“บิ๊กตู่” เตือนตัวเองระวังปาก พ้อถูกกระแสตีกลับ ”รบ.ดีแต่แจกเงิน” แจงทำเหมือนตปท.

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 6 มี.ค. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ โดยกล่าวตอนหนึ่ง ว่า วันนี้เป็นการประชุมสำคัญ เพราะประชาชนต่างเฝ้ารอรัฐบาล ว่าจะมีมาตรการช่วยเหลืออย่างไร ซึ่งทุกวันนี้เรามีอยู่ 3 ปัญหาที่ใกล้ตัว คือ ผลกระทบจากโรคโควิด-19 ,ภัยแล้ง และ เศรษฐกิจในภาพรวม ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด

เพราะประชาชนได้รับความเดือดร้อนและผลกระทบ ต้องแยกแยะผลกระทบทั้งโดยตรงและโดยอ้อม ที่อาจส่งผลต่อมิติอื่นด้วย จึงต้องนำภาพรวมทั้งหมด มาพิจารณาก่อนนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี( ครม.) ต่อไป

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ทั้งนี้ ขอฝากว่า มาตรการบางอย่างอาจไม่ใช่การให้โดยตรง แต่ส่งผลประโยชน์โดยอ้อม ส่วนการส่งแผนเสนอเข้าสู่คณะรัฐมนตรี ขอให้ทุกหน่วยงาน เสนอขึ้นมาพร้อมกันในวันที่กำหนด เพื่อตรวจสอบกลั่นกรองกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่ใครมาก่อนได้ก่อน ทั้งนี้ผมได้สรุป ข้อมูลที่ได้มากจากการพบกับตัวแทนประชาชน ทั้งกลุ่มเกษตรกร ผู้ประกอบการรายย่อย ผู้ประกอบการท่องเที่ยวบริษัทห้างร้าน หรือ แม้แต่กลุ่ม SME เมื่อวานนี้(5 มี.ค.)ให้กับทุกคนได้ร่วมพิจารณา เพื่อนำไปทบทวน หรือ ปรับแผนงานดำเนินงาน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ขอให้ทุกหน่วยงานไปทบทวนแผนงานโครงการด้วยว่า อะไรมีแผนงานพร้อมดำเนินงาน ก็จะอนุมัติให้ แต่หากโครงการไหนยังไม่พร้อม ต้องปรับให้สอดรับกับภารกิจทั้ง 3 แผนงาน คือ ผลกระทบโรคโควิด 19 ภัยแล้ง และ เศรษฐกิจ เพื่อให้มีเม็ดเงินที่จะกลับมาบริหารจัดการทั้ง3 ภารกิจสำคัญนี้

ส่วนเรื่องสร้างการรับรู้ นั้น ผมว่าจะต้องปรับใหม่ ทั้งเรื่องการให้สัมภาษณ์และชี้แจงของผมเอง โฆษกรัฐบาล และ โฆษกกระทรวง ให้มีมาตรฐานให้ได้โดยเร็ว เพราะส่งผลกระทบอย่างสูงในการสร้างความเข้าใจกับประชาชน ดังนั้นต้องระมัดระวังการพูดจาอย่างที่สุด เรียงลำดับความสำคัญ เรื่องใดควรพูดก่อนหลัง ไม่เช่นนั้นจะเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบมันกลับมาที่รัฐบาล

เนื่องจาก สิ่งที่เราโดนโจมตีมากที่สุด คือ เรื่องของมาตรการที่ถูกกล่าวหาว่ารัฐบาลคิดอะไรไม่เป็น คิดแต่แจกเงิน ซึ่งอันนี้ต้องเข้าใจว่าหลายอย่างต้องดำเนินการเหมือนที่ต่างประเทศทำ เพื่อลดผลกระทบทางตรงกับประชาชนผู้มีรายได้น้อย

ที่ผ่านมาเราใช้ตัวเลขรายได้ต่อปีมาเป็นตัวกำหนด วันนี้เราจะต้องมีการพิจารณาใหม่อีกส่วนหนึ่ง นอกจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ว่าจะช่วยเหลืออย่างไรให้บรรดาผู้ประกอบอาชีพอิสระต่างๆด้วย ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องของพลังงานไฟฟ้า หรือ ประปา”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน