“บิ๊กตู่”ร่ายกลอน “หายใจเป็นไทย”ให้ข้อคิดข้าราชการ เพจ “เปรี้ยง”โผล่หนุนรัฐบาลสู้ข้อมูลเท็จในโลก โซเชี่ยล”บิ๊กเจี๊ยบ”ยันคสช.ไม่ตั้งพรรค ปชป.-เพื่อไทยหนุนสู้ตามกติกา “ยิ่งลักษณ์”เชียร์”บิ๊กตู่”ลงเลือกตั้ง “วิษณุ”อัด”นิพิฏฐ์”ฟันธงไม่มีเลือกตั้งปี”61 แค่คิดลมๆ แล้งๆ “พรเพชร” โต้จับมือกรธ.คว่ำกฎหมายลูก ปฏิเสธซดเกาเหลา”มีชัย” ชทพ.แบไต๋พร้อมผนึกกำลังพรรคเล็ก “ปู”ขึ้นศาลสืบพยานคดีข้าวนัดที่ 14 ยื่นคำร้อง”เผชิญสืบ” โรงสีขายข้าวในสต๊อกราคาถูก ก่อนศาลจะยกคำขอ นัดไต่สวนครั้งหน้า 7 ก.ค. ปลัดคลังลั่นไม่ยื้อยึดทรัพย์อดีตนายกฯ

“บิ๊กตู่”จี้ลุยงาน 3 เดือนก่อนปิดงบ

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 29 มิ.ย. ที่กระทรวงแรงงาน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 4/2560 โดยมีพล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รมว.แรงงาน คณะผู้บริหารและข้าราชการให้การต้อนรับ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวก่อนประชุมว่า การประชุมวันนี้เป็นเรื่องสำคัญเพราะเหลือเวลาอีก 3 เดือนจะสิ้นสุดปีงบประมาณในเดือนก.ย. และงบประมาณใหม่จะเริ่มขึ้นในเดือนต.ค.เป็นต้นไป ดังนั้น 3 เดือนนี้ต้องเตรียมการทั้งหมดเพื่อมุ่งสู่ความยั่งยืนให้ได้ โดยเฉพาะงานที่ต้องบูรณาการร่วมกัน เช่น การค้ามนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน ซึ่งเป็นปัญหาเร่งด่วนสำคัญที่ต้องแก้ไข รวมถึงวาระแห่งชาติอื่นด้วย จึงจำเป็นต้องกำหนดกรอบในช่วง 3 เดือนนี้ และในปีงบประมาณต่อไปที่จะต้องเดินหน้าตามโรดแม็ป

ภายหลังการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ โดยเมื่อทักทายพร้อมถ่ายรูปกับข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของกระทรวงแรงงานแล้ว ก็โบกมือปฏิเสธให้สัมภาษณ์ ก่อนยกมือทำสัญลักษณ์ “ไอเลิฟยู” และเดินทางกลับเข้าปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาล โดยบันทึกเทปรายการศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนที่จะออกอากาศในช่วงค่ำวันที่ 30 มิ.ย.นี้

แต่งกลอน”หายใจเป็นไทย”

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า เมื่อเวลา 14.00 น. ภายหลังพล.อ.ประยุทธ์กลับจากการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ที่กระทรวงแรงงาน ได้มีเพจชื่อ “เปรี้ยง” เผยแพร่บทกลอนที่อ้างว่าเป็นฝีมือการเขียนของพล.อ.ประยุทธ์ ระหว่างการเป็นประธานการประชุมที่มอบให้กับข้าราชการ เป็นข้อคิด เตือนใจ ปลุกเร้าข้าราชการที่ร่วมประชุม โดยใช้หัวข้อว่า “หายใจเป็นไทย”

สำหรับเนื้อหามีดังนี้ หายใจเป็นไทย คำว่า “ปวงชนชาวไทย” นั้นใหญ่ยิ่ง สร้างทุกสิ่ง ย่อมได้ ดั่งใจหวัง หากช่วยกัน ส่งเสริม เพิ่มพลัง ไม่อาจยั้ง พัฒนา ให้ยั่งยืน ที่ผ่านมา หลายอย่าง เป็นปัญหา ช่วยกันพา ช่วยกันนำ ช่วยฝ่าฝืน ฝ่ากระแส น้ำเชี่ยวกราก ที่กล้ำกลืน ปลุกกันตื่น หลับใหล ให้ก้าวเดิน อย่าหวั่นไหว ท้อถอย อุปสรรค อย่าเว้นวรรค ว่างงาน หรือห่างเหิน ข้าราชการ ทุกฝ่าย อย่าเพลิดเพลิน ทำก้ำเกิน ประชาชน ไม่สุขใจ ทำกฎหมาย ทุกอย่าง ให้รอบคอบ มีคำตอบ ประชาชน ให้แจ่มใส ทั้งยาก ดี มี จน จะใช่ใคร คือ”คนไทย” ที่เรา ต้องดูแล

เป็นข้อคิดหน.ส่วนราชการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเปรี้ยง มีข้อความเปิดตัวว่า “เมื่อโลกออนไลน์ อื้ออึงด้วยความเท็จ เปรี้ยง…จึงต้องเกิดขึ้น เพื่อเพิ่มเสียงให้ความจริง” เริ่มเผยแพร่เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา และมีผู้ติดตาม 100 กว่าราย โดยระบุประเภทเพจว่า บริษัทด้านสื่อ/ข่าวสาร ด้านพื้นหลังเพจมีข้อความว่า “เพิ่มเสียงดัง ให้ความจริง” เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการเผยแพร่ข้อมูลสนับสนุนรัฐบาล อย่างกรณีกลอนที่พล.อ.ประยุทธ์เขียนในวันนี้ก็ได้ระบุว่า “ทายสิ…สำนวนแบบนี้ ฝีมือใครแต่ง ??? นอกจากมอบนโยบายแล้ว งานนี้ นายกฯลุงตู่ ยังมอบบทกลอน ฝากข้อคิด เตือนใจ ปลุกเร้าข้าราชการที่เข้าร่วมประชุมอีกด้วย”

วันเดียวกัน พ.อ.หญิงทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้นำบทกลอนดังกล่าวส่งมาในไลน์กลุ่มสื่อทำเนียบรัฐบาล พร้อมระบุเป็นบทกลอนที่ นายกฯ แต่งในการประชุมหัวหน้าส่วนราชการ ที่กระทรวงแรงงาน

ร่างสัญญาปรองดองถึง”บิ๊กป้อม”

ที่กองบัญชาการกองทัพบก(บก.ทบ.) พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. และเลขาธิการคสช. กล่าวถึงการจัดทำบัญชี รายชื่อโยกย้ายนายทหารประจำปีในส่วน ทบ.ว่า ได้สั่งการให้ทำบัญชีรายชื่อจากข้างล่างขึ้นมาแล้ว ปีนี้พยายามเร่งรัดให้เป็น รูปธรรมเร็วขึ้น แต่คงเสร็จทั้งหมดตามกรอบเวลาเดิมประมาณเดือนก.ค.นี้ ซึ่งกระทรวงกลาโหมยังไม่ได้กำหนดว่าให้ส่งเมื่อใด

ส่วนการเปิดเวทีสาธารณะเพื่อชี้แจงร่างสัญญาประชาคม คณะอนุกรรมการจัดทำข้อเสนอกระบวนการเพื่อการสร้างความสามัคคีปรองดอง ที่ตนเป็นประธานได้ส่งร่างสัญญาประชาคมให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม พิจารณาแล้ว ก่อนส่งให้คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง(ป.ย.ป.) ชุดใหญ่พิจารณา คาดว่าจะประชุมในสัปดาห์หน้า และเมื่อป.ย.ป.อนุมัติจะจัดเวทีสาธารณะชี้แจงร่างสัญญาประชาคม โดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.) ทั้ง 4 กองทัพภาคเป็นผู้ดำเนินการ

ร่างสัญญาประชาคมที่ตนดำเนินการนั้นไม่ใช่ทำให้คนมาจับมือตกลงปรองดองกัน แต่เราไปรวบรวมความคิดประชาชนทั้ง 4 ภาคและกลุ่มต่างๆ นำมาเป็นข้อสรุป ประมาณ 200 กว่าประเด็น ก่อนเป็นความคิดเห็นร่วมกันของคนในชาติว่าเราจะเดินร่วมกันใน 10 ประเด็น แล้วแต่ละส่วนงานก็ดำเนินการไป

ชี้ คสช.ตั้งพรรคเป็นเรื่องอนาคต

ผู้สื่อข่าวถามถึงผลสำรวจนิด้าโพลสนับสนุนให้พล.อ.ประยุทธ์อยู่บริหารต่อ ผบ.ทบ. กล่าวว่า นั่นเป็นความเห็นของโพล ในภาพรวมกองทัพและคสช.พยายามประคับประคองสถานการณ์บ้านเมืองให้สงบเรียบร้อย นำไปสู่การเลือกตั้งตามกรอบที่กำหนดได้ ต่อข้อถามว่ากระบวนการร่างกฎหมายลูกมีความขัดแย้งระหว่างคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) กับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) จะทำให้การเลือกตั้งเลื่อนออกไปหรือไม่ พล.อ.เฉลิมชัยกล่าวว่า ไม่มี ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงไปแล้ว การเลือกตั้งเป็นเรื่องรัฐบาล เป็นเรื่องการเมือง ส่วนจะตั้งพรรคทหารหรือไม่ ไม่ทราบ ถ้าตนเกษียณอายุราชการก็จบเท่านั้นเอง เมื่อถามว่าถ้าคสช.ตั้งพรรคการเมืองขึ้นมา ประชาชนยอมรับหรือไม่ พล.อ.เฉลิมชัยกล่าวว่า เป็นเรื่องอนาคตข้างหน้า

พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) กล่าวว่า คสช.ไม่เล่นการเมือง ทุกอย่างยังคงเดิมไปตามโรดแม็ป คือเลือกตั้งในปี 2561 ไม่อยากให้คาดเดากันไป ขณะนี้รัฐบาลและคสช.กำลังเร่งปฏิรูปการทำงานในกระทรวงต่างๆ เพื่อให้โครงสร้างของระบบราชการมีความแข็งแรงขึ้น พร้อมเข้าสู่การปฏิรูป

“วิษณุ”ซัด”นิพิฏฐ์”คิดลมๆ แล้งๆ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุการเลือกตั้งปี 2561 จะไม่เกิดขึ้นตามโรดแม็ปว่า ตนยึดโรดแม็ปของรัฐบาล อย่าเอาสิ่งที่นายนิพิฏฐ์พูดมายืนยันกับตน และช่วยเอาสิ่งที่ตนพูดไปยันกับนายนิพิฏฐ์บ้าง ส่วนที่นายนิพิฏฐ์คาดการณ์ว่ากฎหมายลูกจะถูกคว่ำนั้น รัฐบาลไม่คิดแบบนั้น หากจะคิดก็คิดได้เยอะ และหากเก่งจริงทำไมไม่คิดอย่างอื่นอีกที่จะบล็อกตั้งแต่ยังไม่ถูกคว่ำด้วยซ้ำ ที่จริงไม่ต้องคิดเพราะมันยังไม่เกิด แต่ไม่ผิดที่จะคิดไว้ก่อน เพียงแต่ผิดที่คิดแล้วพูดจนทำให้ตื่นตระหนก ก็ต้องปล่อยให้ตระหนกไปลมๆ แล้งๆ เหมือนดูคลิปแล้วสุดท้ายกลายเป็นคลิปปลอมแต่ตื่นตระหนกไปแล้ว ส่วนโรดแม็ปรัฐบาล ตนพูดมาหลายครั้งแล้ว ถ้าไปกางรัฐธรรมนูญดูก็จะพูดตรงกันทั้งประเทศ

เมื่อถามว่าจะสร้างความเชื่อมั่นในโรดแม็ป รัฐบาลต่อประชาชนอย่างไร นายวิษณุกล่าวว่า รัฐธรรมนูญเป็นคนกำหนดโรดแม็ปก็ต้องเชื่อมั่นในรัฐธรรมนูญ รัฐบาลไม่จำเป็นต้องมาตอกย้ำทุกวันเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น เพราะเป็นโรดแม็ปที่รัฐธรรมนูญกำหนด ถ้าไม่ทำตามนั้นก็ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ

“พรเพชร”ปัดจ้องคว่ำกม.ลูก

นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. กล่าวว่า ขออย่าเพิ่งตกใจ เพราะทั้งร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมืองยังอยู่ในระยะแรก มีทั้งฝ่ายเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ทาง สนช.ต้องมาปรับแก้ เชื่อว่าการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ร่วมขึ้นมาพิจารณาจะได้ข้อสรุปมากกว่าที่จะคว่ำ ขณะที่ร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญฉบับอื่นๆ ก็เดินตามระยะเวลาที่กำหนด

“ส่วนกระแสข่าวว่าปัญหาร่างกฎหมายลูกจะทำให้การเลือกตั้งเลื่อนออกไปอีกนั้น ผมยังมองไม่เห็นทางที่จะทำให้การเลือกตั้งเลื่อนออกไป ซึ่งการพิจารณาก็ต้องเร่งรัดเวลา แม้จะมีวันหยุดราชการมากก็ตาม ดังนั้น อย่าเพิ่งไปวิตกตอนนี้ เหมือนเราต้องทานข้าว 10 คอร์ส 2 คอร์สแรกเราก็ทานช้าหน่อย แต่คอร์สหลังยังไม่มา อย่างไรก็ต้องทำ จะบอกว่าทาน 2 คอร์สแรกแล้วคอร์สหลังไม่กิน ไม่ได้” นายพรเพชรกล่าว

ปฏิเสธเกาเหลากับ”มีชัย”

ผู้สื่อข่าวถามว่ามองการเคลื่อนไหวของนักการเมืองว่ามีนัยยะอะไรหรือไม่ นาย พรเพชรกล่าวว่า ไม่ขอวิจารณ์ แต่ทุกคนมีสิทธิ์วิจารณ์และพูดได้ว่าเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ มีสิทธิ์จะว่าสนช.ได้ แต่เชื่อว่า สนช.ชี้แจงได้ ไม่มีปัญหา และยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่น่ากลัว ทุกอย่างเป็นไปตามโรดแม็ป และอย่าไปมองว่าความคิดเห็นต่างเป็นความขัดแย้งที่ทะเลาะกัน มันไม่ถูกต้อง

“นายกฯ ก็ถามนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. และผมว่าทะเลาะกันหรือไม่ ซึ่งไม่มีการทะเลาะกัน มีแต่การแสดงเหตุผล เพื่อให้เกิดการตกลงกันได้ ดังนั้น ยังมีเวลา ให้พ้น 300 วัน สนช.ลงมติร่างกฎหมายลูกฉบับสุดท้าย แล้วค่อยมาพูดกันใหม่” นายพรเพชรกล่าว

ยันไม่มีเป้าเลื่อนเลือกตั้ง

ด้านนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช. คนที่ 1 เปิดเผยว่า การประชุม สนช.วันที่ 30 มิ.ย.จะมีการตั้ง กมธ.ร่วม ระหว่างสนช. กรธ. และกกต. เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยกกต. ซึ่งเป็นฉบับแรกที่ผ่านความเห็นชอบจาก สนช.ว่ามีเนื้อหาที่ขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ ส่วนร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่ผ่าน สนช.เช่นกัน ทาง สนช.ได้ส่งให้ กรธ.และ กกต.ตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย.แล้ว เพื่อให้พิจารณาว่าจะเสนอให้ กมธ.ร่วม 3 ฝ่ายหรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามว่าฝ่ายการเมืองตั้งข้อสังเกตว่าการที่ สนช.และ กรธ.มีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องพ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง จะทำให้ร่างพ.ร.บ.ตกไปจนมีผลให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไป นายสุรชัยกล่าวว่า ยืนยันว่า กรธ.และ สนช.ไม่ได้ทะเลาะกันเรื่องการคัดเลือกผู้สมัครส.ส.หรือการทำไพรมารี่โหวต เพียงแต่มีความเห็นต่างกันเท่านั้น ที่สำคัญไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อให้ร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการ เมืองตกไปเพื่อเลื่อนการเลือกตั้ง ดังนั้น โรดแม็ปการเลือกตั้งยังคงเป็นไปตามเดิมที่วางเอาไว้

วอนมองโลกในแง่ดี

“อยากให้มองโลกในแง่ดีบ้าง เพราะถ้ามองในแง่ไม่ดีจะไม่มีใครกล้าตัดสินใจในประเด็นที่มีความขัดแย้ง ในทางกลับกันหาก สนช.รับร่างพ.ร.บ.มาจาก กรธ.โดย สนช.ไม่ได้แก้ไขอะไรเลย ย่อมมีบางฝ่ายมองว่า กรธ.และ สนช.เป็นพวกเดียวกันอีก กลายเป็นว่าคนทำงานโดนตลอด จึงต้องให้อิสระคนทำงานบ้าง และรัฐธรรมนูญได้ให้ทางออกไว้แล้ว คือตั้ง กมธ.ร่วม” นายสุรชัยกล่าว

เมื่อถามว่าหากในอนาคต สนช.มีมติเกิน 2 ใน 3 ไม่เห็นชอบกับร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง ตามที่ กมธ.ร่วมมีการแก้ไขจนร่างพ.ร.บ.ตกไป องค์กรใดจะเข้ามาจัดทำร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ นายสุรชัยกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ คิดว่าควรให้นายมีชัยมาตอบน่าจะเหมาะสมกว่า แต่ส่วนตัวมองว่าถ้าเกิดปัญหาที่ว่านั้นในช่วง 240 วัน ก็ต้องทำให้เสร็จภายใน 240 วัน จะไปขยับโรดแม็ปไม่ได้

“ปู”เชียร์”บิ๊กตู่”ลงเลือกตั้ง

ด้านท น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงข้อเสนอของฝ่ายต่างๆ ให้พล.อ.ประยุทธ์ ลงสมัครรับเลือกตั้ง ว่า ความจริงเป็นสิ่งที่ดี เพราะสิ่งที่ทุกคนอยากเห็นคืออยากให้ผู้นำประเทศมาจากการเลือกตั้ง ตนก็เปิดโอกาส และในฐานะประชาชนจะได้มีโอกาสพิจารณา หากคิดว่าไว้วางใจท่านก็จะเลือกมาเป็นนายกฯ

ส่วนที่นิด้าโพลระบุให้พรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์หันมาจับมือกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า หากพูดไปจะกลายเป็นความเห็นมากกว่า แต่ความเป็นจริงทุกพรรคต่างมีจุดยืนเป็นของตนเอง แต่สิ่งที่เห็นคล้ายกันคือเราอยากเห็นการเลือกตั้งเกิดขึ้น และอยากเห็นประเทศกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

ดักคออย่าวางกติกาเพื่อตัวเอง

นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีมีการตั้งข้อสังเกตว่าหากกฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้งไม่ผ่าน จะทำให้การเลือกตั้งเลื่อนไปถึงปี 2562 หรือไม่ ว่า การเลือกตั้งมีเวลาที่วางไว้ แต่เป็นความห่วงใยซึ่งทุกคนอยากให้เกิดความชัดเจนเพื่อให้ประเทศมีทางออก ทำให้การเลือกตั้งและระบบเดินได้ ส่วนเดินแล้วมีปัญหาก็ต้องหาช่องทางแก้ไข คลี่คลายไปในทิศทางที่ดี ส่วนกฎหมายยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีนั้น เท่ากับเอากุญแจมามัดมือตัวเอง ทำให้ตัวเองทำอะไรไม่ได้ เป็นการปิดหนทางการทำงาน ซึ่งน่าเป็นห่วง ไม่เช่นนั้นผู้ที่กำหนดจะต้องรับผิดชอบหากเกิดผลตามมาในอนาคต

ส่วนข่าวการตั้งพรรคทหารนั้น ต้องดูก่อนว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร ผู้นำของประเทศต้องทำให้เกิดความชัดเจน ต้องพูดให้ชัด ซึ่งตนเห็นว่าหากนายกฯ ตัดสินใจลงเลือกตั้ง เป็นเรื่องที่ดี ให้ประชาชนตัดสิน เป็นกระบวนการที่มีเกียรติ แต่สิ่งหนึ่งที่ควรระวัง สิ่งที่นายกฯ ทำมานั้นถ้าทำแล้วออกไปจากอำนาจทันทีถือว่าเข้ามาทำหน้าที่ในยามฉุกเฉิน แต่ถ้าเข้ามาสู่กระบวนการตรงนี้ อาจมีคนคิดได้ว่าจะสืบทอดอำนาจ จึงอยากให้เคลียร์ประเด็นเหล่านี้เพื่อไม่ให้เกิดครหา ไม่ให้เป็นปัญหาต่อไปในสังคมไทย อีกทั้งนายกฯ ในฐานะคนกลาง ต้องวางตัววางกติกาที่เป็นธรรมและเอื้อแก่ทุกฝ่าย ไม่ใช่วางกติกาเพื่อพรรคที่จะเกิดขึ้น หรืออนาคตทางการเมืองของตัวเอง ทุกฝ่ายจะได้สบายใจ รวมทั้งต่างประเทศจะรู้สึกว่าเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งจะเป็นความชัดเจนของประเทศด้วย

“มาร์ค”ให้แข่งขันเสมอกัน

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ระบุให้ดูสถานการณ์ก่อนว่าจะตั้งพรรคใหม่หรือไม่ว่า เรื่องการจะตั้งพรรคหรือไม่ ถือเป็นสิทธิ์และตนก็เป็นพรรค จะไปบอกว่าไม่ให้ตั้ง ห้ามตั้งนั้นไม่ได้ ใครอยากตั้งพรรคแล้วคิดว่ามีสิ่งที่จะนำเสนอกับประชาชนก็มีสิทธิ์ที่จะทำ เพียงแต่พอไปอิงกับผู้มีอำนาจในปัจจุบันและในสภาวะการเมืองที่พิเศษ ก็ต้องระมัดระวังว่าถ้ามีพรรคใหม่ขึ้นมาต้องให้ความมั่นใจกับทุกคนว่าจะแข่งขันอยู่บนพื้นฐานเดียวกัน

มิฉะนั้นยิ่งย้อนไปสู่ปัญหาการเมืองแบบที่มีการกล่าวหากันมาตลอดว่าใช้อำนาจรัฐหรือไม่ ซึ่งยุคนี้ยิ่งเรียกว่าเยอะมากด้วย ฉะนั้นตอนนี้ถ้านายกฯ บอกว่าคิดเรื่องทำงาน ก็ดี ตนขอให้ทำงานไป เพราะงานต่างๆ ที่ออกมาสังคมอาจจะสะท้อนว่าควรเป็นอย่างไร ก็ว่ากันต่อไป

สปท.ส่งมอบงานนายกฯ 31 ก.ค.

ที่รัฐสภา นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษก กมธ.วิสามัญกิจการสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (วิป สปท.) แถลงผลการประชุมว่า สปท.จะจัดงานการส่งมอบงานของ สปท.ให้กับนายกฯ ในวันที่ 31 ก.ค. เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมรัฐสภา โดยได้รับการติดต่อจากเลขาธิการนายกฯ ว่าพล.อ.ประยุทธ์จะเดินทางมาพบสมาชิก สปท.เพื่อขอบคุณที่ทุกคนร่วมกันทำงานอย่างแข็งขันตลอด 1 ปี 9 เดือน

โดยนายกฯ จะรับมอบงานและรับฟังรายงานสรุปผลการดำเนินงานของสปท. จากประธานสปท. และกล่าวปาฐกถาต่อสมาชิก สปท. ซึ่งจะเชิญหัวหน้าส่วนราชการที่ขึ้นตรงต่อนายกฯ ปลัดกระทรวง หรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่าประธานและรองประธาน สนช. มาร่วมงานด้วย จากนั้นนายกฯ จะร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับผู้ร่วมงานด้วย

พรรคเล็กโต้จับมือสู้ขาใหญ่

สำหรับรายชื่อสมาชิก สปท.ที่ลาออก หรือถึงแก่อนิจกรรมที่ผ่านมามี 22 คน ในจำนวนนี้มีคนที่ลาออกเพื่อไปลงสมัครรับเลือกตั้งตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้ลาออกภายใน 90 วัน มีทั้งสิ้น 17 คน อาทิ นายสุรชัย ดนัยตั้งตระกูล นายสุวัฒน์ จิราพันธุ์ นายธงชัย ลืออดุลย์ นายพรชัย ตระกูลวรานนท์ นายเกรียงยศ สุดลาภา นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล นายอับดุลฮาลิม มินซาร์ นายชัย ชิดชอบ นายสมพงษ์ สระกวี นายสันต์ศักย์ จรูญ งามพิเชษฐ์ นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ โดยจะมีผลในวันที่ 1 ก.ค. และ นายสุชน ชาลีเครือ มีผลพ้นจากตำแหน่ง วันที่ 4 ก.ค.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 29 มิ.ย. นายดำรงค์ พิเดช สมาชิก สปท. และหัวหน้าพรรคทวงคืนผืนป่าประเทศไทย ได้มายื่นใบลาออกจาก สปท. ให้มีผลวันที่ 4 ก.ค.นี้ เนื่องจากจะลงสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญปี 2560

นายดำรงค์กล่าวถึงกระแสข่าวเป็นหนึ่งในพรรคขนาดเล็กที่จะรวมตัวให้เป็นพรรคขนาดกลางหรือขนาดใหญ่เพื่อสู้กับพรรคขนาดใหญ่ และเป็นช่องทางได้ร่วมรัฐบาลในสมัยหน้าว่า “ไม่เป็นความจริง ผมไม่ทราบว่าข่าวมาจากไหน ตอนนี้ขอไปดำเนินกิจกรรมของพรรคก่อน และขอดูความชัดเจนในเรื่องไพรมารี่โหวตก่อน ตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจนเลย”

ชทพ.แบไต๋ร่วมผสมพันธุ์

นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงกรณีพ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล อดีตสมาชิก สปท. มีแนวคิดจะรวมพรรคเล็กเข้าด้วยกันเพื่อให้เกิดเป็นพรรคขนาดกลาง จะได้มีหนทางเข้าร่วมรัฐบาลโดยจะมาขายความคิดดังกล่าวกับพรรคชาติไทยพัฒนาว่า การจะมาคุยกับแต่ละพรรคนั้นต้องถามว่าได้ถาม คสช.แล้วหรือยังว่าตั้งพรรคได้จริงหรือไม่ และจะไปคุยกับพรรคต่างๆ ได้หรือไม่ เพราะในฐานะหนึ่งในแม่น้ำ 5 สาย กับ คสช.คงต้องประสานในสิ่งเหล่านี้ก่อนแล้วค่อยส่งสัญญาณมา

ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าพรรคชาติไทยพัฒนาไม่ปิดโอกาสใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า “ทุกพรรคไม่มีใครปิดโอกาส เพียงแต่ คสช.อนุญาตหรือไม่ ทุกพรรคเป็นมิตรกันหมด อยากจะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องการปฏิรูปการเมืองใหม่ แต่ตอนนี้ยังไม่มีการติดต่อกันมา เพราะยังทำอะไรไม่ได้ คสช.ยังไม่อนุญาต เมื่อถามถึงโมเดลการรวมพรรคเล็กร่วมรัฐบาลแล้วจะเสนอให้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ นายสมศักดิ์กล่าวว่า จะดันแบบไหน ถ้าจะสนับสนุนโดยให้มาเป็นหัวหน้าพรรค มาตามระบอบก็เป็นสิ่งที่ดีและควรสนับสนุน เราอยากเห็นพล.อ.ประยุทธ์ได้เดินตามเส้นทางนี้ เมื่อเสียงประชาชนเรียกร้องจากการทำโพลแล้วก็สมควรมาให้ถูกทาง เชื่อว่าประชาชนอยากให้พล.อ.ประยุทธ์เดินมาถูกทางมากกว่า

“ปู”ขึ้นศาลสืบพยานคดีข้าว

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ศาลฎีกาแผนก คดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ พร้อมทีมทนาย เดินทางมาสืบพยานฝ่ายจำเลยนัดที่ 14 ในคดีโครงการรับจำนำข้าวด้วยสีหน้า เรียบเฉย โดยมีอดีตรัฐมนตรี แกนนำพรรคและอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยจำนวนมาก และมวลชนจำนวนหนึ่งมาร่วมให้กำลังใจ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการตำรวจ นครบาล 2 จำนวน 1 กองร้อย ซึ่งครั้งนี้ยังคงนำแผงเหล็กมากั้นโดยรอบบริเวณทางเข้าศาล และมีเจ้าหน้าที่คอยยืนคุมผู้ที่จะเดินผ่านเข้าออกเพื่อการรักษาความปลอดภัยเหมือนเช่นเคย

น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้สัมภาษณ์ถึงการสืบพยานฝ่ายจำเลยในคดีโครงการรับจำนำข้าวนัดสุดท้ายในวันที่ 21 ก.ค.นี้ว่า เรามีพยานสำคัญหลายคนที่อยากให้มาพิสูจน์ต่อชั้นศาลว่าตนไม่ได้ละเลยในการปฏิบัติหน้าที่ หรือทำให้เกิดความเสียหาย และอยากให้พยานทุกปากของตนได้สืบพยานต่อศาล หวังให้องค์คณะและฝ่ายโจทก์ได้ซักพยานฝ่ายตนจนจบ เมื่อถามว่าจะส่งคำร้องต่อศาล เพื่อขยายเวลาสอบพยานเพิ่มเติมหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ต้องดูตามความเหมาะสมอีกครั้ง แต่อยากขอโอกาสให้ได้เบิกพยานทุกปากที่เราได้เสนอจนจบ

ยื่นคำร้อง”เผชิญสืบ”เพิ่ม

เมื่อถามถึงองค์การคลังสินค้าที่จ.อ่างทอง ขายข้าวในสต๊อกซึ่งเป็นข้าวดีแต่ขายในราคาต่ำ กังวลหรือไม่ที่จะถูกนำค่าความเสียหายมารวมอยู่ในคดีโครงการรับจำนำข้าวให้มากขึ้น น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า แน่นอน เรื่องนี้ตนได้ให้ฝ่ายทนายติดตามว่ามีผลต่อคดีหรือไม่ ที่ผ่านมาได้ร้องขอต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่าเรายังมีประเด็นข้อโต้แย้งในเรื่องสต๊อก และคณะอนุกรรมการปิดบัญชี

มาวันนี้ก็ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบใหม่โดยม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ในฐานะประธานอนุกรรมการตรวจสอบข้าวคงเหลือของรัฐ ซึ่งเรื่องนี้ยังมีข้อกังวลว่าหลักเกณฑ์ขั้นตอนจะเป็นอย่างไร ตามที่เป็นข่าวใน จ.อ่างทองที่นำข้าวดีมาขายในราคาต่ำ จึงอยากขอความเป็นธรรมให้ศาลมีการเผชิญสืบ ซึ่งตนได้ยื่นคำร้องต่อศาลในวันนี้แล้ว

ศาลยกคำขอ-นัดไต่สวนอีก7ก.ค.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการไต่สวน ทนายของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีการเดินเผชิญสืบโรงสีข้าวและคลังข้าว จ.อ่างทอง 16 แห่ง เนื่องจากมีข่าวว่านำข้าวดีไปขายเป็นข้าวเสียที่ใช้เป็นอาหารสัตว์ ทั้งที่มีการซื้อในราคาข้าวดี แต่กลับไม่ได้ขายออกไป และต้องการพิสูจน์ให้เห็นว่าข้าวที่เก็บอยู่ในโกดังในโครงการรับจำนำข้าวมีวิธีการและหลักเกณฑ์ที่ถูกต้องหรือไม่ ซึ่งฝั่งจำเลยเคยขอให้มีการเดินเผชิญสืบในชั้นป.ป.ช. โดยยื่นไปทั้งหมด 3 ครั้ง แต่ป.ป.ช.ไม่อนุญาต จึงมาขออนุญาตศาลในวันนี้

หลังเสร็จสิ้นการไต่สวนพยานทั้ง 3 ปาก ศาลพิจารณาถึงคำร้องฝ่ายจำเลยที่ขอให้ศาลเดินเผชิญสืบโรงสีข้าวและคลังข้าว เพื่อตรวจสอบให้พบความจริงว่าข้าวเสียหรือไม่นั้น ศาลเห็นว่าข้าวเป็นธัญพืชชนิดหนึ่งที่เสื่อมได้ตามกาลเวลา ขณะนี้ผ่านมา 2 ปีเศษแล้ว เป็นปัญหาข้อเท็จจริง การเดินเผชิญสืบไม่จำเป็นแก่คดี จึงให้ยกคำขอของจำเลย และนัดไต่สวนพยานจำเลยครั้งต่อไปในวันที่ 7 ก.ค.นี้ เวลา 09.30 น.

“วิษณุ”ลั่นไม่หยุดลุยยึดทรัพย์

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงความคืบหน้าการยึดทรัพย์น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในคดีรับจำนำข้าวว่า ต้องถามคณะกรรมการสืบทรัพย์ของกระทรวงการคลัง เพื่อความชัดเจน โดยขั้นตอนการสืบทรัพย์หากพบเมื่อใดก็ยึดหรืออายัดได้ นับตั้งแต่ออกคำสั่งสุดท้ายที่พ้นจากขั้นตอนอุทธรณ์ไปแล้ว เพื่อนำทรัพย์กลับมาเป็นของรัฐ ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินการได้ 10 ปี ส่วนจำเลยจะไปร้องต่อศาลเพื่อให้เพิกถอนคำสั่งทางปกครองนั้นก็เป็นเรื่องของจำเลย

เมื่อถามว่ามีข้อสังเกตว่าหน่วยงานเกี่ยวข้องยังคงนิ่ง เพื่อรอให้การพิจารณาของศาลอาญาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยุติก่อนจึงจะยึดหรืออายัด นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ได้นิ่ง ที่ตนตอบคำถามไปก่อนหน้านั้นว่าถ้าหาทรัพย์ไม่ได้ก็ต้องหยุด เนื่องจากมีสื่อมาถามว่าถ้าหาทรัพย์ไม่ได้แล้วจะทำอย่างไร แต่คดีนี้ยังมีเวลา 10 ปี และที่นิ่งก็ไม่ได้หมายความว่าหยุด ไม่อายัด ไม่ทำอะไร กระบวนการต่างๆ ยังเดินหน้าอยู่

“ที่ถามกันเรื่องนี้ไม่ได้กังวล แต่ถามเพื่อจะได้รู้ทางหนีทีไล่ในส่วนของรัฐต้องทำงานต่อไปและมีวิธีการเยอะที่จะทำ เพราะมีทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ปปท.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กรมบังคับคดี ที่ทำงานในส่วนของเขาแต่ไม่ทราบว่าทำอะไรบ้างเพราะเขาไม่ได้มารายงาน และที่จริงก็ไม่ควรจะไปเพ่นพ่านรายงานใครด้วย” นายวิษณุกล่าว

คลังรอป.ป.ช.ตรวจทรัพย์

ด้านนายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้ตั้งคณะทำงานสืบทรัพย์น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพื่อชดใช้ความเสียหายโครงการรับจำนำข้าว 3.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งตอนนี้ได้ส่งหนังสือไปยังป.ป.ช. สถาบันการเงินและธนาคารพาณิชย์ทุกแห่ง และกรมที่ดิน ให้ช่วยตรวจทรัพย์และแจ้งกลับมาที่กระทรวงการคลัง หากได้รับแจ้งจากหน่วยงานที่ส่งหนังสือไป กระทรวงการคลังจะเร่งส่งให้กรมบังคับคดีทำการยึดทรัพย์ เพื่อนำมาชำระความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อไป โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ได้พร้อมกันหมด เพราะจะทำให้การดำเนินการล่าช้า คาดว่าจะได้รับแจ้งจากป.ป.ช.ก่อนเป็นแห่งแรก เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่อดีตนายกฯ เคยแจ้งทรัพย์สินทั้งหมดไว้เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกฯ

“กระทรวงการคลังไม่ได้ดำเนินการสืบทรัพย์ล่าช้า เนื่องจากที่ผ่านมีปัญหาตีความข้อกฎหมายว่าหน่วยงานไหนจะเป็นผู้สืบทรัพย์ ซึ่งคิดว่ากรมบังคับคดีจะเป็นผู้ดำเนินการ แต่กรมบังคับคดีบอกว่าไม่มีอำนาจ จนนายวิษณุได้หาทางออกข้อกฎหมายให้กระทรวงการคลังในฐานะผู้เสียหายเป็นผู้สืบทรัพย์ ซึ่งเราได้เร่งดำเนินการทันที ไม่ได้ดึงเรื่องให้ล่าช้า” นายสมชัยกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน