“บิ๊กป้อม” ยันซื้อเรือดำน้ำจีนโปร่งใส โต้อนุมัติเงียบ สั่งกองทัพเรือชี้แจง “วิษณุ”แจงมติครม.เอกสาร “มุมแดง” ไม่ต้องแถลงก็ได้ ชี้โควตาบิ๊กทหารในกก. ยุทธศาสตร์ชาติแค่ 5-6 คน ไม่ถือว่ามาก สนช.ชักวุ่น ค้าน”ตวง อันทะไชย” นั่งประธานกมธ.พิจารณากฎหมายกกต. ชนะโหวตแบบผิดธรรมเนียมปฏิบัติ เจ้าตัวสวนคนแพ้ไม่ยอมจบ องค์กรสื่อค้านตีทะเบียนนักข่าว “บิ๊กตู่”ถกบาห์เรน สักขีพยานลงนาม 3 ฉบับ คลังหาช่อง ยึดทรัพย์”แม้ว” จ่ายค่าภาษีหุ้นชินคอร์ป ทหารนำตัวเข้าค่ายอีกคน หลังยื่นจี้ถอนหมุดหน้าใส

“บิ๊กป้อม”ไม่หวั่นปรับครม.

เวลา 09.00 น. วันที่ 25 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แทน พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่เดินทางไปเยือนประเทศบาห์เรน ระหว่างวันที่ 24-26 เม.ย.

พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมครม. ถึงกระแสการปรับรัฐมนตรีชุดใหม่ว่า ไม่มี เมื่อถามว่ากระแสข่าวว่าจะปรับเปลี่ยนรองนายกฝ่ายความมั่นคง พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “โอ้โฮ ผมก็พร้อมนะ อยากจะให้ออก คุณจะได้หัวเราะกันอย่างสบาย คนนั่งเขียนข่าวก็นั่งเขียนอยู่ข้างใน อยากเขียนอะไร ก็เขียนไม่ต้องรับผิดชอบ ขอถามหน่อยว่าคุณจะทำอย่างไรกับเรื่องพวกนี้หากมันไม่เกิดขึ้น ไม่รับผิดชอบแล้วจะทำอย่างไร”

เมื่อถามว่า น้อยใจหรือไม่ที่มีกระแสข่าวตกเป็นเป้าตลอด พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ผมไม่น้อยใจ อายุปาเข้าไป 72 ปีแล้ว ผมพร้อมออก อายุขนาดนี้แล้วไม่มีใครทำงานขนาดนี้หรอก ถึงมีก็น้อยมาก ผมก็เสียสละทุกอย่าง”

แจงซื้อเรือดำน้ำโปร่งใส

เมื่อถามถึงความชัดเจนกรณีครม.อนุมัติเงียบโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เรื่องนี้อธิบายมานานแล้ว จะซื้อทีละลำกว่าจะได้ ลำหนึ่งใช้เวลา 5-6 ปี จึงวางแผนระยะยาว โครงการนี้ใช้เวลาทั้งหมด 11 ปี กว่าจะได้ทั้งหมด 3 ลำ ยืนยันทุกอย่างดำเนินการตามขั้นตอน ไม่น่ามีอะไรที่น่าสงสัย การจัดซื้อจัดหาก็ต้องทำให้โปร่งใส เป็นการซื้อลักษณะรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) โดยตรง ที่กองทัพเรือเลือกซื้อจากจีนเนื่องจากมีเหตุผลเพราะราคาถูกมาก เมื่อเทียบกับ 9 ประเทศ ทุกประเทศแพงกว่าทั้งหมด นอกจากแพงแล้วยังไม่มีอาวุธยุทโธปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ ติดมาด้วย และดำน้ำได้นานสูงสุด 21 วัน โดยรายละเอียดต่างๆ กองทัพเรือจะชี้แจงให้ทราบอีกครั้ง พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ส่วนงบประมาณ กองทัพเรือดำเนินการร่วมกับสำนักงบประมาณ งบจัดซื้อครั้งนี้เป็นของกองทัพเรือโดยเฉพาะไม่ใช่งบกลาง เป็นงบต่อเนื่องในแผนพัฒนากองทัพเรือ ซึ่งแต่ละกองทัพมีแผนพัฒนาของตัวเองอยู่แล้ว ทั้งหมด 36,000 ล้านบาท จำนวน 3 ลำ ส่วนจะแบ่งจ่ายอย่างไรสื่อไม่จำเป็นต้องรู้ แต่ใช้เวลาทั้งหมด 11 ปี เป็นการทยอยจ่าย

“ยืนยันการจัดซื้อจัดหาทำอย่างโปร่งใส กองทัพเรือเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด ถ้าซื้อจากประเทศอื่นในราคาลำเดียวก็เท่ากับซื้อของจีนได้ถึง 2 ลำ แถมไม่อาวุธยุทโธปกรณ์ติดมาด้วย คณะกรรมการจากกองทัพเรือ 20-30 คน พิจารณาอย่างรอบคอบ เปรียบเทียบทั้งคุณภาพ และราคาก่อนดำเนินการ ทำตามขั้นตอนทุกอย่างและไม่ถือว่าแพง มีประโยชน์มากในฝั่งทะเลอันดามันในระยะ 200 ไมล์ทะเล ที่เราไม่เคยเข้าไป ที่สำคัญต้องใช้เวลา 5-6 ปีกว่าจะได้เรือดำน้ำลำแรก ไม่ใช่ซื้อวันนี้ได้พรุ่งนี้” พล.อ.ประวิตรกล่าว

สั่งกองทัพเรือชี้แจง

เมื่อถามว่าการซื้อแบบรัฐต่อรัฐมีเงื่อนไขต้องซื้อสินค้าอะไรจากไทยหรือไม่ พล.อ. ประวิตรปฏิเสธว่าไม่มี การซื้อครั้งนี้ไม่เกี่ยว ข้องในลักษณะรัฐต่อรัฐ คือไม่ใช้บราเตอร์เทรด ไม่มีเรื่องของการแลกเปลี่ยน จีนซื้อข้าวของไทยปกติไม่มีเงื่อนไขอะไรเป็นพิเศษ เงื่อนไขพิเศษมีเพียงอย่างเดียวคือจีนมอบอาวุธยุทโธปกรณ์และขีปนาวุธยิงจ่ายจากใต้น้ำ สู่อากาศฟรี ถือเป็นออปชั่นที่ติดมากับเรือ ซึ่งความจริงเป็นเรื่องลับ กองทัพเรือจะเป็น ผู้ชี้แจงอีกครั้งหลังผ่านที่ประชุมครม. ตนสั่งวันนี้พรุ่งนี้ก็สามารถชี้แจงได้

เมื่อถามถึงข้อสังเกตเรื่องผ่านการเห็นชอบครม.แล้วไม่แถลงอย่างเป็นทางการ พล.อ. ประวิตรกล่าวว่า เพราะเอกสารนี้เป็นเอกสารลับ เขาไม่เปิดเผยกัน ทุกเรื่องที่เป็นเอกสารลับ ไม่ว่าจะเป็นครม.ไหนก็เหมือนกันไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเป็นเอกสารทางด้านยุทธ ศาสตร์ เรื่องยุทธวิธีเป็นเอกสารลับทั้งหมดอยู่แล้ว ทุกกระทรวง ทบวง กรม มีเอกสารลับทั้งหมด เมื่อถามว่าสรุปครม.อนุมัติเมื่อวันที่ 18 เม.ย. พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า จำไม่ได้ผ่านไป นานแล้ว เอาเป็นว่าตนอยู่ในที่ประชุมแล้วกัน สื่อจะรู้ไปทำไมหรือต้องถามด้วยว่าจะหายใจอย่างไร เมื่ออนุมัติแล้วก็ให้รู้ว่าอนุมัติแล้ว ก็จบ ไม่ต้องไปลงว่าอนุมัติวันที่เท่าไร ในเมื่อเป็นเอกสารลับก็ต้องลับอย่างนี้ ดีก็แล้วกันไม่เห็นเป็นอะไรเลย

“ยืนยันว่าไม่ใช่เป็นการอนุมัติเงียบ ครม.ทั้งคณะรู้ทั้งหมด ที่ตั้งข้อสังเกตว่าทำไมไม่ชี้แจงให้ประชาชนทราบนั้นถึงเวลามันก็ทราบ อย่างเรื่องรถถังอนุมัติ 1-2 เดือนแล้ว ก็เพิ่งทราบแล้วก็มาเขียน โครงการจัดซื้อเรือดำน้ำใช้เวลาศึกษา 9 ปีกว่าจะสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน กว่าจะมีการอนุมัติไม่ใช่คิดวันสองวัน ถือเป็นยุทธศาสตร์เก่าซึ่งกองทัพเรือต้องการ มานานแล้วจึงวางยุทธศาสตร์ และแผนพัฒนากองทัพไว้ มีการตั้งกองเรือดำน้ำมาตั้งนานแล้วเพียงแต่ยังไม่มีเรือมีแต่คน” พล.อ.ประวิตร กล่าว

ครม.เป็นผู้สนับสนุน

เมื่อถามว่าพูดได้หรือไม่ว่า พล.อ.ประวิตร เป็นผู้ให้กำเนิดเรือดำน้ำ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ใช่ พูดเช่นนั้นไม่ได้เพราะเรื่องนี้เป็นของเก่าที่กองทัพเรือริเริ่ม ตนไม่ใช่ผู้เริ่ม ถ้าบอก ตนเป็นผู้สนับสนุนให้เกิดเรื่องนี้ก็ต้องบอกว่านายกฯเป็นผู้สนับสนุนเหมือนกัน ครม.ทุกคนก็สนับสนุนทั้งหมด

เมื่อถามว่าประโยชน์ของเรือดำน้ำที่ครม.ชุดนี้อนุมัติจัดซื้อคืออะไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า มันมีความจำเป็นอย่างแน่นอน พูดมาแล้วหลายครั้ง ต้องยอมรับว่าในประเทศอาเซียน หลายประเทศไม่ว่าจะเป็นมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เวียดนาม ทุกประเทศมีทั้งหมดแล้วโดยเฉพาะเวียดนามมีถึง 12 ลำ ประเทศที่อยู่ใกล้ทะเลทั้งหมดเตรียมการจัดซื้อจัดหาเรือ ดำน้ำ เพราะมีความจำเป็นต้องรักษาทรัพยากร ธรรมชาติในระยะทาง 200 ไมล์ทะเล ไทย ก็จำเป็นต้องมีกองทัพเรือจึงวางแผนยุทธศาสตร์ รักษาทรัพยากรทางทะเลไว้และเรือที่จัดซื้อ ครั้งนี้ไม่ได้แพงกว่าเรือฟริเกต

เมื่อถามว่ามีหลักประกันอะไรว่าอนาคตเมื่อเปลี่ยนรัฐบาลจะอนุมัติให้ซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2 และ 3 พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เราทำแผนไว้เช่นนี้ถ้าไม่อนุมัติก็ไม่อนุมัติถ้ามองไม่เห็นถึงความจำเป็น แต่กองทัพเรือเขาต้องเสนอแน่นอนไม่เช่นนั้นเขาก็ต้องเอางบไปทำ และสร้างอย่างอื่น ไม่เห็น จะเป็นอะไร จากนี้ไปเลิกพูดถึงเรื่องเรือดำน้ำเสียทีไปดำอย่างอื่นแทน

ทร.รอคำสั่งแถลงชี้แจง

ที่กองทัพเรือ พล.ร.อ.จุมพล ลุมพิกานนท์ หัวหน้าคณะฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา ในฐานะโฆษกกองทัพเรือ กล่าวกรณี ครม. พิจารณาเห็นชอบโครงการจัดซื้อเรือ ดำน้ำ Yuan Class S26T จากจีน 1 ลำ วงเงิน 13,500 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า เรื่องยังไม่มาถึงกองทัพเรือ แต่เช้าวันนี้ พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์สื่อไปแล้ว เป็นเรื่องที่ผบ.ทร.จะรับแนวทางจากรองนายกฯ แต่ตอนนี้ยังไม่มีการสั่งการมายังตนให้ชี้แจงหรือแถลง เพราะประเด็นที่พูดถึงนั้นเป็นขั้นตอนทางธุรการปกติเท่านั้น เหมือนการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ทั่วไป เข้าครม.รอบแรกเป็นเรื่องของงบประมาณ รอบที่สองเป็นเรื่องงบประมาณผูกพัน และให้กองทัพเรือเป็นผู้แทนรัฐบาลในการลงนามการจัดซื้อจัดจ้างจากจีน หลักการมีเพียงเท่านี้ เรื่องดังกล่าวจะกลับไปที่กระทรวงกลาโหม จากนั้นกระทรวงกลาโหม จะส่งเรื่องมาที่กองทัพเรืออีกครั้ง

ยันไม่มีเรื่องซ่อนเร้นงุบงิบ

ที่ทำเนียบ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวกรณีที่ไม่มีการแถลงมติครม.อนุมัติโครงการจัดซื้อเรือ ดำน้ำว่า การประชุม ครม.มีวาระเพื่อพิจารณาหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น 40 หรือ 70 เรื่อง จึงไม่สามารถแถลงข่าวทุกเรื่องได้ แต่จะหยิบยก เฉพาะวาระที่น่าสนใจมาแถลง และการประชุม วันที่ 18 เม.ย. ก็ไม่มีผู้สื่อข่าวถามเรื่องเรือ ดำน้ำ ประกอบกับกองทัพเรือและกระทรวงกลาโหม เจ้าของเรื่อง กำหนดให้วาระอยู่ในชั้นความลับหรือมุมแดง จึงไม่มีการแถลงข่าว การจัดซื้อครั้งนี้ใช้งบประมาณกองทัพเรือ ผูกพันงบ 3-4 ปี ใช้เวลาหลายปีต่อเรือ

“มุมแดง เมื่อเสนอให้ครม.รับทราบแล้วเจ้าของเรื่องจะเก็บเอกสารไปจึงไม่ได้นำมาแถลง แต่ไม่มีอะไรปิดบัง ซ่อนเร้นงุบงิบ เพราะเรื่องลักษณะนี้ไม่ได้มีแค่เรือดำน้ำแต่มีหลายเรื่องที่ลับ แต่ไม่ได้ลับตลอดไป เรื่องลับนี้เป็นแค่ช่วงเวลาหนึ่ง เมื่อเวลาผ่านไปจะถูกเปิดเผย เช่น ประกาศออกมา เรื่องเรือดำน้ำ ก็เช่นกัน แม้จะลับในเวลานี้แต่วันหน้าก็ไม่ลับ เพราะจะมีการจัดซื้อจัดจ้างซึ่งเป็นแบบจีทูจี ยืนยันไม่มีเจตนาปกปิด” พล.ท.สรรเสริญกล่าว

เลขาฯชี้แถลงมติหน้าที่โฆษกรบ.

พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า การจัดซื้อนี้ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ จึงไม่ต้องกังวลว่ารัฐบาลจะหมกเม็ดเพราะทั้งหมดเป็นเงินภาษีประชาชน การจัดซื้อเรือดำน้ำเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ของกองทัพเรือ ซึ่งพิจารณาจากภัยคุกคามทั้งหลายรูปแบบ รวมถึงภัยคุกคามแบบใหม่ซึ่งมีหลายมิติ เช่น ประเทศที่เป็นมิตรกับเราวันนี้ วันหน้าเมื่อทรัพยากรลดลงความสัมพันธ์อาจเปลี่ยนแปลงไป และยังต้องพิจารณาจากผลประโยชน์ทางทะเล ต้องดูแลผลประโยชน์ทางทะเลให้ได้ แม้อุปกรณ์ของไทยจะน้อยกว่าแต่ก็ใช้ศักยภาพที่มีอยู่ป้องกันการแย่งชิงผลประโยชน์จากเราได้ ทุกอย่างเพื่อป้องกันและป้องปราบตามยุทธศาสตร์ ที่วางไว้ ไม่ได้เพิ่งมาคิด เรื่องศักยภาพประเทศ ไม่ค่อยมีใครเขาประโคมข่าวกัน จะไม่ค่อยเห็นเพื่อนบ้านประกาศว่ามีอาวุธอย่างไรบ้าง นอกจากข้อมูลในหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนั้นโดยตรง

นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส เลขาธิการคณะรัฐมนตรี กล่าวกรณีครม.เห็นชอบโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำโดยไม่แถลงข่าวว่า ในฐานะเลขาฯครม.ไม่มีหน้าที่แถลงข่าว ยกเว้นเรื่องที่อยู่ในภารกิจของเลขาฯครม.เช่น กรณีวันหยุดต่างๆ เนื่องจากการแถลงข่าวเป็นหน้าที่ของโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่จะใช้ดุลพินิจว่าเรื่องใดจะแถลงข่าวหรือไม่เพราะมีเรื่องของชั้นความลับกำหนดไว้ โดยเรื่องความมั่นคงเป็นเรื่องที่ส่วนราชการจะแจ้ง ต่อผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น บางคนก็ยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตามข้อสังเกตเกี่ยวกับพ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของทางราชการ 2540 ที่สามารถจะดูข้อมูลได้นั้นก็มีข้อยกเว้นไว้เช่นกันว่าเรื่องใดสามารถเปิดเผยได้หรือไม่ได้ เพราะมีชั้นความลับกำหนดไว้ ซึ่งเรื่องที่เกี่ยว ข้องกับความมั่นคงก็ถือเป็นชั้นความลับด้วย

วิษณุชี้เอกสารลับที่สุดต้องเปิดเผย

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงระดับชั้นความลับของเอกสารเรื่องที่เข้าวาระประชุมครม.ว่า การกำหนดชั้นความลับของวาระที่เข้าสู่ที่ประชุมครม.นั้น มีความเป็นมานาน 40-50 ปีแล้ว ดังนั้นหากเอกสารใดเป็นเรื่องลับหรือมุมแดงก็เป็นเรื่องที่หารือเสร็จแล้วหน่วยงานต้นสังกัดก็จัดเก็บคืนไปและไม่มีการแถลงข่าว ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับหน่วยงานต้นเรื่อง และเอกสารมุมแดงก็เป็นไปตามข้อกำหนดเกณฑ์ อาทิ เรื่องภาษี ซึ่งเรื่องนี้ ก็เป็นเรื่องที่กระทรวงกลาโหมขอมาว่าเป็น มุมแดง แต่อย่างไรก็ตาม ในที่สุดก็ต้องมีการยกเลิกมุมแดงและเปิดเผยให้ทราบ เช่น คราวที่แล้วกฎหมายในพระองค์ที่เข้าสภาไปก็เป็นเรื่องลับหรือมุมแดง แต่พอถึงจุดหนึ่งก็เปิดเผย อย่างไรก็ตามในที่ประชุมครม.วันเดียวกันนี้ ก็จะมีการยกเลิกชั้นความลับหลายเรื่องด้วยกัน

นายวิษณุกล่าวถึงการเตรียมการรองรับการ ตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ หลังพ.ร.บ. ยุทธศาสตร์ชาติเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแหงชาติ (สนช.) ว่า ไม่มีการเตรียม การใดๆ ชุดเดิมที่ตั้งแล้วยังทำงานต่อไป ที่มีพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกฯ เป็นประธาน เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติทั้ง 6 ด้าน ที่กำหนดไว้แล้ว ในส่วนของสภาก็ทำของสภาไป คือ การทำพ.ร.บ.เพื่อตั้งคณะกรรมการไปร่างแผนยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งเป็นคนละชุดกับชุดของพล.อ.อ.ประจิน

ยันผบ.นั่งกก.ยุทธศาสตร์-ไม่มาก

นายวิษณุกล่าวว่า เมื่อกรรมการตามกฎหมาย ยุทธศาสตร์ชาติเกิดขึ้นคืออีก 4 เดือนข้างหน้า หรือเดือนส.ค. กรรมการชุดของพล.อ.อ. ประจิน จะได้เข้าไปประสาน แต่บทบาทใหญ่จะอยู่กับกรรมการชุดที่จะเกิดขึ้นในเดือนส.ค. ส่วนข้อท้วงติงว่ามีคนในกองทัพอยู่ในกรรม การยุทธศาสตร์ชาติชุดใหญ่นั้น ชี้แจงไปในสภาแล้วว่า จะว่ามีมากไปก็ไม่ได้ เพราะกรรมการทั้งหมดมี 32 คน เป็นสัดส่วนที่จะดูแลในเรื่องของความมั่นคงและความมั่นคง มีทุกด้าน แต่ละคนก็มีกำลังของตัวเองทั้งบก เรือ อากาศ มีนายทหารในระดับต่างๆ และเป็นนายทหาร ที่มีความรู้ทางด้านเศรษฐกิจ สังคม จิตวิทยามวลชน

พวกนี้เข้ามาเพื่อยกร่างแผนยุทธศาสตร์แต่แล้วตัวเองก็ไม่ได้เป็นคนร่างฯ เพราะต้องตั้งกรรมการขึ้นมาอีกชุดหนึ่งประมาณ 15 คน โดยจะมีความหลากหลายทั้งอายุ อาชีพ เพศ วัย ที่ชื่อว่ากรรมการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ มีหน้าที่เขียนแผนซึ่งเปรียบเหมือนการเขียนแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม เมื่อเสร็จแล้วจึงกลับมาเสนอเข้าซูเปอร์บอร์ดและเสนอ ครม.ก่อนที่จะเสนอสภาและเสนอวุฒิสภา ก่อนที่จะนำความขึ้นกราบบังคมทูล และโปรดเกล้าฯ ซึ่งมีหลายขั้นตอนดังนั้นจึงไม่ใช่กระบวนการที่จะมาชี้เป็นชี้ตาย

“ถ้าจะพูดให้เห็นภาพง่ายๆ คือในโครง สร้างจะมีซูเปอร์บอร์ดใหญ่อยู่ 32 คน แล้วมีฝ่ายความมั่นคงอยู่ในนั้น ซึ่งประกอบด้วย ประธานอุตสาหกรรม ประธานหอการค้า สมาคมธนาคารไทย ผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่างๆ ปลัดกระทรวงการคลัง เลขาสภาพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจแห่งชาติ (สศช.) ประธานสภาเกษตรกร ส่วนฝ่ายความมั่นคง 5-6 ตำแหน่งนี้ ถือว่าเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญ รัฐธรรมนูญถึงกำหนดว่าให้เป็นวุฒิสมาชิกโดยตำแหน่ง ถือเป็นหลักประกันที่จะเชื่อมโยงตรงนี้อยู่แล้ว จึงเป็นเพียง 6 คน จาก 32 คนที่จะมาทำตรงนี้” นายวิษณุกล่าว

พท.จี้ 3 ข้อซื้อเรือดำน้ำเหมาะหรือไม่

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเห็นว่าการพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ให้ทันสมัยทำได้ แต่จังหวะเวลา ความเหมาะสมการจัดลำดับความสำคัญของงบประมาณต้องระมัด ระวัง เพราะ 1.สภาพเศรษฐกิจที่วิกฤตขณะนี้ รัฐบาลเตรียมปฏิรูประบบสาธารณสุข การศึกษาในการดูแลประชาชนอย่างไร หนังสือเรียนยังใช้ระบบให้ยืม สังคมไทยกำลังก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเตรียมการดูแลอย่างไรให้ยั่งยืน งบ 13,500 ล้านบาท ถ้านำมาออกมาตรการจ้างงานกระตุ้นเศรษฐกิจ จะได้ประโยชน์มากกว่าหรือไม่

2.ที่โฆษกรัฐบาลระบุที่ซื้อประเมินจาก ภัยคุกคามของประเทศที่มีอาณาเขตติดกับ ไทย น่าจะเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง เพราะหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศไทยก็ไม่เคย มีการต่อสู้รบพุ่งกับใครทางทะเล 3 ปีของรัฐบาล คสช.ก็ไม่ได้ต่อสู้กับใครทั้งทางบกทางทะเล ในทางการทูตการพูดลักษณะเช่นนี้อาจกระทบกับความรู้สึกและความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านได้ 3.รัฐบาลคสช. ก่อหนี้ผูกพันงบข้ามปีไปถึงรัฐบาลเลือกตั้งสมัยหน้า มัดมือชกรัฐบาลหลังเลือกตั้งต้องนำเงินไปผ่อนเรือดำน้ำ เหมาะสมเป็นธรรมกับรัฐบาลหน้าหรือไม่ ธนาคารเครดิตสวิสระบุว่าประเทศไทยมีความเหลื่อมล้ำเป็นอันดับสามของโลก และไทยต้องลงทุนด้านการศึกษาเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ การซื้อเรือดำน้ำช่วยลดความเหลื่อมล้ำหรือไม่ เข้าลักษณะเงินจะกินยังไม่มี แต่แอบไปซื้อปืนมาพกเท่ๆ แบบนี้ไหวหรือไม่

สนช.ถกกม.ลูกเร็วกว่ากำหนด

ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรค การเมือง และร่างพ.ร.บ.คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า ขณะนี้อยู่ในชั้นคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ซึ่งมีเวลาพิจารณาฉบับละ 60 วัน ครบกำหนดวันที่ 16 มิ.ย.2560 แต่กมธ.จะพิจารณาแล้วเสร็จก่อนครบกำหนดเวลาเพื่อให้สนช.พิจารณาต่อไป นอกจากนี้กมธ.ทั้งสองคณะและสนช.จะจัดสัมมนานอกสถานที่เพื่อพิจารณารายละเอียดของกฎหมายทั้งสองฉบับในวันที่ 20-21 พ.ค.นี้ สำหรับการรับฟังความเห็นฝ่ายต่างๆ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 77 คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)ได้รับฟังความเห็นมาแล้ว ขณะที่สนช.ประกาศรับฟังความเห็นในเว็บไซต์ของสนช.ด้วย ส่วนจะมีการปรับแก้ในชั้นการพิจารณาของ สนช.ต่างจากร่างเดิมหรือไม่ ต้องรอผลการพิจารณาของ สนช.

กมธ.แขวนแล้ว 3 มาตรา

เวลา 14.30 น. ที่รัฐสภา นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ โฆษกกมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.พรรคการเมือง สนช. แถลงผลประชุมว่า ที่ประชุมตกลงกันว่าจะประชุม 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ได้แก่ วันจันทร์ อังคารและพุธ ล่าสุดพิจารณาเสร็จสิ้นแล้ว 15 มาตรา รอการพิจารณา หรือแขวนไว้ 3 มาตรา ได้แก่ 1.ที่ประชุมให้ตัวแทนจากสำนักงานคณะกรรม การกฤษฎีกาไปยกร่างคำนิยามความหมายของพรรคการเมือง เนื่องจากเห็นว่าร่างเดิม ไม่เคยกำหนดนิยามดังกล่าวมาก่อน 2.เรื่องทุนประเดิมจัดตั้งพรรค ที่ร่างกฎหมายกำหนดให้มีอย่างน้อย 1 ล้านบาท ที่ประชุมเห็นว่าทำไมต้องกำหนดทุนประเดิม จึงขอให้รอการพิจารณาไว้ก่อน

และ 3.มาตรา 15 ซึ่งหลายประเด็น อาทิ การกำหนดมาตรฐานจริยธรรม ที่ประชุมเห็นว่าควรกำหนดมาตรฐานทางจริยธรรมของกรรมการบริหารพรรค โดยยึดโยงกับมาตรฐาน จริยธรรมของศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระและส.ส. ส.ว. รวมถึงครม.ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด เพราะกรรมการบริหารพรรคถือเป็นส่วนสำคัญของการเข้ามาสู่ตำแหน่งทางการเมืองที่สูงขึ้น จึงควรมีจริย ธรรมและบทลงโทษที่เข้มงวดกว่าสมาชิกพรรคและบุคคลทั่วไป

ปมค่าบำรุงพรรคยังไม่ยุติ

นายวัลลภกล่าวว่า ที่ประชุมยังไม่สรุปว่าจะกำหนดให้สมาชิกพรรคจ่ายเงินค่าบำรุงพรรคปีละ 100 บาทและให้จ่ายค่าสมาชิกแบบตลอดชีพไม่น้อยกว่า 2,000 บาทหรือไม่ เนื่องจากยังมีความเห็นแตกเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งเห็นว่าไม่ควรเก็บ แต่อีกส่วนเห็นว่าเงิน 100 บาทไม่ได้มาก เช่นเดียวกับการคัดเลือกสมาชิกพรรคเพื่อสมัครเป็นส.ส. การคัดเลือกบุคคลดำรงตำแหน่งทางการเมือง และการจัดทำบัญชีพรรค ซึ่งร่างพ.ร.บ.กำหนดให้พรรคต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมนั้น ที่ประชุมยังไม่ได้ข้อสรุปเพราะเห็นว่ามีรายละเอียดที่ต้องพิจารณาต่อไป

นายวัลลภกล่าวว่า ที่ประชุมวางกรอบการทำงานไว้ว่าร่างพ.ร.บ.พรรคการเมือง ที่มี 142 มาตรา ต้องพิจารณาให้เสร็จพร้อมกับร่างพ.ร.บ.กกต. ก่อนนำไปหารือกับสมาชิกสนช. ในการสัมมนานอกสถานที่ของสนช.ระหว่างวันที่ 20-21 พ.ค.ที่ จ.จันทบุรี เพื่อกมธ.จะ ได้ตอบข้อสงสัยของสมาชิกสนช.ในบางประเด็นได้ จากนั้นที่ประชุมสนช.จะพิจารณาร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยกกต. ในวาระที่ 2 และ 3 วันที่ 8 มิ.ย. ส่วนร่างพ.ร.บ.พรรคการเมือง จะพิจารณาวาระที่ 2 และ 3 วันที่ 15 มิ.ย. อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่กมธ.พิจารณาผ่านไปแล้ว หากสมาชิกสนช.ยังมีข้อสงสัย สามารถนำกลับมาพิจารณาใหม่ได้ แต่ยืนยันจะไม่มีการแก้ไขเนื้อหาเพื่อเซ็ตซีโร่พรรคอย่างแน่นอน

เลือกปธ.กมธ.ชักวุ่น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากผลการเลือกตำแหน่ง ในกมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.กกต. เมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งได้นายตวง อันทะไชย สมาชิกสนช. เป็นประธานนั้น ปรากฏว่ามีข้อสงสัยจากมธ.ส่วนหนึ่ง จากกรณีนายเจตน์ ศิรธรานนท์ สมาชิกสนช. ที่ได้รับการแต่งตั้งจากประธาน สนช. ให้เป็นประธานคณะกรรมการศึกษาร่างพ.ร.บ.กกต.ล่วงหน้า แต่กลับไม่ได้รับเลือกให้เป็นประธานกมธ. ชุดนี้อย่างต่อเนื่อง ผิดกับคณะกรรมการศึกษาร่างพ.ร.บ.พรรคการเมือง ซึ่งประธานคือ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม และได้รับเลือกให้เป็นประธานกมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ. พรรคการเมืองต่อเนื่อง

แหล่งข่าวเผยว่า การเลือกประธานกมธ.ร่างพ.ร.บ.กกต. สร้างความประหลาดใจแก่สมาชิกจำนวนหนึ่งและรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล เนื่องจาก นพ.ธำรง ทัศนาญชลี ทำหน้าที่ประธานชั่วคราวในฐานะกมธ.ที่มีอาวุโสมากที่สุด ได้สอบถามที่ประชุมถึงการเสนอชื่อประธานชุดนี้ ปรากฏว่านอกจากนายเจตน์จะได้รับการเสนอชื่อ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ได้เสนอชื่อนายตวง ขึ้นมาแข่งขัน โดยกมธ.คนอื่นไม่ได้ระแคะระคายมาก่อน และถือว่าผิดธรรมเนียม เมื่อโหวตมีเสียงออกมา 8 ต่อ 8 นพ.ธำรง อาศัยสิทธิ์การเป็นประธานชั่วคราว โหวตเลือกนายตวงอีก 1 เสียง

เมื่อการประชุมออกมารูปนี้ ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ว่าการประชุมที่มีลูกเล่นกลเกมนี้ส่อว่าเตรียมต่อรองเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือเกี่ยวข้องกับการดำรงอยู่ของกกต.หรือไม่ อีกทั้งมีการปล่อยข่าวว่าเป็นคำสั่งจากระดับบิ๊กให้สนับ สนุนนายตวง

“ตวง”ซัดกลับแพ้แล้วไม่จบ

ด้านนายตวงให้สัมภาษณ์ว่า ทราบดีว่าปัญหาเกิดจากความไม่พอใจของกมธ.คนเดียว ที่แพ้แล้วไม่ยอมจบเพราะเขาเสนอให้คนของตัวเองเป็น แต่เสียงข้างมากเลือกตน ไม่เลือกคนที่เขาเสนอ บอกว่าเป็นคนสนับสนุนแนว ทางประชาธิปไตยแต่พอแพ้ก็เอาไปบอกสื่ออย่างนั้นอย่างนี้ แล้วจะไปแก้ปัญหาปรองดองได้อย่างไร ขนาดเพื่อนกันยังไม่เข้าใจเลย “ผมถามหน่อยเขาเลือกผมแล้วจะให้ทำอย่างไร ต้องลาออกเพื่อให้คนที่คุณเสนอเป็นใช่หรือไม่”

นายตวงกล่าวว่า ร่างพ.ร.บ.กกต.ไม่ได้มีประเด็นอะไรเลย ร่างที่กรธ.เสนอมาดีอยู่แล้ว มีถกเถียงกันระหว่างผู้ตรวจการเลือกตั้งกับกกต.จังหวัด จะมีผลประโยชน์อะไรที่ทำให้ต้อง แย่งชิงตำแหน่งประธาน ส่วนเรื่องเซ็ตซีโร่กกต.ชุดเดิมหรือไม่ เป็นเรื่องที่พูดกันก่อนร่างรัฐธรรมนูญ แต่ถ้าอ่านดีๆ ในรัฐธรรมนูญกำหนดไว้แล้วว่าถ้าคนเดิมที่มีคุณสมบัติพร้อมก็ต้องทำงานต่อ อยู่ๆ จะไปเซ็ตซีโร่เลยไม่ได้เพราะขัดเจตนารมณ์ ต้องบอกว่าคน ที่เอาเรื่องนี้ไปพูดในทางเสียหาย นิสัยไม่ดี นักประชาธิปไตยต้องรู้จักฟังคนอื่นบ้าง ตนก็มีคนเสนอชื่อเยอะอย่าไปอ้างพล.อ.นิพัทธ์ คนเดียว ถ้าอยากเป็นประธานทำไมไม่รู้จักไปหาเสียงไปล็อบบี้ให้ได้เป็น ตนไม่ได้กระสันอยากเป็นตำแหน่งนี้แต่เมื่อผ่านการเลือกแล้วก็ต้องจบ ต้องเดินหน้าทำงานกันไปไม่มีอะไรที่ซับซ้อน

ถก 2 กฎหมายลูก 8 กับ 15 มิ.ย.

นายเจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกกมธ.วิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) แถลงผลประชุมว่า ที่ประชุมกำหนดกรอบการบรรจุวาระการพิจารณา ร่างพ.ร.บ.พรรค การเมือง และร่างพ.ร.บ.กกต. วาระ 2-3 ว่า หากฉบับไหนเสร็จก่อนจะเข้าสู่การพิจารณาวันที่ 8 มิ.ย. และอีกฉบับจะเข้าวันที่ 15 มิ.ย. เนื่องจากเกรงว่าหากพิจารณาวันเดียวกันอาจยืดเยื้อ

โฆษกวิปสนช. กล่าวว่า ส่วนกระแสข่าวว่าการเลือกประธานกมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาร่างพ.ร.บ.กกต. มีการแย่งตำแหน่งประธานกับนายตวง นั้น ยืนยันไม่ได้มีปัญหา กระบวนการเป็นไปตามปกติ ใช้การลงมติของ กมธ.ซึ่งตนเป็นที่ประธานปรึกษา กรอบการทำงานจะเชิญผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจงรายละเอียด ก่อนจะเริ่มเข้าสู่การพิจารณาเนื้อหารายมาตราในสัปดาห์ถัดไป เบื้องต้นมีประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณาคือ ผู้ตรวจการเลือกตั้งกับกกต.จังหวัด ขณะนี้ยังมีความเห็นทั้งสองแนวทาง และในบทเฉพาะกาลเรื่องคุณสมบัติกกต. ที่หากยึดตามรัฐธรรมนูญ ต้องมีกกต.พ้นจากตำแหน่ง 3 คน ทั้งนี้ ต้องดูร่างสุดท้ายที่สนช.มีมติ หากเนื้อหาสอดคล้องกับร่างของกรธ.เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญก็ผ่าน แต่ถ้าไม่ก็จะตั้งกมธ.ร่วม จากทุกฝ่ายเพื่อพิจารณาอีก 25 วัน

ประชุมปรองดองกลุ่มย่อย

ที่กระทรวงกลาโหม พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานอนุกรรมการประชาสัมพันธ์เพื่อความ สามัคคีปรองดอง เผยว่า ขณะนี้กระบวนการสร้างความสามัคคีปรองดองเดินหน้าไปได้มาก ขั้นการรับฟังความคิดเห็นได้รับความร่วมมือและตอบรับจากประชาชนทุกภาคส่วนอย่างดี ขณะนี้ข้อมูลดังกล่าวได้เข้าสู่กระบวน การวิเคราะห์ จัดหมวดหมู่และเรียบเรียงตามหลักวิชาการเป็น “ร่างเอกสารความเห็นร่วม” แล้วในขั้นต้นโดยผู้ทรงคุณวุฒิและทีมงานวิจัย

พล.ต.คงชีพ กล่าวว่า ขั้นตอนต่อไปจะจัดประชุมกลุ่มย่อยทั้งส่วนกลางและภูมิภาคเพื่อเปิดให้ผู้แทนจากทุกภาคส่วนที่เคยให้ข้อคิดเห็นมีส่วนร่วมตรวจสอบและสอบทานข้อมูลที่เคยเสนอให้มีความครบถ้วน ไม่ตกหล่น เพื่อ ปรับปรุงเอกสารความเห็นร่วมเพื่อสมบูรณ์ที่สุดร่วมกับผลการศึกษาด้านการปรองดอง ที่มีมา ก่อนเสนอเข้าสู่กระบวนการจัดทำเป็นร่างสัญญาประชาคมต่อไป โดยการประชุมกลุ่มย่อยจากส่วนกลางจัดวันที่ 26 เม.ย. เวลา 10.00-16.00 น. ห้องประชุมในศาลาว่าการกลาโหม ในส่วนภูมิภาคจัดภาคละ 3 ครั้งในลักษณะกลุ่มจังหวัด วันที่ 28 เม.ย.-8 พ.ค. โดยกอ.รมน.ภาค

จี้ถอนหมุดหน้าใส-ถูกนำเข้าค่าย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอานนท์ นำภา ทนายความและนักกิจกรรมกลุ่มพลเมืองโต้กลับ โพสต์เฟซบุ๊กกรณีนายเอกชัย หงส์กังวาน นักกิจกรรมทางการเมือง เดินทางไปทำเนียบรัฐบาลช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ เพื่อเตรียมยื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ ให้ดำเนินการถอนหมุดหน้าใส ซึ่งถูกนำมาเปลี่ยนแทนหมุดคณะราษฎร แต่ตำรวจรวบตัวโดยมีเจ้าหน้าที่ทหารมานำตัวไปยังมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) ว่า นายเอกชัย ไม่ค่อยมีเพื่อนเพราะเขาเป็นตรง โผงผาง ญาติคนเดียวที่มีอยู่คือแม่อายุกว่า 70 ปี ตอนนี้ป่วยเดินไม่ได้ เพียงไปยื่นหนังสือทวงถามเรื่องหมุดก็ถูกทหารนำไป มทบ. 11 อาจโดนขัง 7 วัน และอาจโดนยัดข้อหา

ต่อมาช่วงเย็น นายอานนท์โพสต์ว่านายเอกชัยได้รับการปล่อยตัวแล้ว

คลังเล็งยึดทรัพย์”แม้ว”จ่ายภาษี

รายงานข่าวกรมสรรพากร เผยว่า จนถึงขณะนี้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือตัวแทนของนายทักษิณ ยังไม่ได้มายื่นอุทธรณ์เรื่องที่กรมสรรพากรประเมินเก็บภาษีจากการซื้อขายหุ้น 1.76 หมื่นล้านบาท โดยการยื่นอุทธรณ์จะหมดลงใน 1-2 วันนี้ หลังจากกรมสรรพากรได้ประเมินเรียกเก็บภาษีและนำใบประเมินติดหน้าบ้านจันทร์ส่องหล้าเมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ทีมกฎหมายของกรมสรรพากรประเมินว่า มีความเป็นไปได้สูงที่อดีตนายกฯ จะไม่ยื่นอุทธรณ์ภาษีและปล่อยให้กรมสรรพากรยึดทรัพย์ และจะฟ้องกรมสรรพากรว่าดำเนินการเก็บภาษีและยึดทรัพย์โดยไม่ชอบต่อไป

รายงานข่าว แจ้งว่า กรมสรรพากรยังเตรียมพิจารณาว่าการไม่ยอมเสียภาษีของนายทักษิณ 1.76 หมื่นล้านบาท เข้าองค์ประกอบตามกฎหมายที่ออกมาใหม่ว่ามีการเลี่ยงภาษีเกิน 10 ล้านบาท สามารถส่งเรื่องให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ยึดทรัพย์มาชำระภาษีที่ยังไม่ยอมจ่ายได้

แหล่งข่าวระบุว่า หากนายทักษิณ ยื่นอุทธรณ์ภาษีก็เท่ากับยอมรับการประเมินภาษีของกรมสรรพากร ซึ่งการต่อสู้จะยากกว่าไม่ยื่นอุทธรณ์และรอฟ้องกรมสรรพากร หากมีการยึดทรัพย์ชำระภาษีว่าดำเนินการเก็บภาษีไม่ชอบ ไม่มีอำนาจเพราะไม่เคยออกหมายเรียก และเลยกำหนดเวลาออกหมายเรียกมาแล้ว จึงไม่มีอำนาจมาประเมินภาษี

แหล่งข่าวกล่าวว่า ตอนนี้กรมสรรพากรรอเวลาให้ครบกำหนดการยื่นอุทธรณ์ที่จะครบใน 1-2 วันนี้ หากอดีตนายกฯมายื่นอุทธรณ์ ก็ต้องตั้งคณะกรรมการอุทธรณ์ที่มีตัวแทนจากคนนอกร่วมพิจารณา แต่หากไม่ยื่นการเก็บภาษี 1.76 หมื่นล้านบาทจะเข้าสู่กระบวนการเร่งรัดการเก็บ ภาษีต่อไป

“บิ๊กตู่”ถกบาห์เรน-ลงนาม3ฉบับ

วันที่ 25 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระหว่างเดินทางเยือนราชอาณาจักรบาห์เรนอย่างเป็นทางการ วันที่ 24-26 เม.ย. ซึ่งเป็นการเยือนประเทศตะวันออกกลางประเทศแรกของนายกฯว่า เมื่อเวลา 11.45 น. ตามเวลาท้องถิ่นซึ่ง ช้ากว่าไทย 4 ชั่วโมง ที่พระราชวัง Al Gudaibiya พล.อ.ประยุทธ์ หารือทวิภาคีแบบเต็มคณะกับเจ้าชายคอลิฟะห์ บิน ซัลมาน อัล คอลิฟะห์ นายกฯบาห์เรน นายกฯทั้งสอง ยืนยันเดินหน้า พัฒนาความร่วมมือทุกด้าน ทั้งการค้าการลงทุน การท่องเที่ยว พร้อมผลักดันความร่วมมือด้านใหม่ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ร่วมกัน

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวขอบคุณฝ่ายบาห์เรนต่อความพยายามสนับสนุนไทยในกรอบองค์การความร่วมมืออิสลาม (โอไอซี) และ 2 ประเทศมีวัตถุประสงค์ร่วมกันจะส่งเสริมสันติภาพความมั่นคงและความมั่งคั่งให้บังเกิดแก่ภูมิภาค โดยดำเนินการผ่านกรอบความร่วมมือพหุภาคี อาทิ สหประชาชาติ กรอบความร่วมมือเอเชีย (เอซีดี) และกรอบความร่วมมืออาเซียน-GCC โดยเฉพาะในกรอบโอไอซีและเอซีดี

จากนั้น นายกฯทั้งสองฝ่ายร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามเอกสาร 3 ฉบับ 1.บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงกิจการเทศบาลและผังเมืองแห่งราชอาณาจักรบาห์เรนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร 2.พิธีสารแก้ไขอนุสัญญาระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลบาห์เรน เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้ และ 3.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์กับมหาวิทยาลัยบาห์เรน

เวลา 12.30 น. นายกฯเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวันที่นายกฯบาห์เรนทรงเป็นเจ้าภาพเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกฯ และคณะ ช่วงบ่ายนายกฯ เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบาห์เรน ช่วงค่ำเดินทางออกจากท่าอากาศยานนานาชาติ กรุงมานามา ถึงไทยในวันที่ 26 เม.ย. เวลา 04.20 น.

ทอ.ยกเลิก”เต้น”จัดงานช่วยเด็ก

วันที่ 25 เม.ย. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการนปช. กล่าวว่า กรณีประกาศจัดงานระดมทุนช่วยเหลือนักเรียนยากจนในวันที่ 28 พ.ค.ที่หอประชุมกองทัพอากาศ โดยประสานและวางเงินมัดจำ 40,000 บาท พร้อมเซ็นสัญญาใช้สถานที่ตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย. เมื่อคืนที่ 24 เม.ย. เจ้าหน้าที่แจ้งทีมงานว่าไม่สะดวกให้ใช้สถานที่ จึงขอยกเลิกสัญญาและจะคืนเงินมัดจำ ตนตรวจสอบข่าวทราบว่าผบ.ทอ.ไม่เห็นด้วยกับการจัดงานดังกล่าวน่าจะเป็นที่มาของการยกเลิกสัญญา น่าเสียดายเพราะทุกอย่างเตรียมการไปมากแล้ว

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เข้าใจทุกฝ่ายและจะหารือกับทีมงานแก้ปัญหาต่อไป แต่อยากฝากไปยังผบ.ทอ.ว่าอย่าตะขิดตะขวงใจเลย ตนมาดี โครงการนี้ทำต่อเนื่องมา 1 ปีแล้วและจำเป็นต้องทำต่อให้ได้ จึงต้องระดมทุนและทำทุกอย่างโดยเปิดเผย เคยติดต่อสถานที่ของเอกชนและรัฐวิสาหกิจเขาไม่แน่ใจว่าจะจัดได้จึงติดต่อสถานที่ฝ่ายความมั่นคงเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีวาระการเมือง

“ถ้ามีหน่วยงานใดสงสัยรูปแบบงาน ผมยินดีนำข้อมูลรายละเอียดทั้งหมดไปอธิบาย หรือหากทำได้ก็อาจหารือในวงปรองดองที่ผมจะเป็นตัวแทนนปช.ร่วมกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช.เข้าประชุมที่กระทรวงกลาโหมวันที่ 26 เม.ย.” นายณัฐวุฒิ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน