บิ๊กโจ๊ก ให้ปากคำ ป.ป.ช. นาน 2 ชั่วโมง ชี้ ความไม่คุ้มค่าของราชการ ลั่น เรื่องชั่วๆเลวๆ บิ๊กป้อมไม่ยุ่ง

10 ม.ค. เมื่อเวลา 13.00 น. สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษนายกรัฐมนตรี และอดีตผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เปิดเผยภายหลังเข้าให้ข้อมูลเป็นพยานปากแรก

ต่อคณะกรรมการไต่สวน ป.ป.ช. กรณีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนเพื่อประชาชนและสังคม ยื่นเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบโครงการจัดซื้อเครื่องตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลโดยเทคโนโลยีไบโอแมทริกซ์ วงเงิน 2,100 ล้านบาท และการจัดซื้อรถตรวจการไฟฟ้า 260 คัน วงเงิน 900 ล้านบาท

โดยใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง ว่า ในวันนี้ได้ให้ข้อมูลในประเด็นการทุจริตและความไม่คุ้มค่าของราชการในฐานะเป็นผู้เซ็นบอกเลิกสัญญา คาดว่าประมาณสัปดาห์หน้าจะต้องเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีก โดยป.ป.ช.กำหนดประเด็นให้ชี้แจงเพิ่มเติม

รวมทั้งจะต้องกลับไปทำเอกสารเปรียบเทียบราคา เช่น ปืนไฟฟ้า คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คอัจฉริยะเครื่องละ 2 แสน บาท ขณะที่คอมพิวเตอร์ในท้องตลาดขายกัน 20,000 บาท รถยนต์ BMW คันละกว่า 4 ล้านบาท เหตุใดจึงไม่เลือกใช้ยี่ห้ออื่นที่มีราคาเพียง 1 ล้านบาทเศษ

“ผมให้ข้อมูลเพื่อชี้ให้ตรวจสอบว่า บริษัทที่ขายรถอัจฉริยะเป็นผู้ผลิตรถยนต์หรือไม่ หรือผู้ประมูลไบโอแมทริกซ์เป็นผู้เชี่ยวชาญที่เคยมีประวัติรับงานในสตม.บ้างหรือไม่ รวมถึงการขยายวงเงินเพิ่มอีก 1,000 ล้านบาทว่า ใครเป็นผู้ได้ประโยชน์ ไบโอแมทริกซ์เป็นโครงการที่ดี

เพียงแต่อุปกรณ์ที่มีอยู่มีคุณภาพหรือไม่ วันนี้จะผิดหรือถูกไม่ได้ขึ้นอยู่กับคำให้การของผม แต่ขึ้นอยู่กับพยานเอกสาร โดยเฉพาะวันตรวจรับ ว่างานเสร็จแล้วหรือยัง ผมไม่ห่วงตัวเองห่วงแต่คนที่เกษียณแล้วกลัวจะเดือดร้อน” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าว

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า มั่นใจว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ใหญ่ของประเทศ เรื่องดีๆ ท่านจะส่งเสริม เรื่องไม่ดี เรื่องชั่วๆเลวๆ ท่านจะไม่ยุ่ง ขนาดตนเป็นตำรวจลูกน้องเลวๆยังต้องจัดการ วันนี้ตนพร้อมพูดคุย แต่จุดยืนไม่เปลี่ยน และถ้าเป็นไปได้อยากพูดคุยกันต่อหน้าสื่อมวลชน


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน