บิ๊กตู่ ยันยกระดับมาตรการ ผู้ว่าต้องเด็ดขาดจัดการพื้นที่เสี่ยง ขู่ย้ายถ้าปิดไม่ได้

เมื่อวันที่ 19 มี.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังเดินทางมาประชุมติดตามการทำงานควบคุมโรคโควิด-19 ตามคำเชิญนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ว่า ที่เจอผู้ป่วยจำนวนมากในช่วงนี้ เพราะระบบคัดกรองติดตามเราสามารถติดตามได้มากขึ้น และสามารถติดตามเจอได้ว่ามาจากตรงไหน เช่น สนามมวย หรือผับ บาร์ ยืนยันว่าทุกพื้นที่ที่มีความเสี่ยงที่มีคนติดโรค ทุกคนต้องได้รับการคัดกรองการตรวจสอบทั้งสิ้น มีการติดตามตัวให้ครบ

อย่างที่บอกเราห้ามจัดคอนเสิร์ตแล้ว สิ่งสำคัญที่สุด คือ รัฐบาลประกาศมาตรการไปแล้ว โดยให้อำนาจกับฝ่ายปกครอง คือ กระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดที่สามารถกำหนดมาตรการเพิ่มเติมจากกรอบใหญ่ เช่น การปิดสถานที่ ซึ่งตอนนี้ให้ไปแค่กทม.และปริมณฑล แต่ถ้าจะปิดในต่างจังหวัดก็ทำได้ถ้าเข้าข่ายมีความเสี่ยง ส่วนสถานที่ปิด 14 วันแล้วจะเปิดใหม่ก็ต้องตรวจสอบว่า มีความปลอดภัยเพียงพอหรือไม่ ถ้ายัง ก็ขยายการปิดอีกได้

“นี่คืออำนาจที่ให้พื้นที่ไปแล้ว ขอร้องข้าราชการในพื้นที่ ผู้ว่าราชการจังหวัด คณะกรรมการโรคติดต่อต่อจังหวัด ต้องทำงานเด็ดขาด และรายงานผลปฏิบัติงานทุกวันให้ผมทราบมาที่ศูนย์โควิด-19 ตั้งแต่สนามบิน การคัดกรอง คัดแยก จนสู่การกักกันทั้งของรัฐและที่บ้าน เพื่อติดตามสถานการณ์และปรับมาตรการให้เพิ่มขึ้น วันนี้เรากำลังสกัดกั้นการนำเชื้อเข้ามาในประเทศ การเข้ามาจะต้องมีใบรับรองแพทย์ ประกันสุขภาพ ซึ่งเดิมเฉพาะ 4 ประเทศบวก 2 ตอนนี้ทุกประเทศที่เข้ามา เพื่อสกัดกั้นการเข้ามาให้เหลือน้อยที่สุด และเข้ามาก็ติดตามด้วยแอพพลิเคชัน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงมาตรการปิดพรมแดน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า บอกไปแล้วว่าต่างประเทศก็ขอใบรับรองแพทย์ มีประกันสุขภาพ ส่วนรอบบ้านก็เกี่ยวข้องกับผู้ว่าฯ ก็อยู่ที่การพิจารณาว่าจะปิดหรือไม่ปิด ถ้าจะปิดก็ปิดไป อำนาจให้เขาไปแล้ว แล้วให้รายงานตนมา

ถามว่าถ้าเป็นคำสั่งของรัฐบาลจะดูเข้มแข็งกว่า พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าผู้ว่าราชการจังหวัดทำไม่ได้ก็ย้ายผู้ว่าฯ ยากอะไรเล่า

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน