สภาเดือด เสรีพิศุทธ์ ฉะ ‘ปารีณา-สิระ’ ซักฟอกปมถวายสัตย์ ประท้วงกันนัว

สภาเดือด / เมื่อเวลา 10.35 น. วันที่ 26 ก.พ. ที่รัฐสภา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพรรคเสรีรวมไทย ลุกขึ้นอภิปรายไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมว่า

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ประเด็นที่ตนจะอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ มีด้วยกันหลายประเด็น เพราะท่านกำกับดูแลหลายหน่วยงาน คนเรามี 1 สมอง 2 มือ วันหนึ่งทำอะไรได้เท่านี้ ท่านน่าจะแบ่งงานให้คนอื่นทำบ้าง เชื่อใจคนอื่นบ้าง ไม่เช่นนั้นจะเป็น ปสด. ไปเสียก่อน ทั้งนี้ ปสด. ป.คือ ป้อมและประยุทธ์ ส. เสรีพิศุทธ์ ด. คือ ดองกัน

ขณะที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ พยายามอภิปรายถึงข้อกฎหมายต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องการถวายสัตย์ฯ ซึ่งอภิปรายได้ประมาณ 3 นาที ส.ส.รัฐบาลก็ขึ้นประท้วง อาทิ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ได้ลุกขึ้นประท้วง ขอให้อภิปรายในประเด็น เพราะที่อภิปรายไม่เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ

ประธานจึงวินิจฉัยว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เพิ่งเริ่มอภิปราย ท่านแก่แล้วอาจจะต้องมีท้าวความกันบ้าง ก่อนนายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ประท้วงว่าพูดนอกประเด็น ไม่ยอมเข้าเรื่องเสียที จนประธานต้องเตือนให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์พูดเข้าประเด็นเพื่อไม่ให้เกิดการประท้วงอีก

แต่ทันทีที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เริ่มพูดประเด็นถวายสัตย์ว่า คนไทยให้ความสำคัญต่อการถวายสัตย์ปฏิญาณ ผู้ที่จะเข้ามาบริหารบ้านเมืองจะต้องกล่าวคำปฏิญาณด้วยข้อความที่รัฐธรรมนูญกำหนดเท่านั้น เพื่อประชาชนจะได้มั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่อย่างจงรักภักดี ทำให้นายชินวรณ์ บุญเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานวิปรัฐบาล ประท้วงทันทีว่า ประเด็นนี้เป็นประเด็นที่วิปทั้ง 2 ฝ่ายตกลงกับประธานสภาไปแล้ว และการถวายสัตย์ปฏิญาณตนเกิดก่อนการบริหารงานของครม. ต่อมาสภาได้มีการเปิดให้อภิปรายทั่วไป รวมถึงศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยเรื่องนี้แล้ว

ทำให้ส.ส.จากฟากฝ่ายค้าน รุมประท้วงนายชินวรณ์ว่าไม่มีสิทธิ์ที่จะชี้แจง พร้อมยืนยันว่าพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์สามารถพูดได้ ทำให้บรรยากาศที่ประชุมส่อเค้าความวุ่นวายขึ้นเรื่อยๆ

ระหว่างนั้นน.ส.ปารีณา ได้ลุกขึ้นประท้วงว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ทำตัวดื้อด้าน เหมือนเด็กดื้อรั้น ทำให้ฝ่ายค้านแสดงความไม่พอใจ รุมประท้วงจนน.ส.ปารีณายอมถอนคำพูด

จากนั้นประธานจึงวินิจฉัยว่า สภาฯนี้ได้มีการเปิดโอกาสให้อภิปรายปมถวายสัตย์ฯไปแล้ว และเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดก่อนการเข้าทำหน้าที่ของครม. ถ้าพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ะเกริ่นเพื่อเข้าสู่การอภิปรายประเด็นอื่นนั้น สามารถทำได้ แต่หากจะอภิปรายในประเด็นนี้ตนไม่อนุญาต เพราะเรื่องนี้ทางวิป 2 ฝ่ายได้ตกลงเรื่องนี้อย่างชัดเจนแล้ว นอกจากนี้ศาลรัฐธรรมนูญได้ชี้ขาดเรื่องนี้ไปแล้ว และรัฐธรรมนูญไม่อนุญาตเพราะหากอภิปรายเรื่องถวายสัตย์ฯย่อมกระทบไปถึงสถาบัน จึงไม่สามารถอนุญาตให้อภิปรายได้

ทำให้ส.ส.ฝ่ายค้านรุมประท้วงคำวินิจฉัยของประธานทันที จนเกิดหารโต้เถียงกันไปมาระหว่างส.ส.ฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน จนการประชุมไม่สามารถดำเนินต่อไปได้

ระหว่างการประท้วงพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้กล่าวตำหนิประธานว่า “ทำหน้าที่ประธานเป็นหรือเปล่า” ทำให้นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ประท้วงว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ดูถูกการทำหน้าที่ของประธาน ทำให้ประธานเสียงแข็งให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ถอนคำพูด เพราะได้ดูถูกประธานสภาฯมาหลายครั้งแล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาประธานไม่ได้ถือสาเท่านั้น ทั้งนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยอมถอนคำพูด และบอกว่า การตกลงของวิปเป็นการตกลงกันเอง ตนไม่ได้รับรู้ หรือไปตกลงอะไรด้วย การห้ามพูดเรื่องดังกล่าวไม่รู้ไปมั่วกันอย่างไร

ทำให้นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล ลุกขึ้นชี้แจงหลังจากว่า เรื่องนี้ได้มีการประชุมกันในวงใหญ่ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ก็เข้า ประธานวิปฝ่ายค้านก็เข้า จะบอกว่ามั่วไม่ได้

ขณะที่นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน ได้ลุกขึ้นชี้แจงว่า ได้มีการพูดคุยกันเรื่องนี้จริง แม้วิปจะมีมติอย่างไรก็ทำได้เพียงแค่ขอความร่วมมือเท่านั้น จะไปบังคับใครไม่ได้ เมื่อตนรับมาก็ชี้แจงสมาชิก สมาชิกยืนยันว่าจะใช้สิทธิส.ส. เราก็ต้องเคารพ ดังนั้น คนที่จะควบคุมการอภิปรายก็คือประธานสภาฯที่ต้องยึดข้อบังคับการประชุมเท่านั้น

การโต้เถียงกันไปมาของทั้ง 2 ฝ่ายเสียเวลาไปกว่า 50 นาที ในที่สุดประธานจึงตัดบทให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ อภิปรายต่อ แต่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังคงอภิปรายในประเด็นเดิม ทำให้บรรยากาศในห้องประชุมเริ่มตึงเครียด

ประธานที่ประชุมจึงบอกว่า ไม่อนุญาตให้อภิปรายในประเด็นดังกล่าวอีก เพราะผิดข้อบังคับ และผิดคำวินิจฉัยของประธานสภาฯ หาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยืนยันที่จะอภิปรายในประเด็นนี้ต่อ จะให้ออกจากห้องประชุม เพื่อไปสงบจิตใจ 30 นาที “ผมไม่ได้ขู่ แต่เอาจริง”

ทำให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ สวนทันควันว่า “หากท่านจะเอาจริง ก็เจอกันนอกสภาฯ” ทำให้ประธานตอบกลับทันทีเช่นกันว่า “ไม่ต้องห่วง ผมไม่กลัว หากมีคนบอกว่าท่านคือ วีรบุรุษนาแก ผมก็เป็นสหายแสง อย่ามาขู่กัน”

บรรยากาศในห้องประชุมตึงเครียดขึ้นอีกครั้งทันที ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล เช่น นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ สนับสนุนให้ไล่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ออกจากห้องประชุม จนประธานต้องปิดไมค์
ขณะเดียวกันส.ส.ฝ่ายค้านก็ได้พยายามประท้วงนายศุภชัย โดยพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์พยายามอธิบายว่า “อย่าเข้าใจว่าผมข่มขู่ ที่ว่าไปเจอกันนอกสภาฯหมายถึงไปคุย กินกาแฟ ทำความเข้าใจที่ห้องประธานได้”

ประธานจึงยอมให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์อภิปรายต่อ แต่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวเพียงสั้นๆว่า ที่ผ่านมานายกฯหลอกตัวเองตลอด แต่ใครหลอกตัวเองก็ไม่สมควรมาทำหน้าที่นายกฯ ก่อนจะนั่งลง และจบการอภิปรายทันที ทำให้บรรยากาศในห้องประชุมคลี่คลายลง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน