บิ๊กป๊อกยันไม่ชี้นำ 4 คำถาม เรียกผวจ.ถก สัปดาห์หน้าลุยธุรการ ก่อนเริ่มรับฟัง คาดอีก 2 สัปดาห์มีคำตอบชุดแรก บิ๊กตู่เมินเทือกหนุนนั่ง นายกฯต่อ หลุดถาม”มันมายังไงวะ” สมชัยชี้เกินคาดกมธ.ชงเซ็ตซีโร่กกต. สดศรีจี้รีเซ็ตทุกองค์กรอิสระ ด้าน”มีชัย”โดดป้อง อ้างต้องยกเครื่องเป็นองค์กร เสนอรื้อ”กสม.”รายต่อไป สนช.ผ่านวาระแรกร่างวิธีพิจารณาคดีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

บิ๊กตู่ยันไม่เคยดูถูกเกษตรกร

เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มอบรางวัลเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2560 พร้อมกล่าวให้โอวาทตอนหนึ่งว่า แม้ตนจะเป็นรัฐบาลที่มาแบบนี้ แต่เมื่อสงบเรียบร้อยดีทุกอย่างก็เดินหน้าได้ทั้งหมด ถ้าเป็นประชาธิปไตย อย่างไรมันก็ต้องเป็นและเป็นไปตามโรดแม็ป ระหว่างนี้ทำไมเราไม่ร่วมมือกันเพื่อทำให้เกิดความสงบ มีเสรีภาพ มีเสถียรภาพ มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ไม่มีการประท้วง ไม่ใช้ความรุนแรงระหว่างกัน รัฐบาลชุดนี้ทำทุกอย่าง ก็เห็นผลงานปรากฏออกมา แต่ทุกคนอาจมองไม่เห็น เพราะมัวแต่มองเรื่องของตัวเองว่าทำไมถึงจะมีรายได้มากขึ้น เราต้องมองส่วนรวมและสังคมที่อยู่รอบตัวด้วย

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนไม่เคยดูถูกชาวไร่ชาวนา และอย่าไปฟังคำบิดเบือนต่างๆ ต้องดูว่าหากทำให้ดีแบบเดิมนั้นมีผลเสียหายหรือไม่ ซึ่งตนไม่อยากพูดถึงสิ่งที่ผ่านมา ทั้งนี้รัฐบาลจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดและต้องมีธรรมา ภิบาล วันนี้มีข่าวลือทำจากคลิปวิดีโอและเขียนข้อความว่าธ.ก.ส.ไปหักเงินหนี้เก่าชาวนา ก็ให้ตรวจสอบอยู่ ไม่มีการไปหักหนี้ชาวนา อะไรให้ก็คือให้ หากให้ไม่ได้ก็ต้องรอก่อน มันต้องชัดเจน ฝากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปตรวจสอบด้วย ประเทศไทยมีพืชการเกษตรที่เราต้องช่วยเหลืออีกเยอะ หากให้อย่างเดียวมันจะให้ได้นานแค่ไหน และอย่าคิดว่าทำอะไรรัฐบาลก็อุดหนุน มันจะล้มกันหมด เพราะรัฐบาลต้องนำงบไปลงทุนอย่างอื่น

ลั่นยังไงก็มีเลือกตั้ง

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณีที่ฝาก 4 คำถาม ถึงประชาชนว่า ที่ได้ตั้งคำถามไปนั้นก็เพื่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ว่าจะทำอย่างไร ไม่ใช่ว่าจะเลือกตั้งหรือไม่เลือกตั้ง ยืนยันว่าไม่ใช่เพื่อจะนำไปสู่อะไรทั้งสิ้น ยังไงก็มีเลือกตั้งเพราะกฎหมายเขียนไว้อยู่แล้ว แต่จะมีอย่างไรก็เรื่องของท่าน เพราะท่านเป็นคนเลือกรัฐบาล ไม่ได้เกี่ยวกับตนเลย อย่างไรก็ตาม วันนี้คนไทยต้องสร้างหลักคิดที่ถูกต้อง ถ้าไม่สร้างจะถูกชักจูง จนทำอะไรไม่ได้เลย รัฐบาลก็ทำอะไรใหม่ๆ ไม่ได้ ถ้าทำเหมือนของเดิมก็ไม่เข้มแข็งไม่ยั่งยืนก็มีทุจริต วันนี้หลายคนหลายพวกตีให้พันกันรุงรังไปหมดแล้วมุ่งไปเลือกตั้งอย่างเดียว ยืนยันไม่เคยขัดขวางก็ต้องเดินตามกติกา

“ผมไม่ปฏิเสธว่ามีคนชั่วอยู่ คนทุจริตคือคนชั่ว คนชั่วต้องไม่มีอีก ผมได้ประกาศไปทุกที่แต่ยังมีเล็ดลอด จึงต้องแก้ไขให้ได้ ที่ผ่านมาธรรมาภิบาล ประชาธิปไตย และการเมือง สับสนอลหม่านไปหมด ซึ่งวันนี้ก็ยังเป็นอยู่ แต่ผมจะทำให้ดีที่สุดในช่วงที่ยังอยู่ และยืนยัน ผมรับฟังทุกเรื่อง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวนำคำปฏิญาณจากองค์กรชาวนาด้วยตัวเอง พร้อมระบุว่า ขอให้ทุกคนทำตามสัญญา ใครทำตามสัญญาขอให้เจริญตลอดไป ก่อนจะมอบพันธุ์ข้าวทรงปลูกพระราชทานให้กับนายอัษฎางค์ สีหราช ประธานคณะกรรมการกลางศูนย์ข้าวชุมชนระดับประเทศ และเดินชมงานนิทรรศการ ที่จัดไว้ภายในตึกสันติไมตรี

สั่งหาข้อมูลก่อนบินหารือทรัมป์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้พล.อ.ประยุทธ์ยังคงปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ แต่โพสท่าให้สื่อมวลชนได้ถ่ายรูปเนื่องจากได้ใช้ผ้าขาวม้าคล้องคอและสะพายย่ามของชาวนา เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าวันนี้มีแรงเชียร์ค่อนข้างมากให้กลับมาเป็นนายกฯ หลังเลือกตั้งอีกครั้ง อย่างนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) และอดีตเลขาธิการกปปส. พล.อ. ประยุทธ์ที่กำลังเดินอยู่กล่าวตอบเพียงสั้นๆ ว่า “มันมายังไงวะ” ทั้งนี้ถือเป็นวันที่ 4 ที่พล.อ. ประยุทธ์งดให้สัมภาษณ์มาตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากกรณีนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โทรศัพท์ถึงพล.อ.ประยุทธ์เมื่อค่ำวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา เพื่อแนะนำตัวในโอกาสเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ พร้อมเชิญพล.อ.ประยุทธ์ ไปเยือนสหรัฐด้วยนั้น ล่าสุด สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี(สลค.) ออกหนังสือ ที่นร 0505/ว266 ถึงรองนายกฯทุกคน ทุกกระทรวง และเลขาธิการคสช. โดยระบุนายกฯ มีคำสั่งให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดเตรียมข้อมูลที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนระหว่างประเทศกับสหรัฐ รวมทั้งประเด็นอื่นที่สำคัญ เช่น กรณีผลการจัดสถานะประเทศไทย ตามกฎหมายการค้าสหรัฐอเมริกา มาตรา 301 พิเศษ การแก้ไขปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา การจัดตั้งอนุกรรมการด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้า เพื่อให้นายกฯ นำข้อมูลไปใช้ประกอบการหารือกับฝ่ายสหรัฐ ในโอกาสที่นายกฯ จะเดินทางเยือนสหรัฐในช่วงเดือนก.ค.นี้

เผยป้องประชานิยมเต็มรูปแบบ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวบันทึกเทปเพื่อนำเสนอในรายการศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ที่จะออกอากาศในเวลา 20.10-21.00 น. วันเดียวกันนี้ ตอนหนึ่งว่า ความปรองดองในพจนานุกรมของตนไม่ได้หมาย ความเพียงการลบล้างความขัดแย้งทางการเมือง และการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายในอดีต ที่นำไปสู่ความแตกแยกในสังคมเท่านั้น แต่ครอบคลุมถึงการขจัดเงื่อนไข ประเด็นปัญหา ข้อสงสัย ข้อกังวลใจในโครงการต่างๆ ตามนโยบายรัฐบาล จนนำไปสู่ความเข้าใจ ไว้ใจ และ ร่วมมือ หรือการมีส่วนร่วมตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ให้พัฒนาประเทศ ต่อไปได้ โดยปราศจากการต่อต้าน ความขัดแย้ง และมีผลประโยชน์ของส่วนรวมและประเทศเป็นที่ตั้ง

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า รัฐบาลได้คิดวิธีป้องกันไม่ให้ใช้งบประมาณของรัฐบาลในการสร้างนโยบายพรรคการเมืองในรูปแบบประชานิยมเต็มรูปแบบ เช่น พ.ร.บ.กองทุนพลังงาน พ.ร.บ.การจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการ การจัดทำงบประมาณภาค กลุ่มจังหวัด จังหวัดที่มีความชัดเจนในการใช้จ่าย ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาได้บ้าง แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการมีธรรมาภิบาลของรัฐบาลต่อๆ ไป รัฐบาลนี้เข้ามาแก้ไขปัญหา ไม่ใช่มาสร้างปัญหา และต้องระมัดระวังหามาตรการไม่ให้เกิดปัญหานี้อีก ขอให้ทุกคนเข้าใจเจตนารมณ์วัตถุประสงค์ของกฎหมายทุกฉบับที่ออกในสมัยรัฐบาลนี้ด้วย อย่ามองว่าไปสร้างภาระความเดือดร้อนให้กับประชาชน อย่างที่หลายกลุ่มหลายฝ่ายพูดกัน เราต้องมีมาตรการลดความเสี่ยงทุกเรื่อง แล้วสร้างความเท่าเทียม สร้างความเป็นธรรมโดยการใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม

แฮ็กเกอร์เปิดศึก”หักงวงไอยรา”

จากกรณีสำนักข่าวบีบีซีไทยรายงานว่า กลุ่ม แฮ็กเกอร์นิรนาม “ออพ แอนโนนีมัส กรีซ” โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจว่า “ในวันนี้ เวลา 20.10-21.00 น. คืนนี้” นั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเวลา 18.40 น. เฟซบุ๊กเพจ กลุ่มพลเมืองต่อต้าน Single Gateway เพื่อเสรีภาพและความยุติธรรม #opsinglegateway โพสต์เผยแพร่แถลงการณ์ เรื่อง ปฏิบัติการยุทธการหักงวงไอยรา#1 ระบุว่า จากการที่รัฐบาล คสช. ยังคงเดินหน้าแนวคิด Single Gateway ในรูปแบบของการออกกฎหมายต่างๆ โดยไม่สนใจ คำทักท้วงและความ คิดเห็นของประชาชน ดังนั้นทางกลุ่มพลเมืองต่อต้าน Single gateway และเครือข่ายพันธมิตร ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขอประกาศให้มีปฏิบัติการ ยุทธการหักงวงไอยรา ขึ้นดังนี้ 1.ปฏิบัติการนี้ มีระยะเวลา 72 ชั่วโมง เริ่มต้นจากเวลา 20.10 น. วันที่ 2 มิ.ย.เป็นต้นไป

2.เป้าหมายยังคงเป็นหน่วยงานรัฐและสื่อ ของรัฐบาล และสามารถเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม 3.หน่วยงานที่เป็นเป้าหมายในสงครามไซเบอร์ครั้งนี้ ถึงแม้จะหลบ จะซ่อน หรือเปลี่ยน DNS อย่างไรก็ตาม พวกเราจะติดตามปฏิบัติการไล่ล่า จนถึงที่สุด แล้วเจอกัน

ป้องแฮ็กเกอร์โจมตี”บิ๊กตู่จ้อทีวี”

วันเดียวกันนี้ นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (เลขาธิการ กสทช.) กล่าวว่า ตามที่ปรากฏ ข่าวกรณีศูนย์ประสานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ประเทศไทย (ไทยเซิร์ต) พบการเผยแพร่ข้อความผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก ชื่อ “Op Anonymous Greece” ระบุว่าจะโจมตีระบบสารสนเทศของหน่วยงาน ภาครัฐของประเทศไทย ในวันศุกร์ที่ 2 มิ.ย. เวลา 20.10-21.00 น.นั้น สำนักงาน กสทช. ได้จัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจคอยติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งมีหนังสือสั่งการผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่และผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต (ไอเอสพี) และผู้ให้บริการวงจรสื่อสารระหว่างประเทศ (ไอไอจี) ทุกรายเฝ้าระวังความปลอดภัยเครือข่ายอย่างเข้มงวด รวมถึงเตรียมการรับมือกับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย

“สำนักงาน กสทช. พร้อมสนับสนุนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และหน่วยงานความมั่นคงซึ่งเป็นหน่วยงานรักษาการตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 ในการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างเต็มที่” นายฐากรกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเวลาประมาณ 21.10 น. ปรากฎว่าเว็บไซต์ของ ช่อง 5 ช่อง 11 และเว็บ thaigov ของรัฐบาล ไม่สามารถใช้งานได้นานประมาณ 5 นาที

บิ๊กป๊อกดัน-รับฟัง 4 คำถาม

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมมอบนโยบาย ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ถึงการดำเนินงานเกี่ยวกับคำถาม 4 ข้อของพล.อ.ประยุทธ์ว่า นายกฯให้แนวทางว่าให้ศูนย์ดำรงธรรมของกระทรวงมหาดไทยและกทม. เป็นผู้รับฟังความเห็น ซึ่งเป็นภารกิจของศูนย์ดำรงธรรม อยู่แล้ว นอกจากการแก้ไขปัญหาประชาชน กระทรวงมหาดไทยจะไม่ไปชี้แนะอะไรทั้งสิ้น จะรับฟังความเห็นและสรุปแยกคำตอบแต่ละข้อว่าเป็นอย่างไร โดยสรุปผล 10 วันต่อครั้ง สำหรับวิธีที่จะได้ข้อมูลและความคิดเห็นมีหลายวิธี วันนี้จะหารือกับผวจ.ว่าวิธีใดทำแล้วจะได้ข้อมูลที่สะท้อนเสียงของประชาชน อย่างแท้จริง จะใช้ช่องทางใดบ้าง วันนี้จะหารือ กับ ผวจ.เบื้องต้นว่าใช้เวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์เพื่อสร้างความเข้าใจกับผู้ปฏิบัติทั้งหมดว่าไหวหรือไม่ และถ้าเริ่มดำเนินการวันไหนจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า การใช้ช่องทางที่แน่นอนจะไม่ผิดเพี้ยน คือการให้ข้อมูลจากประชาชนที่เดินเข้ามาศูนย์ดำรงธรรมโดยตรง และจะกระจายการใช้ศูนย์ดำรงธรรมให้มากที่สุด ทั้งศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด อำเภอและตำบล เพื่อประชาชนจะได้สะดวกในการ เดินทาง และจะต้องยืนยันหมายเลขบัตรประชาชน 13 หลัก เพื่อให้ข้อมูลที่เข้ามาไม่ผิดเพี้ยน หากใช้ช่องทางโซเชี่ยลมีเดียหรือส่งความเห็นทางไปรษณีย์ หรือรับเรื่องผ่าน 1567 อาจมีการสวมสิทธิกันได้

ลั่นไม่สั่งเขียนคำตอบแน่นอน

“เจตนาคือนายกฯ อยากทราบความคิดเห็นเท่านั้น ไม่ได้ทำโพลอะไร แต่สิ่งหนึ่งที่นายกฯ อธิบาย คืออยากให้ทุกคนตระหนักถึงการเลือกตั้ง เพราะการเลือกตั้งจะส่งผลถึงการใช้อำนาจรัฐที่จะทำให้ประเทศไทยไปในทิศทางไหนก็ได้ เรื่องนี้ถ้ามองให้เกิดประโยชน์ จะทำให้คนคิดเป็นในการเลือกตั้ง และเลือกตั้ง ควรจะได้คนอย่างไร”

เมื่อถามว่าจะมั่นใจได้หรือไม่ว่าคำตอบของ ประชาชนจะไม่ถูกเปลี่ยนแปลง พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า “ไม่มีใครเขาทำอะไรไม่ดี ถามทำลิงทำไม ผมยืนยันว่าเป็นการรับฟังความคิดเห็น ถ้าจะตีค่าว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเมือง คงห้ามไม่ได้ เพราะเป็นคำถามที่ให้ประชาชนตระหนัก ถึงความสำคัญของการเลือกตั้ง แต่เราไปบังคับให้ใครเขียนอะไรไม่ได้ เขาจะตอบอะไรก็สรุปขึ้นมาอย่างนั้น ทั้งนี้ อยากให้สื่อช่วยพูดอย่างสร้างสรรค์บ้าง ผมยืนยันผมเป็นรัฐมนตรีไม่สามารถสั่งให้ศูนย์ดำรงธรรมทำข้อมูลได้ ผมสั่งไม่ได้แน่นอน สั่งได้เพียงว่าให้สรุปขึ้นมาในเวลาเท่าไร และการดำเนินการไม่ได้เป็นการจัดตั้ง จึงให้คนวอล์กอินเข้าไป พร้อมแสดงเลขบัตรประชาชนเพื่อให้ยืนยันตัวตนได้” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว

พล.อ.อนุพงษ์กล่าวด้วยว่า ส่วนการเริ่มดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน คาดว่าสัปดาห์หน้าจะเริ่มดำเนินการในเรื่องธุรการ เช่น จัดเตรียมเอกสาร และสัปดาห์ถัดไปจึงจะเริ่มรับฟังความคิดเห็นของประชาชนได้ คือจะใช้เวลาหลังจากนี้อีก 2 สัปดาห์ จึงจะได้ความคิดเห็นชุดแรกมา

สมชัยชี้เกินคาดชงเซ็ตซีโร่กกต.

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. กล่าวถึงกรณีข้อเสนอของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่เสนอเซ็ตซีโร่กกต.ทั้ง 5 คนว่า เรื่องนี้เป็นสถานการณ์ที่เรียกว่า ยิ่งกว่าสถานการณ์เลวร้ายที่สุด ที่ตนเคยประเมินไว้ว่าอาจจะมีกรรมการที่ขัดคุณสมบัติต้องพ้นตำแหน่ง แต่กรรมการที่คุณสมบัติครบก็ทำหน้าที่ต่อ แต่การที่ กมธ.มีมติให้เซ็ตซีโร่ทั้งหมดนั้น ถือว่าเกินความคาดคิด ขณะนี้กกต.มีเวลาทำงาน 4-6 เดือน จะเตรียมการที่ดีที่สุดส่งมอบงานที่สมบูรณ์ที่สุดให้กกต.ชุดใหม่ ยืนยันว่าจะทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง จนถึงการทำงานวันสุดท้าย ไม่มีการอู้งาน

นายสมชัยกล่าวว่า กกต.เห็นว่าเรื่องนี้เป็น กติกา เมื่อผู้ออกกฎหมายเห็นว่าเป็นแนวทางที่เป็นผลดี เราก็ยอมรับและต้องปฏิบัติตาม แต่ในแง่เหตุและผล ตนมองว่าควรจะหาเหตุและผลให้ดีกว่านี้ เพราะกมธ.ให้เหตุผลว่า อำนาจ กกต.ตามรัฐธรรมนูญใหม่มีอำนาจมากขึ้น ก็ต้องให้กกต.ที่มีคุณสมบัติสูงมาทำหน้าที่ ทั้งที่กกต.ปัจจุบันหลายคนยังมีคุณสมบัติ ครบตามรัฐธรรมนูญใหม่ แต่ทำไมต้องให้ออก ทั้งชุด เชื่อว่าวันที่ 9 มิ.ย.นี้ สนช.คงมีมติเป็นไปตามที่ กมธ.เสนอ ซึ่งเราไม่ได้คาดหวังว่า สนช.จะมีความเห็นต่างจาก กมธ. แต่ประเด็นที่เราเป็นห่วงแต่คิดว่าจะไม่เกิดขึ้นคือ การดำเนินการดังกล่าวจะเป็นมาตรฐานกับองค์กรอิสระอื่นๆ หรือไม่ แต่องค์กรอื่นคงสบายใจได้ เชื่อว่ากฎหมายฉบับนี้จะใช้กับกกต.เพียงองค์กรเดียว

สดศรีซัดต้องทำกับองค์กรอิสระ

นางสดศรี สัตยธรรม อดีตกกต. กล่าวถึงกรณีเสนอเซ็ตซีโร่กกต.ว่า ความจริงแล้วการเซ็ตซีโร่กกต.ชุดปัจจุบันทั้งหมดจะได้ประโยชน์ อย่างไร ในเมื่อจะมีเลือกตั้งภายในปี 2561 ที่จะถึงในอนาคต เพราะการได้กกต.ชุดใหม่เข้ามาทำงานแทนที่จะมีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญเพียงพอทันการเลือกตั้งหรือไม่ ขณะเดียวกันถ้าจะเซ็ตซีโร่จริงๆ อยากให้พิจารณาเป็นรายๆ บุคคลไป อาทิ กกต. ที่มี อายุครบ 70 ปี หรือบุคคลที่มีคุณสมบัติไม่ครบ ก็ควรให้คณะกรรมการสรรหาฯพิจารณาคัดเลือกเข้ามาแทนที่ ไม่ใช่ไปเหมารวมรื้อไพ่ทั้งหมด ถ้าเป็นแบบนั้นจะไม่เป็นธรรมกับบุคคลที่มีคุณสมบัติครบ ซึ่งในความเป็นจริงต้องให้ทำงานไปจนครบวาระ

“ถ้าอยากจะเซ็ตซีโร่จริงๆ ก็ต้องทำเหมือนกันให้หมด ทุกองค์กรอิสระ ไม่ใช่ทำเฉพาะแค่กกต. ดังนั้น จึงคิดว่าควรพิจารณาเป็นรายๆ บุคคล ไม่ใช่เหมารวมทั้งหมด แบบนี้มันไม่แฟร์กับคนที่มีคุณสมบัติครบ ขณะเดียวกันกกต.ชุดนี้ทำงานมาได้ 3 ปีแล้วยังไม่มีผลงานอะไรเลย การเลือกตั้ง 2 ก.พ.2557 ก็มีผลโมฆะ ฉะนั้นจึงควรให้โอกาสกกต.ชุดนี้ได้มีผลงานกับการเลือกตั้งครั้งหน้า เพื่อเป็นเครดิตให้ตนเอง” นางสดศรีกล่าว

มีชัยโผล่หนุนรีเซ็ต”กกต.”

ที่รัฐสภา พล.ท.พิศณุ พุทธวงศ์ โฆษก กมธ.วิสามัญพิจารณา ร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยกกต. แถลงถึงมติกมธ.ว่าเสียงส่วนใหญ่ให้แก้ไขบทเฉพาะกาล มาตรา 70 กำหนดให้กกต.ชุดปัจจุบันพ้นวาระ ว่า เหตุผลที่เสียงส่วนใหญ่เห็นควรให้เซ็ตซีโร่ กกต. เพราะรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ได้เพิ่มอำนาจหน้าที่กกต.มากขึ้น คุณสมบัติจึงเข้มข้นตามมาด้วย และควรเริ่มดำเนินการเลยเพื่อให้ได้กกต.ชุดใหม่มาปฏิบัติหน้าที่ โดยไม่มีประเด็นเกี่ยวกับตัวบุคคล หากกกต.ไม่เห็นด้วยในร่างกฎหมายนี้ก็มีขั้นตอนโต้แย้งได้

นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงข้อเสนอเซ็ตซีโร่กกต. ว่า กมธ.วิสามัญของสนช. เด็ดขาดกว่ากรธ. การเสนอให้เซ็ตซีโร่กกต.ถือว่าดีขึ้น ตนเห็นด้วย ทั้งยังไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่า กรรมการองค์กรอิสระจะอยู่หรือไปขึ้นกับกฎหมายลูก ซึ่งกรธ.เห็นว่า องค์กรอิสระแต่ละ องค์กรแตกต่างกันไปตามโครงสร้าง ขึ้นกับกฎหมายลูกขององค์กรนั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า การรีเซ็ตกกต.จะเป็นบรรทัดฐานให้รีเซ็ตกรรมการองค์กรอิสระอื่นด้วยหรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่า ต้องดูแต่ละอัน ขึ้นกับความจำเป็นของแต่ละองค์กร หลักการมันเปลี่ยน การจะเซ็ตซีโร่หรือไม่ ขึ้นกับการปฏิบัติงานที่ไม่เหมือนกัน เช่น ผู้ตรวจการแผ่นดิน อำนาจหน้าที่ไม่ได้ปรับอะไรมาก แต่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) อาจมีเหตุ เนื่องจากที่มาของกสม.มีปัญหา ไม่สอดคล้องกับหลักการปารีส เป็นไปได้ที่อาจรีเซ็ต

กม.คดีนักการเมืองฉลุยวาระแรก

ที่รัฐสภา สนช. ประชุมพิจารณาร่างพ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่กรธ.พิจารณาเสร็จแล้ว ในวาระที่ 1 โดยนายมีชัยกล่าวต่อที่ประชุมว่า ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้เสนอตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 เพื่อให้การป้องกันและปราบปรามการทุจริตมีประสิทธิภาพ โดยมีหลักการใหม่ 2 เรื่อง คือ 1.การกำหนดให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้ระบบไต่สวนพิจารณาพิพากษาคดี ซึ่งในร่างกฎหมายนี้ได้กำหนดให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เพื่อเปิดทางให้ศาลทำหน้าที่แสวงหาความจริงที่นำไปสู่ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย และให้เกิดการใช้เทคนิคทางกฎหมายเพื่อหาช่องโหว่มาต่อสู้กันมากจนเกินไป

นายมีชัยกล่าวต่อว่า 2.การให้ศาลพิจารณาคดีลับหลังจำเลย เดิมที่ผ่านมาหากเกิดกรณีจำเลยหนีหลบหนีไม่ว่าก่อนหรือระหว่างการพิจารณาคดีในศาล ส่งผลให้กระบวนการไต่สวนทำได้ไม่เต็มที่ ดังนั้น ร่างกฎหมายใหม่จึงกำหนดให้ศาลไต่สวนลับหลังได้เพื่อไม่ให้การพิจารณาคดีสะดุด

จากนั้นสมาชิกสนช. ได้อภิปรายแสดงความคิดเห็นกันอย่างหลากหลาย จากนั้นที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ 190 คะแนน รับหลักการร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.)วิสามัญ 19 คน โดยพิจารณาให้เสร็จภายใน 45 วัน

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการกปปส. สนับสนุนให้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ โดยใช้เสียงสนับสนุนจากส.ว. 250 เสียงว่า ไม่รู้พล.อ.ประยุทธ์ จะรู้สึกยินดีหรือไม่ และเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพล.อ.ประยุทธ์และการตัดสินใจของประชาชน ในการเลือกตั้ง ซึ่งยังเหลือเวลาอีกยาวนาน ไม่ควรมาเร่งออกตัวแรง เพราะใครที่ออกตัวแรงก็จะยิ่งบอบช้ำ คิดว่ากว่าจะได้รัฐบาลใหม่ต้องใช้เวลาอีกกว่า 2 ปี ซึ่งยังยาวนาน สถานการณ์ขณะนี้ไม่เข้าใจว่าเจตนาจริงของนายสุเทพต้องการอะไร เพราะถือว่ายังเร็วที่จะพูดเรื่องสนับสนุนใครเป็นนายกฯ

นายจตุพรกล่าวว่า ส่วนที่สมาชิกกปปส.บางส่วนกลับเข้าพรรคประชาธิปัตย์นั้น จะทำ ให้สถานการณ์การเลือกตั้งยากลำบากยิ่งขึ้น เพราะหากพูดในนามพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค แต่หากพูดในนามกปปส.ก็ต้องสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ แต่สถานการณ์วันนี้ยังอีกยาวไกล และยังไม่รู้ว่าเมื่อถึงเวลานั้นประเทศ จะอยู่ในสภาพใด แต่ทางการเมืองการมี 2 คำตอบอยู่ในพรรคเดียว ไม่น่าจะง่ายต่อการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งนักการเมืองจะรู้ดี

นายจตุพรยังกล่าวถึงข้อเสนอ 4 พรรคใหญ่จับมือกันของนายพิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่า นายพิชัยมีเจตนาดี ปัญหาไม่ได้อยู่ที่พรรคอื่น แต่อยู่ที่พรรคซึ่งนายพิชัยเคยเป็นหัวหน้าพรรคมานั่นเอง ต้องรอดูว่าถ้าจับมือกันเอาคนนอก เข้ามาแล้วประชาชนจะรับได้หรือไม่ จะมีอะไรเลวร้ายกว่าที่เป็นอยู่หรือไม่ วันนี้ไม่มีใครรู้ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร แม้มีส.ว. 250 รออยู่ แต่ทุกอย่างอยู่ที่การตัดสินใจของปะชาชน เชื่อว่าหากมีการเลือกตั้ง จะเป็นการเลือกตั้งที่ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์มากที่สุด และเชื่อว่าสุดท้ายคำตอบก็จะอยู่ที่ประชาชน

ตั้ง6โฆษกประจำรองนายกฯ

เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ในที่ประชุมครม.เมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ได้สั่งการให้รองนายกฯทั้ง 6 คน ดำเนินการแต่งตั้งโฆษกประจำรองนายกฯ หรือ ชื่อตำแหน่งอย่างเป็นทางการว่า “คณะทำงานด้านการประชาสัมพันธ์ของรองนายกรัฐมนตรี” เพื่อให้ช่วยประชาสัมพันธ์และเผยแพร่งานในความรับผิดชอบให้สังคมได้รับทราบ และให้เสนอเข้าที่ประชุมครม.รับทราบในวันที่ 6 มิ.ย.นี้

รายงานข่าวแจ้งว่า รองนายกฯได้ลงนามแต่งตั้งแล้ว อาทิ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกฯ ลงนามแต่งตั้งพล.อ.อ.มณฑล สัชฌุกร ประธานคณะทำงานรองนายกฯและอดีตโฆษกกองทัพอากาศ เป็นโฆษกประจำรองนายกฯ , นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ลงนามแต่งตั้งนายไชยา ลิ้มวิไล กรรมการผู้ช่วยรองนายกฯ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกฯ เป็นโฆษกประจำรองนายกฯ , พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกฯ ได้ลงนามแต่งตั้งพล.ร.ต.รณัชย์ เทพวัลย์ ผู้ชำนาญการกองทัพเรือ เป็นโฆษกประจำรองนายกฯ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน