เมื่อวันที่ 4 เม.ย. นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงการเปิดการประชุมสภาสมัยสามัญ ในวันที่ 22 พ.ค.ว่า ต้องดูสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่จะเป็นตัวกำหนดว่าจะสามารถเปิดประชุมสภาได้ตามปกติหรือไม่ หากสถานการณ์ยังไม่ดีขี้น ย่อมมีความสุ่มเสี่ยงต่อสมาชิกที่เข้าประชุมสภาได้

ส่วนกรณีที่รัฐบาลจะใช้มาตรการโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ของแต่ละกระทรวง ประมาณ 10 % เพื่อใช้ในการแก้ปัญหาและเยียวยาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19นั้น ไม่จำเป็นต้องขอให้เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ เพราะเป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร โดยรัฐบาลสามารถออกพ.ร.ก. และบังคับใช้ได้ตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 172 กำหนดเนื่องจากมีเหตุจำเป็นเร่งด่วน แต่หลังจากที่สภาเปิดสมัยประชุมในวันที่ 22 พ.ค.รัฐบาลต้องแจ้งต่อสภาให้รับทราบ รวมถึงการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่ผ่านมาด้วย โดยที่ประชุมสภาต้องพิจารณาเป็นวาระแรก ไม่ชักช้า

สำหรับที่รัฐบาลเตรียมออกพ.ร.ก.กู้เงิน เพื่อใช้กระตุ้นและเยียวยาระบบเศรษฐกิจนั้น ไม่จำเป็นต้องมีการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ เนื่องจากรัฐธรรมนูญกำหนดให้สามารถพิจารณาเป็นวาระแรกได้ เมื่อมีการเปิดประชุมสภาสมัยสามัญ ดังนั้นหากรัฐบาลเสนอร่างพ.ร.ก.กู้เงินมา ก็จะนำเข้าสู่การพิจารณาเป็นเรื่องแรก เพราะถือเป็นเรื่องด่วน

“ผมเชื่อว่าเมื่อเปิดประชุมสภาในเดือนพ.ค.นี้ จะมีร่างพ.ร.บ.สำคัญ ที่ต้องเสนอให้พิจารณาในวาระเร่งด่วน คือ พ.ร.ก.กู้เงิน พ.ร.บ.เกี่ยวกับการเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 ต้องขอขอบคุณผู้นำฝ่ายค้าน และพรรคร่วมฝ่ายค้านที่พร้อมสนับสนุนให้สภาพิจารณาร่างพ.ร.บ.เพื่อเยียวยาผลกระทบต่อการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตอนนี้ต้องให้กำลังใจนายกฯและรัฐบาลที่ถือว่ามาถูกทางแล้วในการแก้ปัญหา ด้วยการประกาศเคอร์ฟิวเพื่อลดการแพร่เชื้อของประชาชน”นายวิรัช กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน