ธนาธร เปิดใจ! อนาคตพร้อมคัมแบ็ก‘ส.ส.’ เผย 4 ข้อสงสัยคำวินิจฉัยคดีหุ้นสื่อ
ธนาธร / เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 20 พ.ย. ที่ศาลรัฐธรรมนูญ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เปิดใจหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้พ้นสภาพความเป็นส.ส.จากกรณีถือหุ้นสื่อว่า วันนี้การพิพากษาคุณสมบัติส.ส.ของตนสิ้นสุดลงแล้ว ขอบคุณทุกกำลังใจและซาบซึ้งมาก ต่อจากนี้จะเป็นความคิดของตนเองที่มีต่อคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ
กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
นายธนาธร กล่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญให้เหตุผลเรื่องเกี่ยวกับสมาชิกภาพความเป็นส.ส.ไว้หลายประการ เริ่มจาก
1.ศาลรัฐธรรมนูญอ้างถึงพ.ร.บ.การพิมพ์ ว่ายังมีใบอนุญาตการพิมพ์อยู่ ดังนั้น บริษัทวี-ลัค จะเริ่มต้นการเป็นสื่ออีกครั้งเมื่อไรก็ได้
ซึ่งก่อนหน้านี้ศาลก็ยอมรับว่าบริษัทฯ ไม่มีรายได้และไม่มีบุคลากร เป็นบริษัทที่ปิดตัวลงแล้ว ความคิดเห็นส่วนตัวก็คือ ถ้าบริษัทวี-ลัคฯ จะกลับมาเป็นบริษัทสื่อก็ค่อยไปตัดสินตอนนั้นก็ได้ ทำไมมาตัดสิทธิ์ตอนนี้
2.ศาลรัฐธรรมนูญยังพูดถึงเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) ไว้ด้วยว่าห้ามนักการเมืองให้คุณกับตัวเองและให้โทษกับผู้อื่น แต่ศาลไม่ได้พูดเลยว่า ตนและบริษัททำผิดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) หรือไม่ในการพิจารณา
ในคำพิพากษายังพูดถึงการลงทะเบียนจดแจ้งผู้ถือหุ้นใหม่ของบริษัทกับกระทรวงพาณิชย์ หรือการจด บอจ.5 ในเรื่องนี้ บอจ.5 ตามกฎหมาย 1 ปีจะแจ้งเมื่อไรก็ได้ การแจ้งช้าหรือเร็วไม่ได้ผิดกฎหมาย นอกจากนี้บริษัทวี-ลัค ไม่มีพนักงานแล้ว เอางานไปฝากคนอื่นทำ
3.สำหรับการขึ้นเช็คช้ากว่าปกติ ในเรื่องนี้ภรรยาของตนชี้แจงไว้ชัดเจนว่า ปกติภรรยาจะเป็นคนขึ้นเช็คให้กับตน และชี้แจงไว้แล้วว่าลูกยังอ่อนอยู่ ศาลบอกว่าให้คนอื่นไปได้หรือไม่ เรื่องนี้เป็นเรื่องของครอบครัวและเป็นเรื่องของตน ปกติจะให้ภรรยาเป็นคนไปขึ้นเช็คทุกครั้ง แต่ที่ผ่านมาเป็นเรื่องครอบครัวที่จะให้ภรรยาไปคนเดียว
“เรายังเอาเช็คตัวจริงไปให้ กกต.ดูด้วย โดยภรรยาเมื่อทราบว่าเรื่องนี้เป็นคดีความ จึงไม่ได้ไปขึ้นเช็ค วันที่ตนต้องเข้าไปชี้แจงกับ กกต. ภรรยาก็เก็บเช็คใบนี้ไว้ และให้ทนายของพรรคนำเช็คใบนี้ไปยื่นให้ กกต.ดูด้วย เราแสดงเช็คใบจริงให้เจ้าหน้าที่ดู แต่เราแนบสำเนาเช็คไปในเอกสารแนบคดี
แต่เจ้าหน้าที่ กกต.เห็นเช็คจริงในวันที่ 30 เม.ย. จึงเป็นเหตุผลทำไมไปขึ้นเช็คช้า ส่วนที่ศาลบอกว่ามีแต่สำเนานั้น ความจริงเช็คใบจริงก็มี เจ้าหน้าที่ กกต.ก็เห็นในวันที่ 30 เม.ย. ซึ่งเจ้าหน้าที่ กกต.ก็ไม่ได้โต้แย้งเรื่องนี้”นายธนาธรกล่าว
4.เรื่องที่ศาลโต้งแย้งเรื่องการตัดสินใจการลงทุนนั้น ผู้พิพากษาศาลรัฐธรรมนูญไม่เคยมีใครเป็นนักธุรกิจและนักลงทุน จะใช้มาตรฐานของศาลมาพิจารณาว่า โครงการไหนน่าลงทุนและไม่น่าลงทุน คงไม่ถูกต้อง ซึ่งความเป็นจริงทุกคนมีรสนิยมการลงทุนต่างกัน มีความรักความชอบในความเสี่ยงต่างกัน
เพราะฉะนั้นจะใช้มาตรฐานศาลมาตัดสินว่า คุณสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ จะไม่ลงทุนในเรื่องใดเป็นเรื่องความชอบและรสนิยมการลงทุนมากกว่า ส่วนการที่คุณสมพร โอนหุ้นกลับไปกลับมาให้คุณทวีนั้น ข้อเท็จจริงนี้ไม่เกี่ยวกับความสมบูรณ์ในการโอนหุ้นวันที่ 8 ม.ค. เพราะการโอนวันที่ 8 ม.ค.เสร็จสมบูรณ์ในตัวไปแล้ว
“ดังนั้น สำหรับผมแล้ว ข้อสันนิษฐานที่ศาลรัฐธรรมนูญยกขึ้นมาในเรื่องนี้ ทั้งหมดตั้งอยู่บนข้อสันนิษฐานมากกว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏในพยานเอกสารและพยานหลักฐาน โดยศาลให้น้ำหนักข้อสันนิษฐานมากกว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏด้วย” นายธนาธร กล่าวก่อนทิ้งท้ายว่า
จากนี้ยังทำงานต่อในฐานะหัวหน้าพรรค ยังรณรงค์การแก้ไขรัฐธรรมนูญและพ.ร.บ.การเกณฑ์ทหาร ในอนาคตคิดว่าจะได้กลับมาเป็นส.ส.อีก ส่วนคดีอื่นอย่าไปกังวล ยังมีงานที่ต้องทำอีกเยอะ และให้ประชาชนตัดสินเรื่องนี้เอง
อ่านข่าว ด่วน! ศาลรธน.มีคำสั่งให้ “ธนาธร” ผิดถือหุ้นสื่อ พ้นสภาพส.ส.ตั้งแต่ 23 พ.ค.62