เนติวิทย์เขย่าโลก

ใบตองแห้ง

เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ได้รับเลือกเป็นประธานสภานิสิต จุฬาฯ กลายเป็นเรื่องใหญ่ระดับชาติ ขนาดนายกรัฐมนตรียัง “เปลืองตัว” วิพากษ์เด็ก แล้วก็โดนเด็กวิจารณ์กลับ ผู้หลักผู้ใหญ่ก็ทำให้เด็กหัวร่อก๊ากๆ เมื่อด่าเนติวิทย์ว่าเคยก้มกราบสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์

เด็กคนเดียว ไหงเป็นเรื่องใหญ่ปานนั้น ก็มันไม่ใช่คนเดียวนี่ครับ เนติวิทย์ได้รับเลือกจากผู้แทนคณะ 27 ใน 36 คน

อ้าว เฮ้ย ที่เคยเข้าใจกันว่าเนติวิทย์เป็นเด็กกร่าง หัวเดียวกระเทียมลีบ มันไม่ใช่เสียแล้ว กลายเป็นว่าผู้แทนนิสิตส่วนใหญ่คือ #ทีมเนติวิทย์ เลือก “แฟรงค์” ทั้งๆ ที่รู้ว่ามีทัศนะอย่างไร กับประเพณีรับน้อง กับพิธีถวายสัตย์ กับระบบการศึกษา กับการเกณฑ์ทหาร กับการเมืองไทย กับรัฐประหาร

มันจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่แตกตื่นกันทั่ว ทั้งศิษย์เก่า อาจารย์ ผู้หลักผู้ใหญ่ และรัฐบาล นี่จุฬาฯ นะ จุฬาฯ ที่เคยได้ชื่อว่าอนุรักษนิยม ระดมพลเป่านกหวีดปิดเมืองขัดขวางเลือกตั้ง อดีตนายกสภามหาวิทยาลัยก็เป็นประธาน สปช. 3 ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก จุฬาฯ กำลังเปลี่ยนแล้วหรือ

มันสะเทือนโลกเก่าทั้งใบของคนแก่ๆ แหม ถ้าเด็กจุฬาฯ เป็นได้ถึงเพียงนี้ ธรรมศาสตร์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง มหาวิทยาลัยอื่นๆ ล่ะ เด็กรุ่นใหม่ที่คิดแบบเนติวิทย์ มีมากเท่าไหร่

มันจึงเสียดแทงใจ ทั้งที่ลุงตู่ไปพูดเรื่อง “มหาวิทยาลัย 4.0” วางยุทธศาสตร์ชาติ “ไทยเฟิร์สต์” หวังให้นิสิตนักศึกษาตามข้าพเจ้ามา มีศรัทธาในประเทศ มีศรัทธาในรัฐบาลทหาร ช่วยกันสร้างสังคมอุดมปัญญา พัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี นำประเทศสู่มหาอำนาจ โดยไม่ “ติดกับดักประชาธิปไตย”

ซึ่งย้อนแย้งในตัวเอง อยากสร้างคนให้คิดเป็น แต่ไม่ให้คิดนอกกรอบ ไม่ให้มีเสรีภาพทางความคิด แค่อยากให้เรียนจบมาผลิตหุ่นยนต์ เพื่อลงโฆษณาบีโอไอ

ชัดเจนนะครับนี่เป็นเรื่องหงุดหงิดคาใจ เพราะลุงตู่ยังพูดถึง “อัตลักษณ์ชาติ” ความเป็นไทย ห่วงเยาวชนไม่รู้จัก ผิดชอบชั่วดี อ้าว เนติวิทย์ตอบแล้วไง ใครคือความอับอายของชาติ ใครไม่รู้จักเคารพกติกา มันย้อนแย้งไหมที่ไม่รู้จักเคารพกติกาแล้วมาสอนให้เยาวชนรู้จักผิดชอบชั่วดี

ว่าที่จริงก็เข้าใจท่าน แหม คนรุ่นใกล้ๆ กัน ผู้หลักผู้ใหญ่เชื่อว่าต้องสอนเด็กเป็นคนดีด้วยการเคารพเชื่อฟัง ผมสั้นเกรียน หมอบกราบ ร้องเพลงชาติ สวดมนต์ ท่องอาขยาน ค่านิยม 12 ประการ ฯลฯ แต่เด็กรุ่นใหม่ไม่เห็นด้วยกับการบังคับ ท่องจำ เขาเห็นว่าจะต้องทบทวนสารัตถะของคำสอนเหล่านั้น แสวงหาสัจธรรมด้วยตัวของเขาเอง

ยกตัวอย่างเนติวิทย์คัดค้านการหมอบกราบในพิธีถวายสัตย์ ทั้งนายพลทั้งนางเอกออกมาซัดกระหน่ำ คำถามคือเนติวิทย์ต้องการยกเลิกพิธีถวายสัตย์หรือ เขาแค่ต้องการให้โค้งคำนับ ไม่ต้องหมอบกราบเท่านั้น ดิ้นกันยังกะจะล้มล้าง พิธีศักดิ์สิทธิ์ร้อยปี ทั้งที่เป็นประเพณีสร้างใหม่เมื่อปี 2540 นี่เอง

สิ่งที่เนติวิทย์เสนอคือ “ทางเลือก” ในการแสดงความเคารพแบบคนรุ่นใหม่ ไม่ใช่ไม่เคารพ เช่นเดียวกับการวิจารณ์เพลงชาติ ไม่ใช่ไม่รักชาติ แต่เพลงชาติไทยแต่งในยุคเชื่อผู้นำชาติพ้นภัย ทบทวนให้ดีก็มีทัศนะชาตินิยม หรือที่ไม่เห็นด้วยกับการบังคับสวดมนต์ ก็ไม่ใช่ต่อต้านศาสนา แต่เนติวิทย์ศึกษาทั้งพุทธเถรวาท มหายาน และไปศึกษาปรัชญาที่อินเดียมาแล้ว

ลองเอาคำถามเนติวิทย์ไปถามลุงตู่สิ ว่าการบังคับเข้าแถวร้องเพลงชาติ สวดมนต์ มันทำให้คนรักชาติมากขึ้นไหม มีศีลธรรมมากขึ้นไหม ลุงตู่อาจเห็นด้วยก็ได้ แหม ลุงตู่ก็ คิดเป็น

นี่ลุงตู่ยังอยากให้เด็กใช้เวลาเสาร์อาทิตย์ เรียนรู้นอกห้องเรียน โอ๊ย เนติวิทย์ไงครับ เรียนรู้นอกห้องเรียนเยอะเลย อยู่ ม.2 ทำจุลสารปรีดี ต่อมาก็เป็น บ.ก.ปาจารยสาร ปัจจุบันเป็นบรรณารักษ์ห้องสมุดสันติประชาธรรม เป็นศิษย์เอก ส.ศิวรักษ์ อ่านหนังสือปรัชญา ศาสนา วิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ฯลฯ ทั้งภาษาไทยภาษาอังกฤษ มากกว่าผู้ใหญ่ 100 คนรวมกัน แถมว่างๆ ก็นั่งสมาธิ นี่ถ้าไม่คิดนอกกรอบ ไม่ต่อต้านรัฐประหาร ก็เป็น “เด็กไทยตัวอย่าง” ไปแล้ว

แต่ผู้หลักผู้ใหญ่ไม่ต้องการไง ผู้หลักผู้ใหญ่อยากให้เด็กไทยใช้สมองเป็นช่างเทคนิค ไม่ต้องมีหัวคิดทางการเมือง สังคม วัฒนธรรม ให้เดินตามผู้ใหญ่หมาไม่กัดไปอีกร้อยปี ซึ่งเป็นไปไม่ได้หรอก

ถ้าฉลาดก็ให้อิสระเขา อย่าไปยุ่มย่ามคุกคาม “ราวีเด็ก” จนเพิ่มแรงต้านเข้าตัว ถ้ากลัวมากก็สวดมนต์ภาวนา ขอให้แฟรงค์แก่ตัวมาเป็นศิษย์เก่าจุฬาแบบธีรยุทธ บุญมี, ประสาร มฤคพิทักษ์ หรืออเนก เหล่าธรรมทัศน์ ก็แล้วกัน ฮิฮิ

(หน้า 6)

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน