบรื่น ควรมีส.ส.สนับสนุนเกิน 250 คนน่าจะปลอดภัยกว่า ช่วยให้รัฐบาลผ่านกฎหมาย ผ่านงบประมาณ ผ่านอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ เนื่องจากเวลารัฐบาลบริหารงานไม่มีเสียงของส.ว. 250 คน มายกมือสนับสนุน จึงยังไม่มีอะไรแน่นอนว่าหลังเลือกตั้งจะเป็นนายกฯคนนอก หรือนายกฯจากบัญชีรายชื่อพรรค นอกจากนี้ เชื่อว่า นายวิษณุ เครืองาม รอง นายกฯ ไม่ได้ขู่ว่าจะใช้มาตรา 44 หากเลือกนายกฯไม่ได้ แต่คงชี้ให้เห็นถึงอำนาจ ที่คสช.ยังมีอยู่จนกว่าจะมีรัฐบาลเลือกตั้ง แต่คสช.ต้องดูความเหมาะสมด้วย เชื่อว่าการเลือก นายกฯไม่ได้คงเกิดขึ้นไม่ง่าย

จตุพรชี้นายกฯคนในแค่ฝันกลางฝน
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ว่า ขณะนี้เกิดปรากฏการณ์นายกฯคนนอกขึ้นมาชัดเจน เพราะทุกการเคลื่อนไหวของฝ่ายอำนาจ ทั้งสนช. กรธ. คสช. และการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เป็นกระบวนการเดียวกัน เพื่อให้เกิดนายกฯคนนอก ด้วยวิธีผ่านการเลือกตั้งที่เป็นฉากหน้า ดังนั้น ประชาชนอย่าหวั่นวิตก ปล่อยให้ฝ่ายอำนาจสำแดงเดชอย่างเต็มที่ อย่าไปคาดหวังว่านักการเมืองจะเข้าไปในสภาเพื่อต่อสู้กับนายกฯคนนอก เพราะพวกเขาเข้าไปเพื่อต่อรองทางอำนาจเท่านั้น อย่าสนใจว่าใครจะมาเป็นนายกฯ เพราะไม่มีประโยชน์ เนื่องจากนายกฯก็เป็นคนเดิม จะเป็นคนอื่นไม่ได้ ประชาชนจึงต้องอยู่ในความเป็นจริง และขอให้ศรัทธาเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย

“นักการเมืองบางพวก หวังว่าหากเกิดการต่อต้านนายกฯคนนอก ส.ว. 150 คน จาก 250 คน จะแปรเปลี่ยนมาหนุนพวกตัวเองให้เป็นนายกฯแทนที่ เพื่อลดกระแสต่อต้าน ซึ่งเป็นความหวังที่ฝันกลางฝน และความมักง่ายเช่นนี้ทำให้ฝ่ายอำนาจดูถูกนักการเมือง อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ขอให้เชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย อย่ายึดตัวบุคคล และขอร่วมต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจนกว่าจะประชาชนจะประกาศชัย” นายจตุพร กล่าว

เรืองไกรท้า”บิ๊กตู่”สอบทรัพย์สิน
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ระบุจะสั่งให้ตรวจสอบตนและนายศรีสุวรรณ จรรยา มีอาชีพอะไร และมีรายได้จากที่ใดจึงได้ไล่ตรวจสอบบุคคลอื่นว่า ไม่ตกใจ และพร้อมให้ตรวจสอบโดยไม่มีปัญหา เพราะมีเอกสารหลักฐานที่ยื่นไว้กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อครั้งเป็นส.ว. โดยแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเอาไว้ชัดเจน ไม่มีสิ่งใดปกปิดซ่อนเร้น แต่หากพล.อ.ประยุทธ์ ยังมีข้อสงสัย สามารถสั่งการให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ไปตรวจสอบดูบัญชีเงินฝากของตนได้ว่ามีเงินเข้าออกอย่างไร ถ้าพบว่าผิดปกติก็ว่าตามกฎหมาย ถ้าไม่มีอะไร ขอให้ชี้แจงต่อสังคมด้วยว่าไม่มีอะไรผิดปกติ
“ผมไม่มีอะไรปิดบัง ผมมีเงิน กินดอกเบี้ยเงินกู้เข้าบัญชีทุกเดือนก่อนมาเป็นส.ว. จึงไม่เดือดร้อน แต่ถ้าตรวจสอบแล้วไม่มีอะไร ขอให้พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงเรื่องการซื้อขายที่ดินมูลค่า 600 ล้านบาทเช่นเดียวกัน” นายเรืองไกรกล่าวและว่า ขอให้นายกฯใช้หลักการเดียวกันนี้ ตรวจบัญชีทรัพย์สินและการเสียภาษีของบุคคลสาธารณะคนอื่นๆ ด้วย เพื่อให้บุคคลเหล่านี้ได้รับความไว้วางใจในสังคมต่อไป เชื่อว่าหลายคนที่มีรายได้ยังไม่ยื่นแบบแสดงการเสียภาษีอีกจำนวนมาก รวมถึงนักการเมืองบางคนที่ได้รับเงินจากการไปออกรายการทีวี 3 พันบาททางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส พร้อมตน ก็ยังไม่ได้ยื่นแบบแสดงการเสียภาษี

จ่อยื่นป.ป.ช.สอบ”อภิรดี”
นายเรืองไกรกล่าวว่า วันที่ 3 ต.ค.นี้ เวลา 09.30 น. จะไปยื่นเรื่องต่อป.ป.ช. ให้ตรวจสอบการยื่นแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินของนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ ทั้ง 3 ครั้งถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ เนื่องจากพบว่าในการยื่นบัญชีจากตำแหน่งรมช.พาณิชย์ เมื่อวันที่ 19 ส.ค. 2558 แต่ วันที่ 20 ก.พ.2558 มีเงินเข้าในบัญชีธนาคารกรุงเทพ สาขาอาคารอับดุลราฮิม เป็นเงิน 9.7 แสนบาท โดยเขียนไว้ด้วยลายมือว่าร้านถูกใจ จึงเกิดข้อสงสัยว่าเป็นค่าอะไร มาจากส่วนใด จึงเป็นเหตุอันควรให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบว่าเงินดังกล่าวได้มาอย่างไร ได้มาจากใคร และถ้าเป็นเงินพึงประเมินมีการเสียภาษีถูกต้องหรือไม่ นอกจากนั้นยังพบข้อมูลที่ควรให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ ประกอบด้วยการถอนเงินในรูปแบบของ TRN ซึ่งบ่งชี้ว่านางอภิรดี มีการถือครองบัตรเครดิต 2 สัปดาห์ก่อนเข้ารับตำแหน่งรมช.พาณิชย์ แต่เมื่อตรวจสอบการบัญชีแสดงทรัพย์สินฯที่ยื่นต่อป.ป.ช. กลับไม่พบข้อมูลดังกล่าว จึงต้องการให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบว่าระหว่างวันที่ 21 ส.ค.-4 ก.ย. 2557 มีการใช้บัตรเครดิตหรือไม่ ถ้ามีจะต้องนำมาแสดงในส่วนหนี้สินหรือไม่
นายเรืองไกรกล่าวว่า ตนยังพบว่านางอภิรดี มีทรัพย์สิน เช่น เข็มกลัดเพชร ราคา 1.7 แสนบาท ที่ได้มาระหว่างเป็นรมว.พาณิชย์ และมีที่มาแตกต่างจากรายการอื่น จึงขอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบว่าใช้เงินจากบัญชีใดซื้อหามา ขัดมาตรา 103 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยป.ป.ช.หรือไม่ เพราะนางอภิรดี ทราบดีว่าป.ป.ช.กำหนดเงื่อนไขการยื่นบัญชีทรัพย์สินฯไว้อย่างไรบ้าง

ส่งหลักฐานยัน”มาร์ค”บริหารน้ำพลาด
นายเรืองไกรกล่าวว่า นอกจากนี้ตนจะนำหลักฐานเพิ่มเติมเป็นหนังสือที่ออกโดยสำนักงานเลขาธิการครม. 3 ฉบับมอบให้ป.ป.ช.ไว้ประกอบการพิจารณาตามคำร้องที่ได้ร้องไปตั้งแต่ปี 2554 และป.ป.ช.ได้แจ้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯทราบแล้วว่ามีการตั้งองค์คณะพิจารณาไต่สวนในประเด็นกรณีที่ไม่บริหารจัดการน้ำในปี 2554 ทั้งหมด เพื่อชี้ให้เห็นว่าสถานการณ์อุทกภัยเกิดขึ้นก่อนที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่นายกฯ

ยัน5แกนนำนปช.ขึ้นศาลวันนี้
วันที่ 2 ต.ค. นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เปิดเผยว่า วันที่ 3 ต.ค. เวลา 09.00 น. ศาลอาญานัดไต่สวนคำร้องขอถอนประกันตัวครั้งแรก 5 แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) คือ นายวีระหรือนายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการและนายนิสิต สินธุไพร จำเลยร่วมแกนนำรวม 24 ราย คดีก่อการร้าย หมายเลขดำ อ.2542/2553 ที่คดีอยู่ระหว่างการสืบพยาน ตามที่อัยการยื่นคำร้องขอถอนประกัน ยืนยันว่าแกนนำทั้ง 5 จะเดินทางไปศาลตามกำหนดนัด ซึ่งยังไม่มีแกนนำคนใดแจ้งว่าติดเหตุขัดข้องที่จะไปศาลไม่ได้

นายวิญญัติ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวอัยการได้รับหนังสือของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อ้างพฤติการณ์กล่าวหาแกนนำให้สัมภาษณ์แสดงความเห็นและกระทำการในหลายเรื่องเข้าข่ายการฝ่าฝืนเงื่อนไขที่ศาลกำหนดไว้ในการประกันตัว ห้ามการปราศรัยปลุกปั่น แต่เราเห็นว่าคดีก่อการร้ายนี้เข้าสู่การพิจารณาของศาลแล้ว และดีเอสไอไม่มีอำนาจจะเสนอเรื่องให้อัยการยื่นคำร้อง เพราะหากมีผู้เสียหายจากการกระทำของแกนนำ ก็ควรที่ผู้เสียหายนั้นจะใช้สิทธิ์ดำเนินการทางศาลเอง อีกทั้งแกนนำ นปช. ในฐานะประชาชนคนหนึ่งมีสิทธิและเสรีภาพการแสดงความคิดเห็น ทั้งนี้ จะนำพยานบุคคลและหลักฐานที่มี มาแสดงต่อศาลเพื่อให้วินิจฉัย ในส่วนของอัยการ ทราบว่ามีพยาน 7 ปาก โดย 2 ปากนั้นเป็นพนักงานสอบสวน ส่วนที่เหลือเป็นเจ้าหน้าที่ถอดเทป และผู้กล่าวโทษ ที่มีเพียงคนเดียวเรื่องศูนย์ปราบโกง คือ พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ เสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชาฝ่ายกฎหมาย คสช.

“บิ๊กเต่า”เลือกปลัดทส.เน้นทำงานได้
เมื่อวันที่ 2 ต.ค. พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยความคืบหน้าการแต่งตั้งปลัดกระทรวงทส. แทนนายเกษมสันต์ จิณณวาโส ที่ย้ายไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการพิเศษประจำสำนักนายกฯ ว่า กำลังพิจารณาสรรหาคนที่เหมาะสมและต้องดำเนินการใน 3 เรื่อง 1.แก้ปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายในระดับกรมมีปัญหาเกือบทุกตำแหน่ง โดยเฉพาะกรมป่าไม้ และกรมอุทยานฯ ได้ 2.แก้ปัญหาการทุจริตทุกรูปแบบในกระทรวงทส. และ 3.แก้ปัญหาขยะให้ได้ ทั้งนี้ การพิจารณาจะเลือกตามความ เหมาะสม ไม่เกี่ยวกับความอาวุโส เอาคนที่ทำงานได้ ส่วนจะเป็นคนในหรือคนนอก ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและต้องเป็นคนที่ครม.เห็นชอบด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับข้าราชการระดับ 10 ที่อยู่ในข่ายได้รับการพิจารณาในลำดับต้นๆ คือนายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ หลานชายนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เนื่องจากใกล้ชิดกับพล.อ.สุรศักดิ์ ที่ออกมาปกป้องนายชลธิศ บ่อยครั้งทั้งเรื่องการนำข้าราชการกรมป่าไม้กว่า 30 คน ลาพักร้อนไปเที่ยวต่างประเทศ เรื่องข้าราชการถูกคุกคามทางเพศที่กรมป่าไม้ เรื่องความล่าช้าในการแก้ปัญหาภูทับเบิกและเขาหัวโล้น นอกจากนี้ยังมีนายจตุพร บุรุษพัฒน์ รองปลัดทส. ที่มีลำดับอาวุโสสูงสุดในทส. แต่เคยถูกพล.อ.สุรศักดิ์ ย้ายจากอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ มาเป็นรองปลัด รวมทั้งนายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ที่ได้รับความไว้วางใจจากพล.อ.สุรศักดิ์ ให้ดูแลการยุบรวมกรมทรัพยากรน้ำกับกรมทรัพยากรน้ำบาดาล

ผบ.ทบ.นำทีมอวยพรวันเกิด”บิ๊กบัง”
เมื่อวันที่ 2 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตผบ.ทบ. ได้เปิดบ้านพักภายในกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) บางเขน ให้ตัวแทนข้าราชการ ภาคเอกชน และนายทหารซึ่งเป็นอดีตผู้ใต้บังคับบัญชา เข้าอวยพรเนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 70 ปี ทั้งนี้ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ.คนใหม่ นำข้าราชการสังกัดกองทัพบก เข้าอวยพร พร้อมทั้งมอบกระเช้าผลไม้
โดยพล.อ.เฉลิมชัยกล่าวชื่นชมพล.อ.สนธิ ที่เสียสละอดทนทำงานเพื่อบ้านเมืองจนเป็นแบบอย่างให้กำลังพลในกองทัพ ขณะที่พล.อ.สนธิกล่าวขอบคุณทุกคนที่มาในวันนี้ และฝากผบ.ทบ.ทำกองทัพให้ประชาชนรัก เพราะถ้าประชาชนรักกองทัพแล้วจะรักสถาบันด้วย จากนั้นพล.อ.สนธิได้มอบหนังสือ 3 เล่มให้กับพล.อ.เฉลิมชัย และแขกที่มาร่วมอวยพรเป็นของที่ระลึก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน