“เทพไท” ให้กำลังใจ พรรคอนาคตใหม่ สู้คดียุบพรรค แม้อยู่คนละขั้ว ก็เป็นพรรคการเมืองด้วยกัน เพราะปชป.เคยโดนมาแล้ว แต่ฟันฝ่ามาได้ด้วยข้อเท็จจริงและทีมกฎหมาย จนชนะคดีมาได้

เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการเลือกตั้ง(กกต.)มีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ ว่า เป็นอำนาจของกกต.ทีจะดำเนินการตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา72

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์

และพรรคอนาคตใหม่ ก็มีสิทธิ์จะต่อสู้ทางข้อกฎหมายเช่นเดียวกัน โดยยึดคำตัดสินของรัฐธรรมนูญเป็นข้อยุติ ทั้งสองฝ่ายจะต้องใช้ข้อมูลข้อเท็จจริง และเหตุผลมาหักล้างกันระหว่างพิจารณาคดีในศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้ยึดมั่นและปฎิบัติตามหลักกฎหมาย และคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ถ้าพรรคอนาคตใหม่เห็นว่าพรรคไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการปฎิบัติหน้าที่ของ กกต. ก็สามารถดำเนินการในเรื่องนี้ได้ 2 แนวทาง คือ

1.ถ้าเห็นว่า กกต.ทำหน้าที่ไม่เที่ยงตรง ไม่ยุติธรรม ก็สามารถฟ้องร้องดำเนินคดีตาม มาตรา57 ในฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ลุแก่อำนาจ กลั่นแกล้ง ใส่ร้ายให้พรรคอนาคตใหม่ได้รับความเสียหาย

2.ถ้าเห็นว่า พรป.พรรคการเมือง มีข้อบกพร่อง ไม่มีความชัดเจนในข้อกฎหมาย ก็สามารถใช้สิทธิ์ความเป็น ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ ยื่นแก้ไขต่อสภาผู้แทนราษฎรได้

นายเทพไท กล่าวต่อว่า โดยส่วนตัวแล้วไม่มีความสัมพันธ์อะไรเป็นพิเศษ แต่ในฐานะที่เป็นนักการเมืองด้วยกัน และในสนามเลือกตั้งเราก็คือคู่ต่อสู้ทางการเมือง ในสภาฯเราก็คือพรรคร่วมฝ่ายค้านกับพรรคร่วมรัฐบาล อยู่กันคนละฝ่าย แต่ในความเป็นพรรคการเมือง เป็นองค์กรการเมืองในระบอบประชาธิปไตย มีความเห็นใจและเข้าใจ ในความรู้สึกของพรรคอนาคตใหม่ ที่ต้องต่อสู้กับคดียุบพรรค

ซึ่งเปรียบเสมือนการประหารชีวิตทางการเมืองของพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ ก็เคยโดนฟ้องยุบพรรคมาแล้ว ถึง 2 ครั้ง แต่ก็สามารถฟันฝ่าอุปสรรคขวากหนามมาได้ด้วยดี โดยใช้หลักกฎหมาย ข้อเท็จจริง และทีมกฏหมายที่มีความสามารถ จนชนะคดีมาได้

แต่สำหรับพรรคอนาคตใหม่นั้น เป็นพรรคการเมืองที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่ และคณะกรรมการบริหารพรรค สมาชิกพรรคส่วนใหญ่ ก็เป็นคนรุ่นใหม่ มือใหม่ทางการเมือง อาจจะขาดประสบการณ์ ขาดผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายที่เกี่ยวกับ พ.ร.บ.ประกับรัฐธรรมนูญ ทั้ง 3 ฉบับ ประกอบกับหัวหน้าพรรคเคยเป็นนักธุรกิจมาก่อน อาจจะคุ้นเคยกับการทำงานแบบทางธุรกิจ

ซึ่งใช้หลักกฏหมายแพ่งและพาณิชย์ว่า ด้วยหุ้นส่วนและบริษัท ซึ่งต่างกับพรรคการเมืองที่ต้องใช้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งมีความสลับซับซ้อน และกฎระเบียบที่หยุมหยิม มีข้อห้าม และสิ่งที่ต้องทำในหลายประเด็น อาจทำให้เกิดความผิดพลาดในทางปฎิบัติเกี่ยวกับข้อกฎหมายได้ ซึ่งพรรคการเมืองทุกพรรค ต้องปฏิบัติตามกฏหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองอย่างเคร่งครัดเช่นกัน

“อยากจะให้กำลังใจให้พรรคอนาคตใหม่ได้ต่อสู้ในกระบวนการตามกฎหมาย ต่อสู้ในระบอบรัฐสภา ใช้นักกฎหมายมือดี เข้าไปต่อสู้แก้ต่างคดีในศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเชื่อมั่นว่าศาลรัฐธรรมนูญ จะให้ความยุติธรรมกับพรรคอนาคตใหม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมติของ กกต.ที่ไม่เป็นเอกฉันท์เช่นนี้ ก็จะทำให้มีน้ำหนัก และช่องทางในการต่อสู้ในชั้นการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญได้อย่างแน่นอน” นายเทพไท กล่าว


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน