“พิธา” ซัด เศรษฐกิจพังหนัก บิ๊กตู่ อยู่ต่ออีกวันเดียวไม่ได้แล้ว ชี้ยิ่งอยู่ประเทศยิ่งเสียหาย

เวลา 17.50 น. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ อภิปรายถึงความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ว่า ปัญหาเศรษฐกิจเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของคนทั้งประเทศ เป็นภารกิจสำคัญของรัฐบาลที่ต้องดำเนินการคลี่คลายโดยเร็วที่สุด แต่วันนี้เศรษฐกิจเลวร้าย นโยบายเศรษฐกิจของพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนโยบายเศรษฐกิจของนายทุน โดยนายทุน เพื่อนายทุน

เศรษฐกิจวันนี้แย่แค่ไหนในมุมมองชาวบ้าน ตามนิยามตอนนี้ภาวะตอนนี้อาจยังไม่ใช่วิกฤตเศรษฐกิจ เพราะจีดีพียังไม่ติดลบ แต่ปัญหาเศรษฐกิจของคนบางกลุ่มมีอยู่จริงไม่ได้เป็นมายาคติ เทียบกับวิกฤตตอนน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ถือว่าตอนนี้แย่พอๆกัน ตัวเลขของผู้ว่างงานที่ขอใช้สิทธิประกันสังคมในปี 2562 อยู่ที่ 1.7 แสนคน ซึ่งวันนี้คนว่างงานของประเทศสูงถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ถือเป็นอันดับ 2 ของเอเชีย ตัวเลขทางเศรษฐกิจของไทยวันนี้ที่ไม่ได้ดูว่าแย่นัก เพราะวันนี้คนรวยกับคนจนอยู่กันบนโลกคนละใบเท่านั้นเอง

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

นายพิธา กล่าวอีกว่า คำว่ามั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นคำสัญญาที่อยู่ในยุทธศาสตร์ วิสัยทัศน์ นโยบาย แต่ตนถามว่าใครกันแน่ที่มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน คำตอบคือถ้าท่านคือกลุ่มคนหนุ่มสาวที่กำลังจะเรียนจบ เต็มไปด้วยความหวัง แต่กว่า 5 แสนคนในตอนนี้รู้สึกไม่มั่นคง พวกเขาอาจเป็นรุ่นแรกในรอบ 20 ปี ที่รู้สึกว่ามาตรฐานของเขาย่ำแย่กว่ารุ่นพ่อแม่ของเขา ส่วนกลุ่มเกษตรกรที่มีรายได้ลดลง มีหนี้สินมากขึ้น ท่านไม่ได้อยู่ลำพัง เพราะเกิดขึ้นกับเกษตรกร 18 ล้านคนทั่วประเทศ

ตราบใดที่ปัจจัยการผลิต ที่ดิน น้ำ ปุ๋ย และตลาดที่ขายยังถูกผูกขาดท่านก็จะรู้สึกไม่มั่นคง ส่วนใครบ้างที่มั่งคั่งมากขึ้นในการบริหารงานของรัฐบาลที่ผ่านมา คงต้องบอกว่า เมื่อเราเอาความมั่งคั่งของ 5 เจ้าสัวในประเทศไทยจะมีมูลค่าถึง 2.3 ล้านล้านบาท ขณะที่มีคนจำนวนมากต้องเจอพิษเศรษฐกิจ

ดังนั้น จริงหรือไม่ที่พล.อ.ประยุทธ์ เอื้อประโยชน์ให้เจ้าสัว ให้นายทุน ถ้าท่านไม่ใช่อภิสิทธิ์ชนหนึ่งเปอร์เซ็นต์ของประเทศนี้ ท่านก็คงไม่มั่นคง มั่งคั่ง ที่เรามาถึงจุดนี้ เพราะเหมือนเอายาพาราไปให้คนเป็นมะเร็ง ไม่ว่าจะเป็นการแจกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และโครงการชิมช้อปใช้ ที่เอาไปบรรเทาความปวดไปเรื่อยๆ และยาพารานี้ก็ไม่ใช่ราคาถูก เพราะมีมูลค่าถึง 5 แสนล้านบาท แต่กลับไม่มีประสิทธิภาพ

นายพิธา กล่าวอีกว่า ในส่วนความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมหนีไม่พ้นปัญหาฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ซึ่งมาจากนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ ต้นตอมาจากการเผาอ้อยซึ่งเผากันมากขึ้นจากนโยบายเกตรประชารัฐ ที่ต้องการเปลี่ยนพื้นที่ปลูกอ้อยทั่วประเทศ และเพิ่มโรงงานน้ำตาลในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จึงเป็นที่น่าสงสัยว่านโยบายเกษตรประชารัฐหรืออ้อยประชารัฐ ใครได้ประโยชน์

เพราะราคาอ้อยก็ไม่ได้ดีไปกว่าราคาข้าว ที่น่าสงสัยยิ่งกว่าคือที่มาของนโยบาย ซึ่งพบว่าคณะทำงานยุทธศาสตร์อ้อย แต่งตั้งโดยคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งหนึ่งในอนุกรรมการเป็นบริษัทน้ำตาลรายใหญ่ของประเทศ จึงอดสงสัยไม่ได้ว่ามีการเอื้อประโยชน์ให้นายทุนหรือไม่

ผมไม่สามารถไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ ให้เป็นนายกฯ ได้อีกต่อไปแม้แต่วันเดียว ยิ่งอยู่นานประเทศยิ่งเสียหาย ประเทศเสียหายมามากแล้ว การบริหารงานเศรษฐกิจล้มเหลว ผิดพลาด เสียหาย นโยบายเป็นของนายทุน โดยนายทุน เพื่อนายทุน รัฐบาลนี้อยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว

วันนี้เศรษฐกิจของเราต้องผ่าตัดเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้าง ชีวิตจึงจะรอดต่อไปได้ มีดที่เราใช้ผ่าตัดต้องคมพอที่จะตัดอดีตที่ขมขื่น ตัดก้อนมะเร็งร้ายของเราออกไป ทลายทุนผูกขาดที่จะให้คนไทยเท่าเทียมกัน และเท่าทันโลก วันนี้ประเทศชาติเสียหายมามากแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ต่อไปอีกหนึ่งวันก็ยิ่งสร้างความเสียหายให้ประเทศมากขึ้นอีกหนึ่งวัน นายพิธา กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน