เมื่อวันที่ 20 เม.ย. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่ายพ.ศ….. มีสาระสำคัญคือการโอนงบประมาณรายจ่ายประ จำปีพ.ศ.2560 ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่น บางรายการ จำนวน 11,816,512,300 บาท ไปตั้งไว้เป็นงบประมาณรายจ่ายสำหรับงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยหน่วยงานที่ถูกโอนงบประมาณมากที่สุด3 ลำดับแรกได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ 1,087,270,800 บาท กระทรวงมหาดไทย 541,552,100 บาท กระทรวงสาธารณสุข 417,136,100 บาท ขณะที่กระทรวงกลาโหมถูกโอนงบประมาณไป 55,847,700 บาท

จากนั้นนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงหลักการร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวว่า ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้มี 6 มาตรา เป็นการโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2560 ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นเป็นบางรายการไปตั้งเป็นงบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 11,866,512,300 บาท

เพื่อวัตถุประสงค์สำคัญ 2 ประการคือ1.การนำงบประมาณที่หน่วยงานต่างๆไม่สามารถจัดซื้อจัดจ้างได้ทันภายในวันที่ 31 มี.ค.2560 ไปตั้งจ่ายเป็นงบกลางรายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน 2.จะส่งผลให้การใช้จ่ายของรัฐบาลมีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศมากขึ้น ดังนั้นการโอนงบดังกล่าวเพราะรัฐบาลเห็นว่าการโอนงบประมาณจะทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

“จะเห็นได้จากการโอนงบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณปัจจุบันมีจำนวนลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ สะท้อนการใช้จ่ายงบลงทุนของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นดีขึ้น เนื่องจากการจัดทำงบรายจ่ายประจำปี เป็นการจัดทำล่วงหน้านาน ๆตั้งแต่เดือนม.ค.ของแต่ละปี คือมีการจัดทำก่อนถึงปีงบประมาณจริงอย่างน้อย 9 เดือน ดังนั้น จะเผชิญกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงในภายหลังได้ เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปรายการงบประมาณบางรายการจึงอาจไม่มีความจำเป็นต้องดำเนินการ การโอนรายจ่ายจะทำให้สามารถนำงบประมาณไปใช้จ่ายข้ามหน่วยงานได้ ซึ่งจะช่วยให้การใช้จ่ายงบประมาณในภาพรวมใช้อย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่า และเกิดประโยชน์มากยิ่งขึ้น” นายวิษณุ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมสนช.ได้พิจารณาร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวและรับหลักการวาระแรกด้วยคะแนน 215 ต่อ 0 งดออกเสียง 3 และตั้งคณะกรรมาธิการเต็มสภา พิจารณาวาระ 2 ก่อนให้ความเห็นชอบร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวในวาระ 3 ด้วยคะแนนเสียง 207 ต่อ 0 งดออกเสียง 4 ประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน