ก้าวไกล จี้รัฐคลายล็อก ยกเลิกพรก.ฉุกเฉิน หวั่นคนตกงาน 7 ล้านคน

วันที่ 27 เม.ย. นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินว่า โดยเนื้อแท้แล้วเป็นการรวมศูนย์อำนาจมาไว้ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม และสามารถใช้อำนาจเบ็ดเสร็จได้โดยไม่ต้องรับผิดชอบ

เราจึงเห็นการใช้กฎหมายไปดำเนินคดีกับผู้ที่นำอาหารไปบริจาค จับขังคนงานก่อสร้างที่จำเป็นต้องเดินทางระหว่างเคอร์ฟิว หรือจับขังคนไร้บ้าน ใช้กฎหมายไปปิดปากประชาชนที่วิพากษ์วิจารณ์ความผิดพลาดของรัฐบาลในสื่อสังคมออนไลน์ กระทั่งขู่จะจัดการกับนักศึกษาที่ต้องการเรียกร้องขอคืนค่าเทอม

ก่อนหน้านี้ประชาชนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีกับมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม จนส่งผลให้การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คลี่คลายลงตามลำดับ แต่สิ่งที่พวกเราได้รับตอบแทนคือมาตรการเยียวยาของรัฐบาลที่สับสน ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ทันท่วงที และไม่ทั่วถึง

นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า อีกทั้งพล.อ.ประยุทธ์ ประเมินความทุกข์ร้อนของประชาชนต่ำและช้าเกินไป รัฐบาลเข้มแข็งเสมอเวลาสั่งห้ามประชาชนทำนู้นทำนี่ แต่เฉื่อยแฉะเวลาพวกเราไม่มีเงิน หนี้สินท่วมหัว ไม่มีข้าวสารกรอกหม้อ ต้องรอคอยการสงเคราะห์อย่างไร้ศักดิ์ศรี

วันนี้เราเห็นภาพประชาชนในหลายจังหวัดไปรวมตัวกันรอรับอาหารบริจาคโดยไม่กลัวไวรัสมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขากำลังจะไม่สนใจมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐอีกแล้ว เพราะกลัวจะอดตายมากกว่า และหากรัฐบาลยังไม่คลายล็อก ประเมินกันว่าจะมีคนตกงานไม่ต่ำกว่า 7 ล้านคนในเดือนมิถุนายน

นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเชื่อมั่นในประชาชนว่าไม่มีใครอยากให้ไวรัสระบาดไปมากกว่านี้ พวกเรายินดีจะร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรค แต่พร้อมกันนั้น ก็ไม่มีใครอยากให้ครอบครัวตนเองอดตายหรือล้มละลาย ไม่มีใครอยากให้ประเทศไทยการ์ดตก

แต่พวกเราอยากให้ประเทศนี้ปล่อยหมัดชกกับปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนได้ด้วย เรายังต้องอยู่กับโควิด-19 ไปอีกนาน และนี่คงไม่ใช่การระบาดใหญ่ครั้งสุดท้าย ดังนั้นเราต้องควบคุมโรคอย่างมีสติ ไม่ให้ความทุกข์ยากและความตายจากพิษเศรษฐกิจแซงหน้าความป่วยไข้และความตายจากไวรัส

พ.ร.ก.ฉุกเฉินดูจะเป็นยาบำรุงของผู้นำที่ชอบยึดอำนาจ แต่ไม่ใช่ยาวิเศษในการแก้ปัญหาวิกฤตของชาติ แน่นอนเราต้องการการบริหารประเทศที่มีวิสัยทัศน์ มีประสิทธิภาพ และเห็นแก่ประชาชนส่วนใหญ่ แต่ไม่ใช่การใช้อำนาจควบคุมประชาชนโดยไม่ต้องรับผิดชอบ การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินอาจมีประโยชน์เพื่อให้รัฐบาลควบคุมสถานการณ์ก่อนหน้านี้และเตรียมพร้อมมาตรการรับมือทางด้านสาธารณสุข ทว่าจากนี้ไปเป็นเวลาที่รัฐบาลต้องเริ่มคลายล็อก คายอำนาจ เปิดสภา และฟังเสียงของประชาชน

ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ “คลายล็อก-คายอำนาจ” เพื่อคืนการทำมาหากินให้แก่ประชาชน” นายชัยธวัช กล่าวย้ำ

เลขาธิการพรรคก้าวไกล ระบุว่า ควรยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในลักษณะที่บังคับทั้งประเทศ แต่ปรับความเข้มข้นในใช้กฎหมายควบคุมโรคให้ได้สัดส่วนกับสถานการณ์การแพร่ระบาด พร้อมกับใช้มาตรการทางสาธารณสุขเชิงรุกเพื่อรองรับการคลายล็อก โดยเพิ่มอำนาจและทรัพยากรให้ท้องถิ่นมีบทบาทมากขึ้น

“รัฐบาลต้องเร่งเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อฟังเสียงประชาชน เพราะเงินกู้และเงินงบประมาณรวมกันกว่า 2 ล้านล้านบาทในการแก้วิกฤตโควิด-19 ต้องไม่ใช่ “การเซ็นเช็คเปล่า” ให้ พล.อ.ประยุทธ์กับพวก แต่จำเป็นต้องถูกตรวจสอบให้ใช้จ่ายอย่างโปร่งใส รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และเพื่อคนส่วนใหญ่อย่างแท้จริง

ขณะนี้ส.ส.พรรคก้าวไกลทั้ง 54 คน ได้ร่วมลงชื่อขอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเรียบร้อยแล้ว เราขอเรียกร้องไปยัง ส.ส. ฝ่ายรัฐบาลให้ร่วมกันแสดงบทบาทของ “ผู้แทนราษฎร” เปิดประชุมสภาโดยเร็วที่สุด เพื่อให้อำนาจของประชาชนมีความหมายและภาษีของพวกเราทุกคนถูกใช้ไปอย่างโปร่งใสคุ้มค่ามากที่สุด” นายชัยธวัช กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน