เปิดใจ “ธนาธร” ก่อนคำพิพากษา ชี้ชะตา “วันพรุ่งนี้” ลั่น หากติดคุก ก็ไม่คิดจะหนี มันสวยงามที่พอจะสู้

เมื่อวันที่ 19 พ.ย. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยสถานะส.ส.จากกรณีถือหุ้นสื่อในวันที่ 20 พ.ย.ว่า เชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะให้ความเป็นธรรม มั่นใจว่าพรุ่งนี้จะรอด เพราะถ้าดูคำร้องของ กกต. ไม่มีข้อไหนระบุว่าการทำธุรกรรมไม่ได้เสร็จสมบูรณ์ในวันที่ 8 ม.ค. จนถึงวันนี้คนที่พูดว่าเราทำผิด มีหลักฐานอะไรมายืนยันหรือไม่ ซึ่งไม่มี หากผลตัดสินของศาลออกมาเป็นลบ ตนก็ยอมรับการตัดสิน ส่วนเห็นด้วยหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

เมื่อถามว่าอนาคตใหม่มีกิจกรรมออกมาเยอะอย่างอยู่ไม่เป็น หรือแถลงปิดคดีต่อสาธารณชน นี่คือการปลุกระดมหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า ตนคิดว่ายังมีประเด็นอะไรบ้างเพื่อให้สาธารณชนเข้าใจก่อนศาลมีคำวินิจฉัยออกมา จึงมีการแถลงปิดคดี ส่วนกิจกรรมอยู่ไม่เป็น เป็นกิจกรรมปกติของพรรค สังคมเดินถึงวันนี้เพราะสังคมยอมจำนนของความผิดปกติ

“การทำรัฐประหารถูกต้องหรือผิด หรือการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เรื่องเหล่านี้เราไม่กล้าพูดความจริง สิ่งที่อนาคตใหม่พูดหรือผมพูด เป็นความจริงที่ไม่มีใครกล้าพูด เราจึงเรียกร้องถ้าอยากได้สังคมปกติ ทุกคนต้องกล้าหาญ เราตั้งพรรคมา 500 กว่าวันโดน 20 กว่าคดี หมายความว่าเราทำสิ่งที่ผู้มีอำนาจไม่ต้องการให้ทำ ซึ่งทุกอย่างที่เราทำ เราทำตามความฝันของเรา เราทำตามสิ่งที่เราหาเสียงกับประชาชนเอาไว้ และแน่นอนสิ่งเหล่านี้ย่อมขัดผลประโยชน์ของเขาแน่นอน” นายธนากร กล่าว

เมื่อถามว่าจะมีมวลชนไปให้กำลังใจหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า ตนพูดไม่ได้ แล้วแต่ประชาชนและขอบคุณทุกกำลังใจ ถ้ามีผู้สนับสนุนตนและพรรคต้องการไปให้กำลังใจก็ยินดี เราไม่ได้ห้าม เชื่่อว่าไม่มีอันตราย หลายครั้งพิสูจน์แล้วว่าพรรคจัดกิจกรรมต่อเนื่องก็ไม่มีครั้งไหนมีอันตรายเกิดขึ้น ส่วน 20 คดี เราจะต่อสู้ไปเรื่อยๆ และคดีคุณสมบัติส.ส.ในวันที่ 20 พ.ย.นี้ จะไม่โยงไปถึงการยุบพรรค ซึ่งมาตรา 98 (3) ซึ่งเกี่ยวกับคุณสมบัติการเป็นส.ส. ไม่เกี่ยวกับการยุบพรรค

ซึ่งในเอกสาร ที่ กกต.ร้องศาลรัฐธรรมนูญอ้างอิงเอกสาร บอจ. 5 ถ้าดูเอกสารการโอนหุ้นสมบูรณ์ทุกอย่าง บอจ.5 หรือทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้นจากกระทรวงพาณิชย์ ไม่ใช่เอกสารระบุว่ามีการเปลี่ยนแปลงหุ้นเมื่อไร ซึ่งบอจ.5 เป็นแค่เอกสารที่อัพเดทกับกระทรวงพาณิชย์ ความสมบูรณ์ของการทำธุรกรรมจะเกิดขึ้นเมื่อมีการซื้อขายเซ็นสัญญากัน ลงในสมุดเปลี่ยนแปลงบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัทนั่นคือวันที่ 8 ม.ค.2562

เมื่อถามว่าถ้าถูกจำคุกจะหนีหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า จับตนเลย ตนตั้งพรรคขึ้นมารู้ว่าจุดจบเป็นอย่างไร มีโอกาสติดคุกแน่นอน นี่คือการต่อสู้กับเผด็จการ ถ้าตนไม่ทำก็ไม่สามารถบอกตัวเองหรือสบตากับคนรุ่นหลังได้ว่าในช่วงวิกฤต คนที่มีสถานะอย่างตนทำอะไรอยู่ สังคมต้องการเห็นคนที่ลุกขึ้นมาท้าทาย ต้องยอมรับว่าอำนาจอยู่ที่คสช.ทุกอย่าง ดังนั้น โอกาสที่แม้จะมีไม่เยอะ เราก็พร้อมเสี่ยงเพราะเชื่อว่าอนาคตที่ดีกว่านี้ มันสวยงามพอที่จะต่อสู้

เมื่อถามว่ามีพรรคสำรองว่าพลังอนาคต มีนายจักรพันธ์ ประจวบเหมาะ เป็นหัวหน้าพรรค นายธนาธร กล่าวว่า ตนไม่รู้จักเลย และตนไม่เคยเข้าไปบริหารบริษัทวี-ลัค มีเดียแต่อย่างใด เป็นเพื่อนพี่สาวตนก็ไม่ได้หมายความว่ารู้จักกับตน ยืนยันตนไม่เคยคุยหรือรู้จักกัน เชื่อว่าไม่ถูกยุบพรรค

เราเชื่อมั่นว่าอนาคตใหม่เข้มแข็งพอ สำหรับตนเกิดปัญหาอะไรเยอะแยะ มีความพยายามใช้คดีความมายุบพรรค มาทำลายความน่าเชื่อถือทางสังคมโดยใช้สื่อ ข่าวลวง การเดินทาง 1 ปีทำให้พวกเราแข็งแกร่งขึ้น เชื่อมั่นว่าพรรคเราแข็งแกร่งกว่า 1 ปีที่แล้ว ทั้งในแง่ความสามารถบุคลากร การจัดการองค์กร ข้อมูล นโยบาย ตนมองการเดินไปข้างหน้าของพรรคอย่างมีความหวัง มีพลัง

เมื่อถามว่าสัปดาห์ที่แล้วนายกฯ เปลี่ยนลายเซ็น นายธนาธร จะเปลี่ยนบ้างหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า ตนเชื่อในวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไม่เคยไปหาหมอดู ขอย้ำว่าเรารณรงค์หาเสียงเพราะเราอยากได้แบบนี้ เมื่อผลออกมาก็ยอมรับ มาเป็นฝ่ายค้าน จะพลิกฟ้าตรงไหน ซึ่งการไม่ยอมรับคือการแสดงออกวันนี้ แต่การเปลี่ยนแปลงต้องทำผ่านกฎหมายและแก้รัฐธรรมนูญจะนำไปสู่ความรุนแรงได้อย่างไร

เมื่อถามว่าหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง มองใครเป็นหัวหน้าพรรคหรือยัง นายธนาธร กล่าวว่า ยังยืนยันคุณสมบัติส.ส.ไม่เกี่ยวกับเรื่องอื่น และกระบวนการที่เราเสนอเป็นกระบวนการสันติ เคารพในระบอบรัฐสภา มีอะไรก็คุยในสภา วันที่ 20 พ.ย.ก็เป็นวันธรรมดา ตนใช้เวลาทำงานกรรมาธิการพิจารณางบฯ ก่อนจะไปศาลเวลา 13.30 น.


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน