“บิ๊กตู่” แจง แก้ PM 2.5 จัดเป็นวาระแห่งชาตินานแล้ว ย้ำควันดำจับทุกคัน ห้ามวิ่ง ชี้ไอเดียเครื่องฟอกอากาศต้องมีขั้นตอน โต้ มีน้ำยาแต่ถ้าใช้จะเดือดร้อน-ต่อต้าน

เมื่อเวลา 11.15 น. วันที่ 23 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับสุขภาพประชาชนเป็นอันดับแรก แต่มาตรการต่างๆ ที่ออกมาจะทำอย่างไรให้ได้รับการยอมรับ

ไม่เช่นนั้นเมื่อออกมาตรการหรือบังคับใช้กฎหมายไปแล้วถูกต่อต้าน ก็มีผลทั้งสิ้น นี่คือปัญหาใหญ่ของประเทศไทย เรามีกฎหมายทุกตัว แต่กฎหมายพื้นฐานบางอัน บังคับใช้ได้ยาก คนได้รับผลกระทบเยอะ อย่างไรก็ตามหลายคนบอกว่ารัฐบาลไม่มีแผนแก้ปัญหา

แต่ในความเป็นจริงมีตั้งนานแล้ว แผนการรับมือฝุ่นพิษมีการกำหนดไว้ตั้งแต่ปี 2562-2567 เพราะปัญหาฝุ่นละอองเกิดขึ้นในประเทศมานานแล้ว เราต้องยอมรับ สมัยก่อนข้อมูลอาจไม่เพียงพอ เครื่องมือตรวจวัดไม่มี เลยไม่ได้ให้ความสำคัญกัน

วันนี้รัฐบาลเข้าไปจัดหาจัดซื้อและแจ้งประชาชนทราบเพื่อให้ระมัดระวัง เฝ้าระวังและให้ความร่วมมือ โดยสั่งการให้ตรวจโรงงานอุตสาหกรรมทุกแห่ง ที่ไหนต้องปรับปรุงก็ปิดปรับปรุงให้เรียบร้อย เมื่อดีขึ้นค่อยเปิดทำงานต่อ เท่าที่ได้รับรายกงานวันนี้ก็ยังไม่เกินค่ามาตรฐาน ในส่วนของยานพาหนะก็ย้ำไปอีกครั้งให้จับรถทุกคันที่ควันดำ ไม่ว่าจะรถกี่ปีก็ว่ากันไป ตอนนี้จับทุกคัน ห้ามวิ่ง หยุดวิ่ง

“หลายอย่างที่เป็นยาแรงๆ ท่านต้องยอมรับว่าเป็นนโยบายสาธารณะ กฎหมายเพื่อประชาชน เราต้องพยายามใช้กฎหมายนี้ ไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนมากที่สุด วันนี้เราต้องทำความเข้าใจว่า PM 2.5 เกิดจากอะไร เกิดช่วงเวลาไหน มากน้อยเพียงใด พื้นที่ไหน เพราะฉะนั้นเมื่อมาดูในส่วนนี้ก็มีมาตรการเฉพาะลงไปในแต่ละระดับ

ตอนนี้อยู่ในขั้นระดับ 1-2 เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) สื่อลองเปิดดูใน Google จะได้สร้างการรับรู้ช่วยผมด้วย ว่าเป็นพิษเป็นภัยกับใคร จริงๆ ก็เป็นกับทุกคน ถ้ามีความแข็งแรงพอก็จะต้านทานได้มากหน่อย คนที่มีภูมิคุ้มกันต่างกัน ก็ต้องระมัดระวังตัวเอง จึงต้องแยกเป็น 2 ส่วน 1.กฎหมาย และ 2.การเตรียมการของประชาชน รัฐบาลไม่สามารถสั่งใครได้ทั้งหมด เช่นสั่งให้ใส่หน้ากากทุกคน อะไรทำนองนี้ มีผลกระทบทั้งสิ้น” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่ากรีนพีซเรียกร้องรัฐบาลให้กำหนดการแก้ปัญหาฝุ่นเป็นวาระแห่งชาติ และควบคุมการปล่อยมลพิษ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องวาระแห่งชาติ มีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปแล้ว โดยเห็นชอบในขั้นต้น มีแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองปี 2562-2567 เคยชี้แจงไปแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า แนวคิดเรื่องติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ เป็นได้หรือไม่อย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตอนนี้ให้ตรวจสอบว่าจะได้ผลหรือไม่อย่างไร แต่ละประเทศไม่เหมือนกัน ถ้าเรามองประเทศสังคมนิยมก็สั่งหมดทุกอัน เขาสั่งได้หมดทุกอย่าง ไม่มีใครมาถามอย่างนี้ ต้องเห็นใจรัฐบาลบ้าง หลายคนมีความต้องการแตกต่างกัน มีความจำเป็นแต่ละเรื่องแต่ละราว

จะทำอย่างไรไม่ให้เกิดผลกระทบซึ่งกันและกัน แล้วผลก็ย้อนกลับไปที่รัฐบาล ออกอะไรที่เข้มงวดไป แล้วเกิดการต่อต้าน ไม่ปฏิบัติ เจ้าหน้าที่ก็ทำงานไม่ได้ คิดตรงนี้สิ ต้องสร้างความรับรู้ให้ครบทุกมิติ สถานการณ์เช้าวันนี้ค่าฝุ่นอยู่ที่ 50-60 มคก./ลบ.ม. จะบอกว่าไม่มีอันตรายก็ไม่ใช่ เพราะมีอันตรายสำหรับคนบางกลุ่ม

กรุณาเปิดดูใน Google แล้วว่า PM 2.5 คืออะไร เกิดจากที่ไหนบ้าง อย่างไรก็ตามการแก้ไขปัญหาของบางประเทศใช้เครื่องฟอกอากาศขนาดใหญ่ หรือใช้โดรน ต้องดูว่าเราจะเดินหน้าไปสู่ตรงนั้นได้อย่างไร ต้องมีขั้นตอน ทำตามลำดับ บางพื้นที่เรามีเครื่องพ่นละอองน้ำอยู่แล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากนักในภาพรวม เพราะปัญหาฝุ่นเหมือนโดมครอบไว้อยู่

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า 2 ปีที่ผ่านมารัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องนี้ หาเครื่องมือ มีแผนเตรียมการโดยตลอด สิ่งสำคัญคือต้องสร้างการรับรู้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ถ้าจะห้ามเผาไร่นา แล้วจะกำจัดตอซังอย่างไร รัฐบาลก็ต้องหามาตรการเสริมลงไป มีอย่างเดียวถ้าไม่เผาตอซังก็เอารถไปไถ่ไปขุดรากถอนโคนให้เขา แล้วเกษตรกรมีจำนวนเท่าไหร่

วันนี้ก็ทยอยจัดหาเครื่องมือให้ตามลำดับ ก็ทำไปเยอะแล้ว รัฐบาลช่วยเหลือได้ ถ้ามีการรวมกลุ่มขึ้นมา ส่วนเรื่องการเผาไร่อ้อย บางบริษัทก็ทำดี จัดเครื่องมือไปช่วยตัดอ้อยส่งโรงงานโดยไม่ต้องเผา และวันนี้ก็ลดการรับซื้ออ้อยที่เผาลงในระดับหนึ่ง จนสามารถแก้ปัญหาตรงนู้นได้

“หลายคนบอกว่ารัฐบาลไม่มีน้ำยาน้ำเยออะไร มันมีหมดน้ำยาถ้าจะใช้ แต่มันเดือนร้อน ท่านต้องยอมรับกันสิว่า ประเทศไทยมีคนหลายกลุ่มหลายฝ่าย คนรายได้มาก รายได้ปานกลาง รายได้น้อย กิจกรรมแต่ละอันมีผลกระทบซึ่งกันและกันทั้งสิ้น รถบรรทุกก็มีเรื่องการขนสินค้าอุปโภค บริโภคเข้ามาในเขตกรุงเทพฯ รถควันดำก็ต้องหยุดวิ่งได้ไหม

มันต้องยอมรับว่า ทำเข้มงวดมากขึ้นต่อไปจะตามด้วยค่าขนส่งที่แพงขึ้น สินค้าอุปโภคแพงขึ้น คิดให้เป็นอย่างนี้ อย่ามาคิดเป็นเสี้ยวๆ เศษๆ แล้วก็ตีกันไปตีกันมา ก็ทำอะไรไม่ได้ซักอย่าง เข้าใจบ้าง อย่างไรก็ตามรถยนต์มีกว่า 10 ล้านคันที่วิ่งในกรุงเทพฯ ถ้าเราไปแยกเป็นวันคู่ วันคี่ รับกันได้หรือไม่ ทุกคนซื้อรถต้องมีที่จอดรถในบ้านเอาไหมล่ะ นี่เป็นนโยบายสาธารณะ ถ้าเอาทุกอย่างมาตีกันอยู่อย่างนี้ไม่ได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน