‘หมอวรงค์’ เดินสายปลุกมวลชน ต้านลัทธิชังชาติ ซัดอนาคตใหม่บิดเบือน ปมยุบพรรค

เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. ที่ห้องสัมมนาโรงแรมวังแก้ว อ.เมือง จ.พิษณุโลก นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย หรือ รปช. พร้อมด้วย ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ กรรมการบริหารพรรค จัดเวทีพบปะสมาชิกพรรคในจังหวัดพิษณุโลก ภายใต้ชื่อ “การอบรมหลักสูตรอุดมการณ์และการสื่อสารทางการเมือง” หรือ “เวทีต่อสู้ลัทธิชังชาติ” โดยมีสมาชิกพรรคและคนร่วมงานประมาณ 300 คน

นพ.วรงค์ กล่าวตอนหนึ่งว่า มีการเมืองกลุ่มหนึ่งที่ปลุกระดมมวลชนให้เกิดกระแสชังชาติ โดยเฉพาะหมู่เยาวชน พร้อมอธิบายลักษณะของการชังชาติ 5 ด้านให้ผู้ร่วมเวทีรับทราบ นอกจากนี้ บนเวทียังเปิดภาพเอกสารของเลขาธิการ กกต. ที่โฆษกพรรคอนาคตใหม่นำมาเปิดเผยว่าเป็นเอกสารลับและเป็นธงนำไปสู่การยุบพรรคอนาคตใหม่ว่า ไม่ใช่เอกสารลับและเป็นการทำขั้นตอน การออกมาของโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ต้องการออกมาบิดเบือน พร้อมกับเปิดคลิปวิดีโอเหตุการณ์วุ่นวายทางการเมืองของม็อบฮ่องกง ที่ไม่อยากให้เมืองไทยเข้าสู่สภาวะเช่นนั้น ที่ส่วนใหญ่ผู้ร่วมชุมชุมทางการเมืองและก่อเหตุรุนแรงเป็นเยาวชน

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

 

นพ.วรงค์ กล่าวภายหลังบรรยายเป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงว่า โครงการนี้พรรคได้รับงบประมาณจาก กกต. ที่สนับสนุนทุกพรรคการเมือง กิจกรรมของพรรค รปช. ต้องการจัดกิจกรรมเพื่อพบปะสมาชิกของพรรคอยู่แล้ว แต่ช่วงนี้กระแสลัทธิชังชาติมาแรง จนทำให้คนบางกลุ่มกล่าวหาว่าพรรคพยายามจะตั้งเวทีเพื่อต่อสู้กับอีกกลุ่มการเมือง แต่เวทีนี้เป็นเวทีวิชาการ ให้ความรู้เรื่องการเมือง

นพ.วรงค์ กล่าวอีกว่า ครั้งนี้ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับลัทธิชังชาติด้วย มีกลุ่มเป้าหมายคือสมาชิกพรรค และผู้สนใจทั่วไป มีบรรยายเรื่องการเมือง การให้ความรู้เรื่องลัทธิชังชาติ การสอนการใช้สื่อโซเซียลมีเดียในการติดตามทางการเมือง ตั้งเป้าจัดเวทีตามงบประมาณที่ได้รับจาก กกต. โดยเริ่มที่ จ.พิษณุโลก เป็นจังหวัดแรก ต่อด้วยเวทีที่วัดอ้อมน้อย ที่บึงกุ่ม อุดรธานี กาญจนบุรี ชุมพร สุราษฏร์ธานี สงขลา และกลับมาที่กรุงเทพในช่วงสิ้นปี 2562

สำหรับลัทธิชังชาตินั้น นพ.วรงค์ เปิดเผยว่า ไม่เกี่ยวกับการชังรัฐบาล ทุกคนมีสิทธิที่จะชังรัฐบาล แต่สำหรับลัทธิชังชาติที่เกิดขึ้นในขณะนี้ มี 5 กลุ่ม ได้แก่ 1.จาบจ้วงสถาบัน 2. ไม่ส่งเสริมทุกศาสนา นำศาสนามาสร้างความขัดแย้ง 3.ดูถูกประเทศไทยด่าประเทศไทย ไม่สนใจจารีตประเพณี 4.ชักศึกเข้าบ้าน 5.ไม่ยอมรับการตัดสินของศาล เป็นหลักพื้นฐานที่ตนเชื่อว่าประชาชนเห็นด้วยกับเรา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน